วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

fckmerakme 13 : Frenzy rehearsal.




13

Frenzy rehearsal



                พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันแสดงแล้วครับ ^___^

                ตอนนี้ทุกคนดูกระตือรือร้นกันใหญ่ พวกทำฉากก็ยังคงทำฉากกันอย่างหนัก ฝ่ายเครื่องแต่งกายนี่ก็ยังตัดชุดไม่เสร็จ แต่ฝ่ายผู้จัดการที่ไอ้ชานยอลมันแต่งตั้งให้เนี่ยสิ... ได้แต่นั่งเฉยๆ เพราะพวกเราไม่มีอะไรทำจริงๆ ครับ 555555

                “เราไปช่วยพวกเค้ากันดีกว่ามั้ย” ศรีโดโด้เอ่ยปาก พวกเราที่กำลังนั่งอมจูปาจุ๊บอยู่ก็เหล่ไปมองมันแบบเซ็งๆ 

                “ไม่” ผมตอบ

                “อย่าอย่างนี้สิ นี่มันงานคณะนะ” โด้เขย่าแขนผม

                “เราก็มีหน้าที่นะ! ผู้จัดการไง!” ผมยังคงเถียง ตอนนี้ชานยอลกับเซฮุนก็ไม่อยู่ ไปซ้อมคิวกัน ก็เลยเหลือเราสามคนเนี่ยแหละครับ 

                “งั้นกูไปช่วยฝ่ายเครื่องแต่งกายละ” โด้พูดแล้วก็ลุกไปเลย ผมกับไคเผลอมองหน้ากันอย่างไม่รู้ตัว

                “เอ่อ... สำหรับกูแล้ว ขาดโด้เหมือนขาดใจอ่ะนะ โทษทีว่ะ ไปละ” ไอ้ไคพูดแล้วก็ลุกวิ่งตามโด้ไป จิ๊! เหลือกูนั่งแดกจูปาจุ๊บอยู่คนเดียว

                ผมยังคงนั่งอยู่คนเดียว 5555555 เพราะขี้เกียจจะทำอะไรจริงๆ อ่ะ T^T จนผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมง ไคกับโด้ก็วิ่งมาหา ท่าทางรีบร้อนมีเรื่องเร่งด่วน

                “ไรๆๆๆๆ” ผมทักขึ้นด้วยอารมณ์อยากเสือกเต็มที่

                “ไอ้นางเอกอ่ะ อึนเฮอะไรนั่นน่ะ แม่งได้เล่นฉากเลิฟซีนกับชานยอลด้วยว่ะ” ไอ้ไคพูดขึ้น

                “แล้วไงว้า~

                “แล้วฉากนั้นก็ต้องจูบจริงด้วยนะ! ความจริงมันมีฉากหอมแก้มกับเซฮุนด้วย เซฮุนมันก็เลยกะจะทำแค่เอาจมูกเฉียดแก้มก็พอ แต่ไอ้ชานยอลเนี่ย ขอแล้วขออีก พี่เค้าก็ไม่ให้ว่ะ เค้าบอกว่าเป็นคู่เอก ต้องสมจริง จูบจริง!” ไอ้ไคยังคงอธิบาย

                “เออน่ะ... ปล่อยมันไปเหอะ”

                “แหม่ แบครับได้เพราะเป็นงานใช่มั้ยคะ ฮ่าๆๆๆ” ไอ้ไคแซว

                “พ่อมึงงง! มันจะทำอะไรก็เรื่องของมันเด่ะ!” ผมบอกปัด แต่ตอนนี้ในหัวนี่คิดถึงฉากนั้นไปไกลละ

                “อ่อ! หรือว่ามึงกับชานยอลจูบกันบ่อยแล้ว แค่มีชะนีตัวนึงมาจูบผัวครั้งเดียวก็เลยเฉยๆ ใช่ปะ” มันยังแซวไม่เลิก!

                “โถถถถถถ ไอ้ห่ารากกกก! กูนั่งอยู่คนเดียวก็สงบดีหรอก พวกมึงจะวิ่งมาหากูทำไมก็ไม่รู้ จะไปไหนก็ไปเลยไปๆๆ” ผมไล่พวกมันสองคน (ทั้งที่โด้ยังไม่ได้พูดอะไรเลย 5555555 น่าสงสาร)

                “แต่กูมีวิธีอยู่นะแบค...” ไอ้ไคลดเสียงให้เบาลง แล้วยื่นหน้ามากระซิบ
                “...”
                “ฉากอื่นมึงไม่ต้องเล่น แต่ฉากจูบมึงได้เล่นแทน เอาป่าววววว”

                “พ่องงงงงงง! ไม่เล่นเว่ยยยยย! - / / - ทำไมกูต้องเล่นนนน! ไอ้ไค! ถ้ามึงยังไม่ไปไกลๆ ส้นตีนกูภายในสามวินาที กูจะให้โด้โกรธมึง” ผมขู่

                “หรา คิดว่าโด้จะโกรธกูหรอออออ” 

                “โกรธ” โด้ตอบ 55555555

                “ชิ! ไปแล้วก็ได้! แล้วตอนจบอย่ามาพูด ไคขราาาา แรดแบคผิดไปแล้วคร่ะ จะให้ทำอะไรก็ได้ ขอให้แรดแบคได้จูบกับชานยอลบนเวทีก็พอร์แล้วกัน!” มันจีบปากจีบคอพูดแล้วก็ลากโด้กลับไปช่วยฝ่ายเครื่องแต่งกายเหมือนเดิม
 
                อืม... น่าคิด
                ท่ามกลางผู้ชมมากมายในโรงละคร ใจของชานยอลเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาก้มหน้าลงต่ำ ก่อนที่จะประทับจูบอย่างแผ่วเบาบนริมฝีปากของอึนเฮ ลิ้นร้อนรุกเข้าไป           

                พ่องงงงงงงงงงง!!!

                คิดอะไรอยู่กู!! TT^TT

                “เชี่ยไค ทำให้กูคิดอะไรเหี้ยๆ แบบนี้” ผมพึมพำ แล้วตบหน้าตัวเองเบาๆ เป็นการเตือนสติตัวเอง เอาล่ะ... ผมคงต้องหาอะไรทำแก้ฟุ้งซ่าน ลองเดินไปดูดีกว่าว่านักแสดงในสังกัดเราซ้อมถึงไหนละ (ก็หมายถึงชานยอลนั่นล้า)

                เมื่อผมเดินเข้าไปในโรงละคร ซึ่งผู้กำกับ, คนเขียนบท, ฝ่ายแสง, ฝ่ายเครื่องเสียง, นักแสดงทุกคนอยู่กับพร้อมหน้า ผมก็เลยเดินตัวลีบไปยืนแถวๆ นั้น

                “คัททททท! ชานยอล วันนี้ซ้อมใหญ่แล้ว พี่ขอนะ จูบจริงไปเลย” เสียงผู้กำกับอีกคนซึ่งไม่ใช่พี่ลู่หานดังขึ้น ชานยอลดูเกร็งๆ และไม่มีสมาธิ ผมเหลือบไปเห็นพี่ลู่หานที่กำลังนั่งหน้ากลุ้ม จึงเดินเข้าไปหา แต่พี่ลู่หานก็คว้าข้อมือผมไว้อย่างกับต้องการความช่วยเหลือ

                “แบคฮยอนแก T^T ชานยอลเล่นได้ทุกฉากผ่านหมดแล้วนะ เหลือไอ้ฉากจูบบ้าๆ เนี่ยแหละ มันไม่ยอมจูบจริงซักทีอ่ะ พี่ก็ไม่อยากให้มันจูบจริงหรอกเพราะรู้ว่ามันไม่อยากทำ แต่ไอ้ผู้กำกับอีกคนนี่ก็สั่งจริ๊งงงง พี่ก็เลยทำได้แค่นั่งเฉยๆ แบบนี้แหละ” พี่ลู่หานระบายอารมณ์ ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนที่จะมองไปบนเวที ชานยอลยังคงไม่เห็นผม ตอนนี้มันกำลังหลับตาแน่นเหมือนจะตั้งสมาธิ

                “แล้วพี่จะให้ผมทำอะไรได้ล่ะ” ผมถามอย่างเป็นห่วง เพราะอยากให้งานละครเวทีเสร็จสมบูรณ์หรอกนะ -^-

                “ไคมันแนะนำพี่มาอ่ะ มันบอกว่าพอถึงฉากจูบก็...”

                “หยุดเลยย! นี่ผมอุตส่าห์หนีไคมา ก็ยังต้องมาเจอพี่ลู่พูดอีกเนี่ยนะ T^T” 

                “ก็มันจริงนี่นาแบคฮยอน ดูมันดิ ให้ตายยังไงมันก็ไม่อยากจูบอ่ะ” พี่ลู่หานพยักเพยิดไปทางเวทีซึ่งกำลังแสดงฉากจูบกันใหม่อีกครั้ง ชานยอลดึงอึนเฮเข้าไปใกล้ตัวแล้วก็จริง แต่มันก็ทำได้แค่มองหน้าอึนเฮนิ่งๆ แล้วก็ผลักอึนเฮออกเบาๆ เป็นเชิงปฏิเสธว่าไม่สามารถทำได้

                “โธ่เอ๊ยยยยยย! นี่กูจะเปลี่ยนพระเอกหรือนางเอกดีวะเนี่ยยยย!” พี่ผู้กำกับคนนั้นตะโกนลั่นอย่างหงุดหงิด 

                “เปลี่ยนนางเอกสิ” พี่ลู่หานพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ ทุกคนจึงหันมามองพี่ลู่หานด้วยความตกใจ รวมไปถึงตัวนางเอกด้วย คงกลัวนิดๆ ว่าจะโดนปลด

                “นี่! มองหน้าเราแบบนั้นทำไม” พี่ลู่หานรีบปฏิเสธ “เราหมายถึงว่า พอถึงฉากจูบก็เปลี่ยนนางเอกสิ ง่ายดีออก”

                “ลู่หาน พูดอะไรไม่คิดเลยนะ” พี่ผู้กำกับคนนั้นตำหนินิดหน่อย “ถึงมันจะเปลี่ยนซักกี่คน ชานยอลมันก็เป็นแบบนี้แหละ เพราะมันเล่นฉากจูบไม่ได้!

                “ผมเล่นได้!” ชานยอลตะโกนขึ้นท่ามกลางความเงียบ “ถ้าพี่ให้ผมเล่นกับเพื่อนผม คนที่ชื่อบยอนแบคฮยอน”

                อีเหรี้ยยยยยยยย!
                อีเหรี้ยปร๊าคชรานยรอลลลลลล!

                “เพื่อนผู้ชายหรอ?” พี่ผู้กำกับถามขึ้น “ขอดูหน้าก่อนได้มั้ย ถ้าหน้าเหี้ยมเหมือนนายพรานก็ไม่ไหว”

                “คนนี้ ><!” พี่ลู่หานชี้ที่ผมก่อนที่จะตะโกนบอกพี่ผู้กำกับคนนั้น เออดี... ชงกันเข้าไปปปป!

                “น้องชื่อบยอนแบคฮยอน?” พี่ผู้กำกับเดินเข้ามาใกล้ แต่สายตานั้นสำรวจผมตั้งแต่ตา, หู, จมูก, ปากไปจนถึงเท้า

                “ค... ครับ” ผมเริ่มพูดตะกุกตะกัก 

                “อืม... เอาไงดี” พี่ผู้กำกับจ้องผมสลับกับอึนเฮที่อยู่บนเวทีเหมือนกำลังเปรียบเทียบหนังหน้าของพวกเราว่าเหมือนกันรึเปล่า จะว่าไปก็เหมือนอยู่นะ T^T

                “เออเอา!” พี่ผู้กำกับเซย์เยส เหี้ยยย! ไม่ได้การรร

                “พี่ลู่ TOT” ผมหันไปทำหน้าวิงวอนใส่พี่ลู่ แต่พี่แกก็ทำเป็นไม่สนใจผม เดินไปคุยกับคนอื่นแทน

                “น้องแบคฮยอน ไปลองวัดตัวดูซิ แล้วไอ้พวกนั้นน่ะ!” พี่ผู้กำกับตะโกนเรียกสไตลิสต์ “มานี่! มาวัดตัวน้อง! แล้วมาลองแต่งหน้าให้น้องดูดิ๊!

                ชีวิตกูกำลังป่นปี้ T___T

                เคยแต่งเป็นสโนไวท์ไม่พอ นี่กูจะได้เลื่อนขั้นเป็นนางเอกละครเวที (เฉพาะฉากจูบ) ด้วย T^T



                พวกพี่ผู้หญิงมามะรุมมะตุ้มผมกันยกใหญ่ บางคน (ที่เป็นสาววาย) จำได้ว่าผมเคยแต่งเป็นสโนไวท์มาแล้ว แถมยังเคยคู่กับชานยอลมาแล้วด้วย ก็เลยยิ่งชอบใจกันใหญ่ T^T ฝ่ายวัดตัวก็วัดกันไป เห็นบอกว่าไม่ต้องตัดชุดใหม่ เพราะสัดส่วนผมพอได้อยู่ แอบได้ยินว่าหน้าอกใกล้เคียงกับอึนเฮ 55555 กูไม่ได้กินยาคุมนะ แต่ควรจะแนะนำให้หนูอึนเฮไปหายาคุมแดกบ้าง 55555555

                “โอเค! เสร็จแล้วววววว~” เมื่อผมทาปากเสร็จ พี่ผู้หญิงก็ถอยออกไปดูผลงาน แววตาพวกนางดูปลื้มปริ่มมาก -O-

                “ว้ายยยยยย น้องแบคฮยอนของพี่จิ้มลิ้มมว้ากกกกกก” พี่ผู้หญิงคนนึงร้องลั่นด้วยสีหน้าฟินนาเล่สุดๆ พี่ผู้กำกับจึงเดินมาดูก่อนที่จะมีสีหน้าปีติยินดี

                “เหมือนมาก!

                “เหมือนนางเอกหรอครับพี่?” ผมถาม

                “ไม่ใช่! เหมือนผู้หญิงมากกกกกกก T^T คนนี้แหละที่พี่ตามหามานานนนน แต่ไม่เป็นไร นางเอกคนเก่าเราก็เล่นไปนะ แต่ฉากจูบพี่ขอเน้นๆ น่ารักมุมิๆ โอเค๊?” 

                “ครับ (._.)

                “อ่ะ ไปขึ้นเวทีได้ละ พอเปิดฉากมาน้องก็ยืนหันหลังให้ชานยอลก่อนนะ พอชานยอลจับแขนปั๊บก็ค่อยๆ หันมา ทำหน้าเหมือนเศร้ามาก แล้วก็มองตากันซักพักชานยอลก็จะจูบ แค่จุ๊บๆ น่ะน้อง ไม่ได้ดูดดื่มอะไรอย่างนั้น รับได้อยู่นะ?” พี่ผู้กำกับอธิบาย

                “ครับ (._.)” ผมค่อยๆ ก้าวขึ้นบนเวที ชานยอลยืนยิ้มรอรับผมอย่างมีความสุข ผมแอบเหลือบไปเห็นไคกับโด้อยู่ในโรงละครด้วย กำลังนั่งยิ้มแก้มปริอยู่เลย T^T

                “5 4 3 2 Action!” พี่ผู้กำกับสั่ง ผมซึ่งกำลังยืนหันหลังให้ชานยอลก็ต้องปั้นหน้าเศร้าไว้ก่อน


                จนซักพักชานยอลก็มาจับแขนผมเบาๆ ผมจึงหันหลังกลับไป

                ตาของเราประสานกัน... แต่สายตาของชานยอลมันเศร้าเสียจนผมตกใจ คงกำลังอินกับบทจริงๆ

                มันดึงตัวผมเข้าไปใกล้ก่อนจะประทับริมฝีปากเบาๆ อย่างนิ่มนวล
                แล้วม่านก็ค่อยๆ ปิดลง

                “คัทททททททททท! ปรบมืออออออออออ!” เสียงพี่ผู้กำกับดังขึ้น ชานยอลถึงได้ถอนริมฝีปากออกจากผม -_-; แหม่... นี่ถ้าไม่ได้ยินเสียงผู้กำกับก็คงจะยืนจูบกันตรงนี้สิ้นกาลนานเทอญเลยใช่มั้ย

                “ทำดีมากๆๆๆ พรุ่งนี้เอาแบบนี้เลยนะ น้องแบคฮยอนทำดีมาก! ไม่คิดเลยนะว่าแค่ฟังบทจากพี่สั้นๆ น้องก็ทำได้ พี่สัญญาว่าเรื่องหน้าพี่จะให้เราเป็นนางเอกเลย” พี่ผู้กำกับเดินเข้ามาตบบ่าผม คุณพี่ครับ... แค่ผมอยู่เฉยๆ ทำหน้าเศร้าๆ แล้วรอให้มันจูบปากก็เสร็จละ มันใช้ความสามารถตรงหนายยยยย =[]=!!

                “เอ่อ ขอผมเป็นพระเอกเฮอะะะะะ ฮ่าๆๆ” ผมตอบยิ้มๆ 

                “เป็นไม่ขึ้นหรอกว่ะพระเอกน่ะ เอางี้แล้วกัน ถ้าเรื่องไหนไม่มีชานยอลพี่ก็ให้น้องเป็นพระเอก แต่ถ้าเรื่องไหนมีชานยอลน้องก็กลายเป็นนางเอกอัตโนมัติ โอเค๊?” พี่แกถามแล้วก็เดินไปเลยโดยไม่รอคำตอบจากผม เดี๋ยวเด่ะพี่! ผมยังไม่ได้ตอบเลยนะ ฮือออ TOT

                “แหม่... สุดท้ายอีแรดแบคก็ใช้ความสามารถตัวเองจนได้เล่นฉากจูบกับผัวจนได้ เฮ้อ ไอ้ไคอย่างกูเลยไม่ได้โชว์เทพเลย” ไคกับโด้เดินเข้ามาหาผม แล้วไอ้ไคก็พูดด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ

                “แล้วมึงจะทำอะไร?” ผมถาม

                “ก็แค่... พอถึงฉากจูบ กูก็จะเอาน้ำเปล่าผสมยาถ่ายไปให้อึนเฮแดก แล้วนางก็จะเล่นฉากนั้นไม่ได้ พวกพี่เค้าก็จะต้องตามหานางเอก กูก็จะผลักมึงออกไปกลางวงบอกว่า คนนี้แหละพี่ เหมาะสุดแล้ว แล้วมึงก็ได้เล่นฉากจูบกับมันไง จบ” 

                “ไอ้ห่านี่ น้ำเน่าเกิ๊น คราวหลังจะวางแผนอะไรปรึกษากันก่อนก็ดีนะ” ไอ้โด้ขัด 

                “แบคฮยอนครับ!” ชานยอลวิ่งเข้ามาสมทบ “ฉากจูบผมเขินมากเลยยย” 

                “ไอห่าาาาา! มึงอย่าพูดเสียงดังซิ!” ผมทำปากจุ๊ๆ มันจึงปิดปากตัวเองแล้วยิ้มอารมณ์ดี 

                “พรุ่งนี้แล้วนะครับ ^_^ พรุ่งนี้ผมก็จะได้จูบแบคฮยอนอีก” มันเน้นย้ำ

                “เออออออ รู้แล้วน่า - / / -” ผมตอบปัดๆ 

                “พรุ่งนี้ตอนเล่นก็อย่าตกใจนะครับ...”
                “...”
                “ถ้าผมเผลออินกับบทมากเกินไป ฮิฮิ”

                มันจะทำอะไรกูอีกล่ะะะะะะ!!
                พรุ่งนี้มันวันตายของกูหนิ T^T!!

                เชิญเลยยยยย จะฆ่าจะแกงจะแปลงร่างกูยังไงก็เชิญญญ!!
                *ขึ้นเขียงรอ*

***********

                “ฉากจูบ ผมไม่อยากเล่นจริงอ่ะ ใช้มุมบังๆ เอาเหอะนะ” โอเซฮุน เจ้าชายชานมไข่มุกเดินมาหาผม ก่อนที่จะมองหน้าอึนเฮด้วยสายตาตุ๊ดเด็กเกลียดโลกร้อน

                “โอยยยยย มันจะอะไรมากมายวะ ก็แค่ฉากหอมแก้มเบาๆ! เล่นๆ ไปเหอะน่า แค่ครั้งสองครั้งเอง” ผมตอบปัด ก็จริงมั้ยล่ะ ฉากมันก็แค่ฉากหอมแก้ม (แต่มันเรียกว่าฉากจูบ จะได้ดูเวอร์ๆ) ไม่เหมือนของชานยอล ยังมีหน้ามาทำเป็นไม่อยากทำๆ -_-^

                “หูยยยย พี่ลู่ดูหน้านางเอกดิ ก็น่ารักนะ แต่เค้าไม่น่ารักเท่าพี่ลู่อ่ะ ปล่อยเค้าจูบกับชานยอลไปกันสองคนได้ปะ อย่าเอาผมไปเกี่ยวเลยนะ T^T” มันทำหน้าเหมือนลูกหมายังไม่หย่านมแต่ต้องถูกคนเลี้ยงพรากแม่ไป (อธิบายซะเห็นภาพ 55)

                “ไม่ต้องเอากูไปเทียบเลย รีบๆ ไปเล่นได้แล้ว เดี๋ยวโดนพี่ผู้กำกับอีกคนดุเอานะ” ผมพยายามใช้ไม้อ่อนด้วยการพูดกับมันดีๆ

                “โอ! เซ! ฮุนนนนนนน!!” เสียงไอ้คุณเพื่อนผู้กำกับดังลั่นโรงละคร

                “เห็นมั้ยยยยย โมโหแล้วนั่นน่ะ! รีบไปเล่นๆ ให้มันเสร็จๆ เลย”

                “พี่ลู่ไม่สนใจผมเลย งอน!” มันทำหน้างอนสะดีดสะดิ้ง ด้วยความหมั่นไส้ไม่ไหวแล้วก็เลยถอดรองเท้าข้างขวาแล้วยกเท้าขึ้นมาถีบตูดมันเต็มรักเต็มเหนี่ยว

                “นี่แน่ะ! รีบไปเร็วววววว! อย่าให้เสียชื่อ!” พอผมเตะตูดมันจนแทบล้ม มันก็วิ่งไปเลยโดยไม่ได้หันมามองผมเลยแม้แต่น้อย เชอะ! คิดจะงอนกันใช่มั้ย! งอนได้งอนไปสิ -^-!!

                ผมออกไปเดินเล่นด้านนอกนิดหน่อย ก่อนที่จะกลับมาที่โรงละครอีกครั้ง เป็นจังหวะเดียวกับที่เซฮุนกำลังเล่นฉากนั้นพอดี

                “จันดี ฉันต้องทำยังไง เธอถึงจะรักฉัน” เสียงดูจริงจัง ต่างจากตัวจริงเยอะ -*-

                “จีฮู... ฉันรักเธอไม่ได้ ฉันรัก... ฉันรักจุนพโยไปแล้ว” นางเอกก้มหน้าลงต่ำ เซฮุนจึงก้มตัวลงไปหอมแก้มเบาๆ 

                “ถ้าอย่างนั้น ขอฉันดูแลเธอแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ นะ ^^” แอ๊กกกกกก รอยยิ้มนั้นมันเป็นของฉันนนน! เอิ่ม... พ่อง! รอยยิ้มนั้นก็เป็นของไอ้เซฮุนถูกแล้ว!!

                แต่ทำไมกันนะ... การแสดงของมันดูสมจริง
                ราวกับว่ามันเป็นนักแสดงมือโปรงั้นแหละ 

                “อื้อ ^^” โถอีนางเอก อื้อซะแอ๊บเลยนะมึง -_-^

                “คัททททท! ดีมากเซฮุน! เมื่อกี้หน้าน้องดูเป็นพระรองสุดๆ! ดูแสนดีมากกก โอเคผ่าน!” ไอ้ผู้กำกับอีกคนชมเซฮุนเสียยกใหญ่ ก็จริงอ่ะ T^T หน้ามันตอนนั้นนี่แบบ ขอเก็บไว้คนเดียวได้ปุ๊? 55555555

                “ซ... เซฮุน” ผมจะเรียกมัน แต่เสียงของผมก็ถูกดูดหายไปหมด...

                ณ ตอนนี้
                โอเซฮุน เด็กกะโปโลคนหนึ่ง กลายเป็น โอเซฮุน พระรองละครเวที

                ออร่าในตัวของมัน เริ่มส่องประกายเสียจนผมไม่กล้าแม้แต่จะเรียกชื่อมัน

                เพราะกลัวว่าเรียกแล้ว จะไม่หันมาหาเหมือนแต่ก่อน

                “พี่ลู่ ^___^!!” มันหันมาหาผม ก่อนที่จะเรียกชื่ออย่างอารมณ์ดี

                “ฮ... ฮะ? มีอะไร?” ผมพูดตะกุกตะกัก ไม่กล้าแม้แต่จะสบตา

                “ผมงอนอยู่นะ! ง้อด้วย!” มันพูดแล้วก็เดินตูดบิดไป แต่สายตาก็ยังคงมองมาที่ผมว่าผมสนใจอยู่รึเปล่า ผมจึงทำได้แค่หัวเราะก่อนที่จะพูดตอบ

                “ไม่ง้อเว่ยยยยยย แบร่!


                ก็ได้แต่หวัง... ว่าจะไม่มีอะไรมาทำให้โอเซฮุนคนนี้หายไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น