วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

fckmerakme : 29 Just a second, we’re not broken.




29

Just a second, we’re not broken.



สามเดือนผ่านไป...

                วันเวลาผ่านไปค่อนข้างเร็ว

                งานละครเวทีของพวกผมประสบความสำเร็จอีกตามเคย

                ชานยอลกับแบคฮยอนตัวติดกันตลอดเวลา ยิ่งตอนที่ชานยอลยังไม่ถอดเฝือกนะ... โอ้โห แบคฮยอนนี่ดูแลประคบประหงมจนน่าอิจฉา

                จงอินกับโด้ก็ไม่ได้น้อยหน้านะ บางครั้งจงอินมันเก็บตังค์ไปหาโด้ที่อเมริกา บางครั้งโด้ก็บินมาหาที่เกาหลีด้วย 

                ทำไมทุกคนถึงได้ดูมีความสุข ต่างจากผม... ซึ่งอยู่คนเดียวมาสามเดือน



                ผมเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ... ถือซะว่าเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างผมกับเซฮุน ไม่ควรจะไปบอกคนอื่น แต่ผมเหนื่อยเหลือเกินกับการอยู่คนเดียว เพราะเซฮุนหายตัวไปเสียดื้อๆ โทรศัพท์ไปหาก็ไม่โทรกลับ ส่งข้อความไปหาก็ไม่ส่งกลับ บ้านที่ให้ผมย้ายมาอยู่ก็มีผมอยู่คนเดียว 

                ผมรู้ว่าเซฮุนอยู่ไหน ทำอะไรอยู่ จากข่าวในโทรทัศน์ ละครหรือโฆษณา บางทีอยากรู้มากๆ ก็เข้าไปในเพจเฟซบุ๊คของแฟนคลับที่เที่ยวตามเซฮุนไปทั่วจนรู้นั่นแหละว่ามันอยู่กองถ่ายก็สบายใจ       

                ผมจ้องปฏิทินบนผนังอย่างเคร่งเครียด...

                พรุ่งนี้เป็นวันรับปริญญาของผม

                แต่ผมไม่รู้ว่าเซฮุนมันจะรู้รึเปล่า ผมบอกเรื่องวันรับปริญญาไปตั้งแต่สองเดือนที่แล้ว ทั้งกระหน่ำโทร, กระหน่ำส่งข้อความไปหา แต่แน่นอนว่ามันไม่ตอบกลับมาซักแอะ 

                วันนี้เป็นวันสำคัญ... พวกคุณคงจำไม่ได้แล้ว แต่ผมยังจำได้ดี

            วันชี้ชะตาว่าผมจะเลิกหรือรักเซฮุนต่อไป

                เอาล่ะ... ไม่ว่ามันจะมาหรือไม่มา... ผมก็จะบอกเลิก...

                ไหนๆ ก็อยู่คนเดียวมาสามเดือนแล้ว อยู่คนเดียวจริงๆ จังๆ ต่ออีกจะเป็นไรไป



                “พี่ลู่...” เสียงของแบคฮยอนดังขึ้นข้างหูเหมือนเป็นการเรียกสติ ผมหลุดออกจากภวังค์ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าไม่ใช่พรุ่งนี้ที่เป็นวันรับปริญญา... มันเป็นวันนี้ต่างหาก!!!!

                “อือ ว่าไง”

                “ฮุนมันคงไม่ว่างจริงๆ น่ะพี่ แต่ฮุนมันไม่ใช่คนแบบนี้นะ พี่ลู่อย่าพึ่งเลิกกับมันเลยนะ”

                “พี่รู้ว่าฮุนไม่ใช่คนแบบนี้ แต่สามเดือนแล้วนะแบค พี่ขอโทษนะที่พี่ไม่ได้บอกอะไรพวกแกเลย แต่พี่ไม่รู้ว่ามันจะนานขนาดนี้” ผมหันไปพูดพลางถอนหายใจ คนรอบตัวผมที่เป็นรุ่นเดียวกันเริ่มถ่ายรูปกันอย่างเฮฮา แต่ต่างจากผมที่หลบมุมมานั่งกับชานยอล แบคฮยอนและจงอิน

                “เฮ้ย! ไอ้เสี่ยวลู่! มาถ่ายรูป” อี้ชิงกับจงแดที่ตอนนี้ตัวติดกันเป็นปลากระป๋องเดินเข้ามาหาและลากผมไปถ่ายรูปกับเพื่อนคนอื่น ผมแอบเห็นว่าระหว่างที่ผมเดินออกมา น้องๆ ทั้งสามคนรีบหยิบมือถือกันขึ้นมายกใหญ่ คงจะเรียกให้เซฮุนมา...

                แต่ช่างมันเถอะน้องเอ๋ย... ถึงมันมา พี่ก็จะบอกเลิก



กลางดึก

                “...” หลังจากงานเลี้ยงกับเพื่อนสนิทและน้องๆ เสร็จ ผมก็กลับมาที่ชองซูอพาร์ตเมนท์ เปิดประตูเข้าไปในห้องเงียบๆ ก่อนจะเปิดไฟ แล้วขว้างช่อดอกไม้กับตุ๊กตาบ้าๆ บอๆ ลงบนพื้นอย่างเหนื่อยหน่าย แน่นอนว่าเซฮุนขาดการติดต่อ มันไม่มาแม้กระทั่งเงา ผมทิ้งตัวลงบนโซฟาก่อนจะนึกคึก ดูรายชื่อในโทรศัพท์...

            ผู้จัดการชเว

                โทรหามาสามเดือนละ โทรหาฮุนทีนึง โทรหามึงทีนึง มึงไม่เคยจะรับเลยห่า

                โทรอีกรอบแล้วกัน

                (ฮัลโหล) เชี่ยยยยยยยย! แม่งรับสายเร็วจังวะ =[]=!! ทีกูกระหน่ำโทรตลอดสามเดือนไม่เคยจะรับอ่ะ!

                “เอ่อ ผมลู่หานนะครับ เป็นพี่ชายของเซฮุน”
 
                (อ่าครับ มีอะไร)

                “ผมอยากนัดเจอเค้าพรุ่งนี้สิบโมงที่ร้านกาแฟ UU ตรอกเมียงดงได้มั้ยครับ” 

                (ได้อยู่ๆ แต่ตรอกเมียงดงมันพลุกพล่านนะ คงได้แค่ห้านาที)

                “ครับ... ห้านาทีก็เหลือเฟือ เพราะผมจะพูดแค่ประโยคเดียว ขอบคุณที่รับซักทีนะครับ” ผมพูดประชดใส่ก่อนจะวางหูทันที มันจะงงอะไรก็ช่างหัวแม่ง =___= 

                ใช่... ประโยคเดียวที่ว่าก็คือ...

                เราเลิกกันเถอะ




                ผมมาก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง สั่งลาเต้ร้อนแก้วนึงก่อนจะเลือกที่นั่งด้านในสุด เพราะกลัวว่าฮุนมันจะเป็นที่สะดุดตาของฝูงชน เฮ้อ... จะเลิกกับมันอยู่ละยังไปห่วงมันอีกเนอะ

                เมื่อถึงเวลาสิบโมงเป๊ง ผมก็มองออกไปด้านนอกประตู เห็นชายคนหนึ่งที่ปิดหน้าปิดตามิดชิด ทั้งใส่แว่นกันแดด, ใส่หมวกแก๊ป, ผ้าพันคอพันคอซะหนากำลังเดินเข้ามาในร้าน แล้วสั่ง... ชานมไข่มุก -_-^ ซึ่งแน่นอนว่าทางร้านไม่มีก็เลยสั่งชาเย็น

                ผมจ้องจนตาแทบจะถลนออกมาเพื่อให้มันรู้ว่ากูอยู่นี่ มันเองก็มองไปรอบๆ เหมือนกันจนเห็นผมเข้า รอยยิ้มของฮุนผุดพรายบนใบหน้า เป็นรอยยิ้มที่เห็นแล้วหายเหนื่อยจริงๆ นะ... 

                “พี่ลู่...” มันวิ่งเข้ามาหาพร้อมชาเย็นในมือก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

                “ยังจำชื่อพี่ได้อีกหรอ”

                “ง่ะ ทำไมพูดแบบนั้นอ่ะ งานผมยุ่งมากก แต่ก็ใกล้จะปิดกองแล้วแหละ เดี๋ยวผมต้องรีบไปต่อละ มาให้เห็นหน้าได้แค่นี้จริงๆ” ดูมัน... พูดกันยังไม่ถึงสิบวินาทีก็กำลังจะลุกหนี

                “เดี๋ยว...” ผมรั้งเอาไว้ ซดลาเต้เข้าปากตัวเองให้หมดเพราะความงก ก่อนจะจ้องหน้ามัน

                “หืม?”

                “เราเลิกกันเถอะ” ผมกลั้นใจพูดออกไป แต่คุณเข้าใจความรู้สึกไหม... มันเหมือนมีฟ้าฝ่าเปรี้ยงลงมากลางโต๊ะ ทั้งผมและฮุนจ้องตากันด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก ก่อนที่เซฮุนจะเป็นคนเอื้อมมือมาจับมือผม

                “พี่ลู่พูดว่าอะไรนะ”

                “บอกว่าเราเลิกกันเถอะ ได้ยินรึยัง” ผมพูดก่อนจะหลบตาและสะบัดมือที่ถูกจับทิ้ง 

                “พี่ลู่มีคนใหม่หรอ...”

                “ไม่มี พี่ไม่มีใครทั้งนั้นแหละ...”
                “...”

                “ไม่มีแม้กระทั่งฮุน” ผมพูดก่อนจะก้มหน้านิ่ง ไม่อยากจะนั่งนานกว่านี้เพราะกลัวว่าตัวเองจะได้เห็นแววตาที่น่าสงสาร ผมจึงรีบลุกขึ้นก่อนจะเดินจ้ำอ้าวออกมาจากร้าน ปล่อยให้เซฮุนนั่งเอ๋ออยู่แบบนั้น แต่ก็เอ๋อได้ไม่นานนักหรอก เพราะแฟนคลับเริ่มจำได้และรุมเข้าไปขอลายเซ็น...

                ผมรีบกลับไปที่ชองซูอพาร์ตเมนท์ เก็บข้าวของของตัวเองที่เตรียมไว้แล้วตั้งแต่เมื่อคืน ก่อนจะหอบข้าวของพะรุงพะรังเป็นบ้าหอบฟาง แล้วเดินออกมาจากห้องเพื่อรอลิฟต์...

                แต่ทำไมลิฟต์ตัวนี้มันขึ้นมาถึงชั้นนี้เลยล่ะ O_O!!!             

                ทันทีที่ลิฟต์เปิดออก ใจผมก็แทบจะสลาย มือไม้อ่อนไปหมด เพราะภาพที่เห็นตรงหน้าคือเซฮุนที่กำลังหอบเหนื่อยเหมือนวิ่งมาสุดชีวิต มันกดลิฟต์ให้ประตูเปิดค้างไว้อย่างนั้นก่อนจะจ้องหน้าผม

                “อย่าไปเลยนะ... อย่าพึ่งไป...”

                “ฮึก... ไม่เอา” จู่ๆ จมูกก็แสบ เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่ลำคอ น้ำใสๆ เริ่มเอ่อคลอในดวงตาของผม ไอ้ครั้นจะวางของทั้งหมดแล้วเอามือมาเช็ดน้ำตามันก็ใช่เรื่อง

                “พี่ลู่... ฮุนขอ...”

                “...” ผมไม่ตอบอะไรพลางดันตัวเองเข้าไปในลิฟต์ วางของเหล่านั้นก่อนจะดันตัวเซฮุนให้ออกไปจากลิฟต์แล้วกดปิดลิฟต์ทันที เซฮุนเองก็ดูเหมือนไม่อยากยื้อเพราะมันทำได้แค่มองผมผ่านช่องเล็กๆ ของประตูลิฟต์ที่กำลังจะปิดลง

                แววตานั้น... ที่แพ้มาไม่รู้กี่ครั้ง...

                อืม... แพ้อีกครั้งเป็นครั้งสุดท้ายก็ไม่เห็นจะเป็นไร...
                ปล่อยให้น้ำตาไหลลงไปพร้อมๆ กับลิฟต์แล้วกัน




สองวันถัดมา...

                ไม่รู้ว่าผมนึกคึกอะไร นั่งรถเมล์ไปที่ชองซูอพาร์ตเมนท์ แต่ก็ไม่ได้แวะเข้าไปหรอกนะ... ก็แค่แวะไปที่สวนสาธารณะข้างๆ ที่เคยมากินชานมไข่มุกกับเซฮุน ผมเดินเข้าไปในร้านขายชานมไข่มุกนั้นซึ่งหลังจากที่ผมย้ายมาอยู่กับเซฮุน เราก็มากินที่ร้านนี้แทบทุกวันจนสนิทกับเจ้าของร้านไปแล้ว 

                “เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นเซฮุนเลยนะลู่หาน” ป้าเจ้าของร้านพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เพราะป้าแกรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเซฮุนเป็นอย่างดี แต่ป้าแกก็รู้กาลเทศะพอ เพราะตอนนี้ในร้านไม่มีลูกค้าอยู่เลยซักคน

                “พึ่งเลิกกันเมื่อสองวันก่อนครับป้า”

                “หาาาา O[]O!!! ทำไมเป็นแบบนั้นไปได้ล่ะ...”

                “งานมันเยอะ ผมไม่ชอบให้แฟนเป็นดารา ฮ่าๆๆๆ” ผมตอบติดตลกก่อนจะเกาหัวเขินเหมือนมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร

                กรุ๊งกริ๊ง!
                เสียงคนผลักประตูร้านเข้ามา ผมไม่ได้หันไปมองเพราะนั่งมองป้าผสมชานมไข่มุกให้อยู่ แต่ป้าก็เป็นฝ่ายเงยหน้าขึ้นไปมองลูกค้าคนใหม่

                “ยินดีต้อ... อ่า... เซฮุนนา” 

                Pardon!!?

                ผมหันไปมองคนที่เข้ามาใหม่ ไม่ใช่ใครอื่นไกลเลย... เป็นเซฮุนจริงๆ แต่มันไม่ได้ปิดบังใบหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว แถมยังเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มฮุนนี่~คนเดิม 

                “ไหนบอกเลิกกันแล้วไงอาลู่” ป้าหันมาถามผมด้วยความสงสัย

                “ก็เลิกกันแล้วอ่ะดิป้า!! อะไรของมึงเนี่ยยยย!” ผมหันไปตอบป้าก่อนจะหันไปด่ามัน 

                “อะไรครับ ใครเลิกกัน?” ดูมันถาม กวนส้นตีนกูเป็นที่สุด

                “มึงกับกู” ผมตอบหน้าตาย แต่มันกลับทำหน้าประหลาดใจ

                “เฮ้ยยยย! เลิกได้ไง เลิกตอนไหน!! O_O ป้าดูพี่ลู่ดิ หาเรื่องจะเลิกกับผมเฉยเลย คนอะไรนิสัยไม่ดี T^T” มันพูดด้วยสีหน้าเหมือนเด็กฟ้องแม่ ป้าเจ้าของร้านยิ้มให้งงๆ ก่อนที่จะมองหน้าผม

                “เลิกกันแล้วจริงๆ ป้า -_-^” ผมรีบตอบก่อนจะพูดเสริม “เพราะมันเป็นดาราทั้งวันทั้งคืนจนไม่ได้เจอหน้าสามเดือน โทรไปก็ไม่โทรกลับ ส่งข้อความไปก็ไม่รู้เรื่อง”

                “หาาา! ผมเป็นดาราด้วยหรอ O_O! แล้วผมไม่ได้เจอกับพี่ลู่สามเดือนเต็มตอนไหนไม่ทราบ! ก็ตัวติดกับพี่ลู่ทั้งวันทั้งคืนเนี่ย!” ไอ้ฮุนตอบกลับมา หนอยยยย! ยังมีหน้ามาทำซื่อบื้ออีก

                เอ๊ะ... เมื่อกี้มันพูดว่าอะไรนะ...

                “อะไรจ๊ะฮุน หนูน่ะเป็นดาราดังเลยน้า ดูหลักฐานเลย...” แล้วป้าเจ้าของร้านก็ชี้ไปที่รูปถ่ายพร้อมลายเซ็นโอเซฮุนที่อยู่ข้างผนังร้าน มันเบิกตาโตด้วยความตกใจก่อนจะรีบส่ายหน้า

                “อะไรของป้าอ่ะ มั่วใหญ่แล้วๆ” เซฮุนรีบส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะมองหน้าผมด้วยสายตาน่าสงสาร “พี่ลู่... บอกป้าเค้าสิว่าฮุนยังไม่ได้เป็นดาราเลยนะ”

                “ดอก -_-; กูไม่ได้อยู่ข้างมึง จะไปไหนก็ไป กูไม่อยากเห็นหน้ามึง” ผมไล่มันไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ คือหัวใจจะหลุดออกมาจากอกแล้วไง -_- เข้าใจอารมณ์ปะ อยู่ๆ แฟนเก่าแม่งความจำเสื่อมมาหาเราเงี้ย 
 
                เป็นใครใครก็ต้องหวั่นไหว ฮรือออออออ TT^TT

                “พี่ลู่อ่ะ” มันพูดน้อยใจก่อนจะเดินคอตกออกจากร้านไป แต่ขณะที่มันกำลังก้าวขาออกจากร้าน ผมก็เหลือบไปเห็นเหล่าบรรดาผู้หญิงที่เดินผ่านไปผ่านมากำลังมองมาที่เซฮุนด้วยแววตาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่าคนนี้ใช่โอเซฮุนจริงหรือไม่   
         
                ฟึ่บ!
                ไม่รู้ว่าเป็นเพราะต่อมใต้สมองหรือจิตใต้สำนึกเหี้ยอะไรในใจผมทำให้ผมทำแบบนี้ แต่ผมก็วิ่งไปคว้าตัวมันมาไว้ในร้านแล้วล็อกกุญแจร้านทันที โชคดีที่ผู้หญิงเหล่านั้นไม่ได้สนใจอะไรต่อและต่างคนต่างก็เดินหายไป

                “หืม?” มันมองหน้าผมงงๆ แน่นอนว่าผมพูดอะไรไม่ออกและรู้สึกจุกในลำคอ แต่ผมก็รีบปล่อยตัวมันก่อนจะเดินไปที่กระเป๋าตัวเอง

                “เอ้านี่” ผมหยิบแว่นกันแดดกับหมวกแก๊ปให้มัน ซึ่งผมมีของแบบนี้ติดตัวอยู่แล้ว เพราะแฟนคลับบางคนดันเสือกรู้ว่าผมเป็นพี่ชายของเซฮุน

                “ทำไมต้องเอาให้ผมด้วยอ่ะ” 

                “ฮุน -_-; อย่าแกล้งโง่แกล้งเซ่อได้มั้ย ข้อ1. มึงเป็นดาราดัง ข้อ2. กูเลิกกับมึงแล้ว จบมั้ย?” ผมหันไปมองหน้ามันจริงจังก่อนจะหยิบชานมไข่มุกที่ป้าทำเสร็จแล้วและเดินออกมาจากร้าน แต่มันก็ยังไม่วายวิ่งตามมาอีกโดยที่ถือแว่นกันแดดกับหมวกแก๊ปไว้ในมือ

                “พี่ลู่...”

                “ฮุน! กูบอกให้ใส่ไว้ไง!!” ผมโวยวายก่อนจะคว้าแว่นกันแดดและหมวกแก๊ปใส่ให้มันเสร็จสรรพ 

                “เราเลิกกันแล้วจริงๆ หรอ”

                “เออ”

                “งั้นขอแค่ซักวินาทีนึงได้มั้ยที่เรายังคบกันอยู่...” เสียงดูแผ่วเบาและเหมือนจะขาดใจ ผมไม่กล้าสบตาอีกตามเคย แต่ก็รีบกลั้นใจพูดความในใจออกไปทั้งหมด

                “ฮุน... ที่ผ่านมาสามเดือน...” เมื่อพูดคำว่าสามเดือนก็เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่อก หัวใจลงไปอยู่ที่ตาตุ่มอัตโนมัติ “สามเดือนน่ะฮุน... ที่พี่ให้ฮุน แต่ฮุนไม่เคยสนใจมันเลยแม้แต่นิดเดียว”

                “...”

                “แต่มาวันนี้ ฮุนจะมาขอพี่หนึ่งวินาทีงั้นหรอ... เฮอะ... ถึงพี่จะมีให้ล้านวินาทีพี่ก็ไม่อยากให้ฮุนแม้แต่ครึ่งวินาที เพราะพี่รู้ว่าฮุนก็จะเอามันไปทิ้งๆ ขว้างๆ อีก”

                “ที่ผ่านมาผมดูเลวขนาดนั้นเลยหรอ”

                “ฮะ?”

                “ไม่ใช่... หมายถึง สามเดือนที่ผมจำอะไรไม่ได้เนี่ย ผมเลวขนาดนั้นเลยหรอ” 

                ภายใต้หมวกแก๊ปและแว่นกันแดด ผมมองลึกเข้าไปในดวงตาของคนตรงหน้า 
                รู้เลยว่าตาเรารู้สึกเดียวกัน... 

                เจ็บเหมือนกัน 

                ครืดดดดดด...
                โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของผมสั่นขึ้นมาเหมือนขวางอารมณ์พวกเราไว้ ผมจึงรีบรับโทรศัพท์ทันทีโดยไม่ได้มองว่าใครโทรมาด้วยซ้ำ

                “ฮัลโหล”

                (พี่ลู่ นี่แบคนะ... พี่ลู่อยู่กับฮุนรึเปล่า) อ่า... แบคฮยอนนี่เอง

                “ใช่ ถ้าอยู่แถวชองซูอพาร์ตเมนท์ก็ช่วยมาเอามันไปเก็บด้วย มันมาพร่ำพูดว่าความจำเสื่อมอะไรก็ไม่รู้ พี่ไม่อยากฟัง” ผมพูดไปก็มองหน้ามันไป

                (อ่า พี่ลู่ นั่นแหละที่ผมจะโทรมาบอก)
                “...”
                (มันเป็นอะไรของมันไม่รู้ จู่ๆ ก็ความจำเสื่อม จำเรื่องราวระหว่างที่มันเป็นดาราไม่ได้เลย ขนาดโด้ไปอเมริกามันยังไม่รู้เลยพี่)

**********

                เราเลิกกันเถอะ

                คำๆ นั้นยังก้องอยู่ในหัวของผม 

                ตลอดเวลาที่ผ่านมาสามเดือน โอเค... ผมยอมรับว่าโทรศัพท์ผมยังไม่โทรกลับ ข้อความก็ไม่ได้อ่านเลยแม้แต่น้อย เพราะผมถูกพี่ผู้จัดการทำโทษน่ะสิ -_-; ก็พี่เค้าอยากให้ผมเลิกกับแฟน (โชคดีที่ไม่รู้ว่าเป็นพี่ลู่) จะได้ไม่ต้องมีใครมาขวางการทำงานของผม เอาจริงๆ คือผมจะคอยติดต่อกับพี่ลู่ทางมือถืออยู่บ่อยๆ จนพี่ผู้จัดการรำคาญและหาว่าผมไม่ใส่ใจจะทำงาน

                แน่นอนว่าผมเถียงกลับไม่ยั้ง เขาจึงยึดมือถือของผมไปสามเดือน 

                จะกลับไปหาพี่ลู่ที่อพาร์ตเมนท์ก็ไม่ได้ เพราะตอนนี้ผมต้องกินในรถ นอนในรถ ทำทุกอย่างบนรถ จะแวบออกมาก็โดนล็อคคอให้กลับเข้าไปในรถตามเดิม 

                แล้วจู่ๆ พอครบสามเดือน พี่ผู้จัดการก็บอกให้ผมไปร้านกาแฟแห่งหนึ่งตอนสิบโมง เพราะพี่ชายอยากเจอ แค่นั้นแหละ... โห คุณเชื่อมั้ย เหมือนโลกทั้งใบเป็นของผมคนเดียว

                แต่พอไปถึง... ก็ถูกบอกเลิกซะงั้น

                ผมไม่อยากเป็นดาราอะไรนี่แล้วอ่ะ...

                แบค... ฮึก... กูพูดอย่างไม่อายเลยนะว่ากูคิดถึงพี่ลู่มาก มึง... กูจะทำยังไงดี กูต้องทำยังไงวะ ผมโทรศัพท์ไปหาแรดตัวแม่ทันทีที่ได้มือถือคืน ก่อนจะเล่าเรื่องราวให้ฟังทั้งหมดโดยเผลอร้องไห้ออกมาไม่รู้ตัว

                (อันดับแรกมึงต้องตั๊นหน้าผู้จัดการมึงก่อน)

                โหยอีเหี้ย เรื่องนั้นเอาไว้หลังสุดเหอะ อย่างน้อยๆ พี่เค้าก็ต้องดูแลกู รอให้กูปีกกล้าขาแข็งก่อนเถอะ จะต่อยไม่ยั้งเลยแหละ

                (มึงก็ไปเล่าให้พี่ลู่ฟังแบบที่มึงเล่าให้กูฟังเนี่ยแหละ)

                พี่เค้าไม่ฟังหรอก ขนาดกูวิ่งตามไปถึงห้องพี่เค้ายังถีบกูออกมาจากลิฟต์เลย

                (งั้นก็... ต้องแกล้งทำเป็นความจำเสื่อม)

                ฮะ -0-?’ ความคิดของแรดตัวแม่ที่เหมือนหลุดออกมาจากนิยายวัยใสนี่มันเหลือเกินจริงๆ -_-;

                (เออน่ะ เดี๋ยวกูช่วยมึงอีกแรง แค่มึงใช้ความสามารถการแสดงของมึง จำช่วงที่มึงเป็นดาราไม่ได้เลย แม้กระทั่งเรื่องที่โด้ไปอเมริกามึงก็ต้องจำไม่ได้ เรื่องชานยอลเข้าเฝือกมึงก็จำไม่ได้)

                อืม... จะลองดู

                แล้วก็ออกมาเป็นแบบนี้แหละครับ =____=

                พี่ลู่แทบจะเอามีดปาดคอแต่ผมก็ต้องหน้าด้านสู้ต่อ T^T กลัวคนจะจำได้อยู่เหมือนกันนะ แต่ถ้าผมยังหาอะไรมาปิดบังหน้าตัวเองก็เท่ากับว่าผมเป็นดารา เพราะฉะนั้นผมต้องเปิดเผยหน้าตาเต็มที่!

                ลืมบอกอีกอย่าง... ผมหนีพี่ผู้จัดการมาแหละ -_-;

                “พี่ลู่ ผมจำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ นะ ผมไม่รู้ว่าสามเดือนที่แล้วผมทำอะไรไว้บ้าง” ผมพยายามเดินตามพี่ลู่ที่เดินเร็วชิบเป๋ง พี่ลู่มาหยุดยืนรอรถเมล์เพื่อกลับบ้านแต่ผมก็มายืนรอด้วย เมื่อพี่ลู่ขึ้นรถผมก็ขึ้นตามและลงไปนั่งข้างๆ

                “ฮุน มึงจะตามกูมาทำไม”

                “ก็จะไปบ้านพี่ลู่ด้วยไง ถ้าพี่ลู่ไม่ฟังผม ผมก็จะพูดไปเรื่อยๆ จนกว่าพี่จะฟัง”

                “หึ! ลองไปสิ ถ้ามึงอยากกลับบ้านแบบไม่ครบสามสิบสองอ่ะนะ แค่ป๊ากูเห็นหน้ามึงในโฆษณาสิบวินาทีก็หารีโมทปิดแทบไม่ทันละ” พี่ลู่หันมาพูดด้วยสายตาเหยียดหยาม แต่ผมไม่ยอมหยุดแค่นี้หรอก!

                “ถ้าต้องไปตายคาบ้านป๊าผมก็ยอม” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนจะมองออกไปด้านนอก และเราก็นั่งเงียบกันไปตลอดทาง 

                คิดไปคิดมา...
                กูจะแกล้งความจำเสื่อมทำไมวะ =________=
                เพราะความคิดนิยายน้ำเน่าของอีแรดแบคแท้ๆ -___-^
                แต่เอาเถอะ ถ้าไม่ความจำเสื่อม พี่ลู่คงไม่มองหน้าเราด้วยซ้ำ
                


                ซักพักก็ถึงป้ายรถเมล์ที่อยู่แถวบ้านพี่ลู่ เราสองคนก็ลงมาจากรถเงียบๆ อีกเหมือนเดิม ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในละครหลังข่าว นางเอกเดินอยู่ด้านหน้า ส่วนเราก็เดินตามหลังเงียบๆ ไม่พูดอะไรทั้งนั้น

                แต่นี่มันชีวิตกูครับบบบบ T^T มันไม่ใช่ละครรรร

                “จะเข้าไปในบ้านจริงๆ หรอ” เมื่อถึงบ้าน พี่ลู่ก็หันมาพูดกับผม ผมมองเข้าไปด้านในก็เห็นเงาอาป๊ากำลังนั่งดูทีวีอยู่เลย TOT

                “เข้าครับ” ผมตอบเสียงแอบสั่น5555555 เอาเฮอะ มาถึงขั้นนี้ละ ผมจึงเดินตามพี่ลู่ไปเงียบๆ จนพี่ลู่ทักอาป๊าเป็นภาษาจีนแล้วป๊าหันมาเท่านั้นแหละ...

                !@#$%^&*!@#$%^&*” ป๊าแกยิงภาษาจีนใส่พี่ลู่ แถมยังทำหน้าประหลาดใจ ไม่ได้รังเกียจอะไรผมเลย

                !@#$%^&*!@#$%^&*!@#$%^” พี่ลู่ตอบกลับไปเป็นภาษาจีนแล้วเขาสองคนก็คุยกันเป็นภาษาจีนแบบที่ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย -*- สุดท้ายพี่ลู่ก็คว้าข้อมือผมให้ขึ้นไปบนห้องนอน

                “ป๊าไม่ได้โกรธผมหรอ” เมื่อเข้าไปในห้องนอน ผมก็รีบถามทันที

                “ไม่...”
                “...”

                “ป๊าบอกว่าที่ปิดทีวีแบบนั้นเพราะกลัวว่าพี่จะเสียใจที่เห็นหน้าฮุน” ขอบคุณสวรรค์ T^T!!! อย่างน้อยๆ ป๊าก็ไม่ได้เกลียดกูและที่สำคัญ... พี่ลู่กลับมาใช้สรรพนามเดิมแล้วววววว (มันสำคัญตรงนี้ >O<)

                “...”
                “ฮุน ฮุนความจำเสื่อมจริงๆ หรอ...”

                “...”

                “ถ้าเสื่อมจริง พี่ให้ฮุนล้านล้านวินาทีเลย ขอแค่ให้อยู่ด้วยกัน...” พี่ลู่ถอดหมวกแก๊บและแว่นกันแดดที่อยู่บนหน้าผมก่อนจะเขย่งขึ้นมาจูบเบาๆ ที่ปากผม

                “ไม่ได้เสื่อมหรอก =_=” ผมตอบไปตามจริง

                “ฮะ =[]=!!!! ไอ่ฮุนนนนน! มึงหลอกกูอีกแล้วใช่ม้อยยย T^T” พี่ลู่รีบถอยไปตั้งหลักถือไม้เบสบอลไว้ในมือ โถ T^T นี่สามเดือนที่พี่ลู่ต้องอยู่คนเดียวหล่อหลอมให้พี่ลู่กูแมนขึ้นมากเลยสินะ 

                “พี่ฟังผมก่อน ฟังให้จบแล้วค่อยด่า” ผมรีบพูดขวางก่อนจะปรี่เข้าไปดึงไม้เบสบอลมาไว้ในมือตัวเองให้เรียบร้อย จับพี่ลู่ให้นั่งลงบนเตียง ลูบหลังให้ใจเย็น (ถึงพี่แกจะสะบัดทิ้งก็เหอะ) แล้วเล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเองอย่างจริงใจ



                “จริงหรอ (._.)” นั่นไง -*- พอรู้ความจริงปั๊บ กลายเป็นพี่ลู่คนเดิมซักที~

                “ผมขอโทษนะที่ไม่ได้ไปงานรับปริญญาพี่ลู่ ขอโทษที่ทิ้งพี่ลู่ไว้อย่างนั้น...” ผมพูดพลางก้มหน้านิ่ง แต่พี่ลู่ก็จับคางผมไว้เบาๆ ก่อนจะขโมยจูบกูอีกละ -_-;

                “ไม่โกรธแล้ว~ เป็นแฟนกันเหมือนเดิมนะ” พูดจบก็ทำตาโตแอ๊บแบ๊ว ยื่นนิ้วก้อยมาให้เกี่ยวอีกต่างหาก

                “แรดอ่ะ เมียใครอ่ะ =____=

                “เมียมึงเนี่ยแหละ จะคบกันเหมือนเดิมมั้ยห๊าาาา =O=!!
               
                “คบครั่บๆ (_ _)” ผมรีบตอบก่อนที่จะผลักพี่ลู่เบาๆ ให้ลงไปนอนบนเตียงจนเจ้าตัวทำหน้าเอ๋อ

                “อะไรอ่ะ O_O จะทำอะไร!?” 

                “ทำแบบที่คนเป็นแฟนกันเค้าทำกันไงพี่ลู่...” ผมพูดพลางถอดเสื้อตัวเองออกอย่างรวดเร็ว แต่พี่ลู่ก็เด้งตัวขึ้นมาก่อนจะรีบส่ายหน้า

                “ไม่เอาตรงนี้ T^T ถ้าป๊าได้ยินทำไงฮะ?”

                “ป๊าไม่ได้ยินหรอก ป๊าดูทีวีอยู่...” ผมจับให้พี่ลู่ที่ยังทำหน้าเหรอหราให้ลงไปนอนบนเตียงอีกรอบ ก่อนที่ตัวเองจะขึ้นคร่อม เอาวะ ตายเป็นตาย ถ้าป๊าเปิดประตูมาตอนนี้กูก็พร้อมจะโดนยิงทิ้ง TOT

                ผมก้มลงไปจุมพิตเบาๆ ที่ปากเรียวน่ารัก แต่ที่ไหนได้ อิเจ๊แกสอดลิ้นเข้ามาเฉยเลย แล้วจะให้โอเซฮุนผู้อยู่ด้านบนอยู่เฉยได้ไงคร้าบบ ก็เกี่ยวลิ้นกลับไปสิถามได้ เราสองคนแลกลิ้นกันนัวเนียแต่มือนี่ไม่อยู่เฉยนะจะบอก พี่ลู่เองนางก็เชี่ยวชาญมาจากไหนไม่รู้ ถอดเสื้อตัวเองออกแทบจะทันที ถึงแม้ระหว่างถอดเสื้อมันจะต้องทำให้ปากเราผละออกจากกันก็เถอะ แต่ Who cares? ผมก็ก้มลงมาจูบอีกรอบสิ

                ตอนนี้ทางสะดวกมากขึ้นครับ ผมไม่รอช้า (เดี๋ยวป๊าเปิดประตูมา) รีบไต่ลงจากหน้าผาด้วยการไซ้ตามซอกคอไปเรื่อย

                “คิก... จั๊กจี้อ่ะ” พี่ลู่หลุดหัวเราะออกมา แต่ผมก็ไม่รอให้เวลาคอยท่า บรรจงฝังริมฝีปากไปทั่วร่างกายขาวเนียน มือขวาผมก็บีบคลึงสะโพกกลมมนเร้าอารมณ์ให้พี่ลู่มากขึ้นไปอีก แต่แม่งโคตรเหมือนเร้าอารมณ์ตัวเอง -_-; เพราะตอนนี้น้องชายผมเริ่มเซย์เฮลโหลละ มันนูนออกมาจากกางเกงยีนส์จนเห็นได้ชัด

                “อ... ไอ่ฮุน ทุเรศใหญ่แล้วนะ... อ๊ะ” ดูพี่ลู่ -_-; จะตายคาอกน้องอยู่แล้วยังมีหน้ามาด่าอีกนะ

                “อันนี้แค่จิ๊บๆ นะครับคุณพี่” ผมพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าก่อนจะถอดกางเกงตัวเองลงอย่างโรคจิต แล้วถอดชั้นในสีขาวทิ้งอย่างไม่ไยดีจนน้องชายออกมาผงาดสู่โลกนั้นแหละ

                “บ้า > / / / / <” พี่ลู่เอามือปิดตาตัวเองก่อนจะหลบหน้าหนีด้วยความเขิน

                “ตอนนี้มือพี่ลู่ไม่ควรจะปิดตานะครับ ควรจะถอดกางเกงตัวเองได้แล้วครับพี่...” ผมแกะมือพี่ลู่ออกแต่ก็ไม่ได้ทำตามที่ตัวเองพูด กลับเอาสองมือเรียวมาจับที่น้องชายผมแทน

                “เฮ้ยยยยยย ไหนบอกว่าให้เอามือมาถอดกางเกงพี่ไงงงงง ไอ่ฟรั๊คฮุนนนนน!” 

                “อย่าหยาบคายครับพี่ลู่ เดี๋ยวน้องผมหดพี่ลู่ต้องรับผิดชอบนะ... อืม...” พูดจบก็จับมือพี่ลู่ให้รูดรั้งแกนกายของตัวเองขึ้นๆ ลงๆ ตามจังหวะความเสียวซ่าน

                “อ๊ากกกกก พี่ลู่อย่าบีบเด๊!” แล้วผมก็ต้องร้องออกมาดังลั่นเมื่อพี่ลู่บีบน้องผมเหมือนจะบิดผ้า T^T ฮรือออ

                “ใครเค้าสอนให้ทำแบบนี้ฮะ? มานี่...” เฮ้ยๆๆๆ พี่ลู่จะทำอะไรกูวะ นางเล่นก้มลงคลานต่ำแล้วอมน้องผมเข้าไปเต็มรักเต็มปาก ก่อนจะขยับขึ้นลง ดูดดึงส่วนหัวก่อนจะอมไปจนมิด ลิ้นนางก็ซุกซนจนผม... โอ๊ยแม่งเอ๊ยยยยย เมียกูแม่งงงง

                “อา... พี่ลู่... พี่ลู่ของผม...” ผมครางต่ำออกมา พี่แกก็ใช้ฟันขบเบาๆ เพิ่มความเสียวสยิวขึ้นไปอีก 

                โอยยย เหี้ยเอ๊ยยยย กูกำลังเล่นกับไฟ T___T กูกำลังท้าทายโปรเฟสชั่นแนล!

                “พอละ... เหนื่อย” หาาาาาา O_O!!! จู่ๆ เจ๊แกก็หยุดก่อนจะเปลี่ยนขึ้นมาดูดที่ยอดอกของผมแทน 

                ฮรือออออออ T^T กูไม่น่าชวนพี่ลู่ให้ชอบดูดชานมไข่มุกเลยยยย แม่งเที่ยวดูดนู่นดูดนี่ทั่วตัวกูแล้วเนี่ย! TOT

                “ฮุน... ฮุนนา...” ครางชื่อกูอีก เหรี้ยครับเหรี้ย กูเสียวสยิวซาบซ่ามากครับบอกตรงๆ 

                “พี่ลู่... ขอ... อ๊ะ... ขอผมใส่เข้าไปเถอะนะ” ผมต้องแสดงเจตจำนงว่าผมเหนือกว่าให้พี่ลู่ฟังทั้งที่เรียวปากอิ่มยังคงครอบครองยอดอกของผมเหมือนอมจูปาจุ๊ป  

                “ไม่เอา... พี่เขิน...” โถอีเหรี้ยพี่ลู่ TT_____TT แล้วที่พี่กำลังทำผมอยู่มันคืออาร๊ายยยยย~

                “นะๆ” ผมอ้อนไปก็ขุดรากเหง้าความเมะในตัวให้พลุ่งพล่านออกมาด้วย ลบความสยิวให้ออกไปจากสมองก่อนจะจับพี่ลู่ให้นอนลง

                “ก็ได้ แต่ถ้าไม่เจ็บ พี่โกรธนะ...”

                ฮะ -O-?

                “คือจะเอาเจ็บๆ?”
                “เออ”
                “ซาดิสต์ว่ะะะะะ” ผมร้องออกมาก่อนจะเอาขาขวาพี่ลู่ให้เกี่ยวเอวผมไว้ แล้วจับแกนกายตัวเองให้เค้าไปในช่องทางรักของพี่ลู่แทบจะทันที

                “อ๊าาาาาา!! ไอ่... ไอ่ฮุน กูเจ็บบบบบ” แล้วใบหน้าพี่ลู่ก็ต้องเหยเกเพราะความเจ็บและจุก

                “ก็บอกว่าจะเอาเจ็บๆ!!

                “ไม่ใช่เจ็บอย่างนี้โว้ยยยย กูหมายถึงมึงไม่ต้องเกร็งงง จะทำอะไรก็ทำ ไม่ใช่ซาดิสต์แบบนี้ ฮรือออออ” พี่ลู่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่ผมมาได้ขนาดนี้ก็ไม่อยากจะหยุดละ ผมรีบสวนทางเข้าไป แต่พี่ลู่เองก็รู้งาน นางยกสะโพกมนขึ้นมาให้เต็มที่

                “อื้อ... มัน... มัน...” พี่ลู่เหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง

                “มันเสียวอ่ะซี่~

                “มันเจ็บบบบบบบบ!!” แล้วพี่ลู่ก็ตะโกนลั่นห้องจนผมต้องเอามือมาปิดปากแทบไม่ทัน

                “อย่าเสียงดังดิ เดี๋ยวป๊า...”

                “เออออ ช่างหัวป๊าแล้วว ตอนนี้กูเจ็บบบ T^T เอาออกปายยย~

                “โนววววววว! มาได้ขนาดนี้ เอาออกไม่ทันแล้วคร้าบบบ” ผมรีบซอยถี่เพื่อให้พี่ลู่ปรับตัวได้ แต่นางก็ยังทำหน้าเหมือนจะเอาออกให้ได้เลย 

                “ใจเย็นพี่ลู่ ใจเย็น...” ผมพยายามปลอบพี่ลู่ ที่ตอนนี้มือเริ่มอยู่ไม่สุข ข่วนแขนผมซะ -_-; นี่ร่างกายผมเอาไว้ขายนะครับพี่ ทำแบบนี้ได้ยังไง (เฮ้ย ไม่ใช่แบบนั้น คือกูหมายถึง ร่างกายไว้ออกทีวี ไม่ได้ขายตัวนะ55555)

                “อื้ม... อ๊ะ... อ๊ะ... อ๊ะ” เมื่อเริ่มปรับตัวได้ นางก็ฟินอะโลฮ่ากันล่ะทีนี้~ พี่ลู่ครางไปพร้อมๆ กับจังหวะที่ผมซอยเข้าไป 

                “เอา... เอาให้มิดเลยป่าว” เหงื่อเริ่มแตกครับ

                “มิดโล้ด!

                “โอเค้!!!” เมื่อได้รับคำสั่งจากนายเหนือหัวของบ่าว ผมก็จัดมิดด้ามตามใจเจ๊ทันที 

                “อ... อื้อออ” พี่ลู่เริ่มครางไม่เป็นศัพท์ แล้วนางก็ชิ่งปล่อยน้ำรักออกมาก่อนทั้งที่ผมยังไม่เสร็จ!!!

                “เฮ้ยยย ไม่ได้การแล้วววว กูต้องรีบบบบ” ผมโพล่งออกมาก่อนจะซอยถี่ยิบไม่เหลือซาก จนในที่สุดผมก็ปล่อยน้ำรักเข้าไปในตัวพี่ลู่จนหมด...

                “แฮ่ก... ไม่ไหวว่ะฮุน... มึงแม่ง...” พี่ลู่จะบ่นอะไรกูอีกล่ะ

                “ผมกากหรอ...”     

                “ไม่ใช่... แฮ่ก... มึงแม่ง กูอยากได้... อยากได้เซ็กส์แบบซึ้งๆ หวานๆ มึงแม่งทำกูจะฮาหลายรอบละสัส” อืม ผมก็ฮาตัวเองเหมือนกัน555555

                “พี่ลู่ก็เหมือนกันแหละ พูดคำหยาบแล้วยังโปรอีกนะ น้องอึ้งเลยนะ...”

                “กูแฟชั่นโว่ย!

                “ไม่เกี่ยว!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น