วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

fckmerakme : 27 The truth.




27

The truth.



                “กูทำอะไร! มึงอย่ามาโทษกู! จู่ๆ แฟนมึงเค้าก็มาชอบกู แล้วบอกเลิกมึงในวันเกิดมึง แค่เนี้ย! กูทำอะไรรึยัง!!?” ชานยอลตะโกนใส่หน้ารุ่นพี่ที่ไม่เหลือความเคารพให้อีกแล้วอย่างดุเดือด 

                “ก็มึงสนิทกับเค้ามากไปไง เค้าถึงได้ชอบมึง! ดันเสือกไปหลงชอบพวกชายรักชาย กู! แมนๆ แบบนี้! ไม่ชอบ! เฮอะ!” คริสมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเหยียดหยามกับรสนิยมทางเพศ แต่ชานยอลก็ไม่ได้สนใจสายตานั้น เขารีบอธิบายให้คริสเข้าใจ

                “แล้วทำไมมึงไม่โทษผู้หญิงคนนั้น! มึงมาโทษกูทำไม! กูที่เป็นเหมือนน้องชายของมึง... มึงดันโกรธกู โทษว่ากูเลว โทษว่ากูไปอ่อยแฟนมึง! กูไม่ได้ทำเหี้ยอะไรเลย ผู้หญิงคนนั้นต่างหากที่เป็นคนไม่ดี!” 

                ชานยอลทั้งโกรธทั้งเกลียดคริสมากก็จริง แต่หากมีโอกาสเขาก็อยากให้คริสเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดและตาสว่างเสียที ถึงแม้จะเกลียดกันต่อไปก็เถอะ...

                “กูไม่สนใจเว้ย!!!!” แน่นอนว่าคริสปฏิเสธที่จะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด เขาตวาดลั่นก่อนจะพยายามควบคุมอารมณ์ให้กลับมาเป็นฝ่ายเหนือกว่า “แล้วแฟนสุดที่รักมึงเค้าบอกเลิกมึงรึยังล่ะ หึ...” 

                “มึงทำอะไรแบคฮยอน กูก็ทำแบบเดียวกับมึงนั่นแหละ!” ชานยอลรีบเกทับ เพื่อแสดงความเหนือกว่าว่าสิ่งที่คริสทำลงไป เขาก็สามารถทำได้ แต่คริสกลับปรบมือแปะๆ พร้อมทำหน้าเสแสร้งประหลาดใจ

                “โอ้ววววววว! ถ้างั้นมึงก็กลับไปเล่นเกมส์กับแบคฮยอนหรอ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” ยิ่งหัวเราะลั่น ก็ยิ่งสร้างความงุนงงให้แก่ชานยอล

                “อ... อะไรนะ!” 

                “ก็เกมที่มึงกับกูเคยเล่นด้วยกันไง น้องรัก... หึ... วางกองทัพไงล่ะ~ วางผิดที่ ก็แพ้ทันที แล้วน้องแบคฮยอนเค้าก็พึ่งเล่นเกมนี้เป็นครั้งแรก ก็เลยขอให้กูออมมือให้เค้า แค่นั้นเอง~” เขาพูดพลางยักไหล่เหมือนเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ 

                “...”

                “แต่มึงเชื่อมั้ย ว่าโชคเข้าข้างกูม๊ากมาก ฮ่าๆๆๆๆๆ คำพูดน้องแบคฮยอนที่ใส่ในโทรศัพท์นี่มัน... อ่า... น้องเอ๋ย คำพูดน้องเข้าแผนพี่ชิบเป๋ง ฮ่าๆๆๆ” คริสหัวเราะลั่นอย่างสะใจ ต่างกับชานยอลที่ยืนกัดฟันกำมือแน่นด้วยความโกรธ

                “...”

                “พอกูแกล้งบอกว่ากูหนาว กูจะปิดแอร์ น้องเค้าก็ไม่พูดอะไรซักคำ แถมยังนั่งปาดเหงื่อ เอาเสื้อออกนอกกางเกง อ้อ! ปลดกระดุมเสื้อด้วย ฮ่าๆ”

                “...”

                “ทำไปทำมาน้องเค้าทำนอกแผนกูตั้งหลายอย่างแน่ะ ไม่รู้ว่าไอ้ปลดกระดุมเสื้อเนี่ยเค้าจะอ่อยกูรึเปล่า โอ้วววว! O_O ถ้าอ่อยจริง คนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนอย่างมึงจะทำยังไงล่ะ!? นี่กูเป็นห่วงนะเนี่ย O_O” คริสพูดด้วยน้ำเสียงที่เสแสร้งสุดๆ เขาตบบ่าชานยอลราวกับเป็นห่วงจริงจัง แต่ชานยอลก็ปัดมือเสแสร้งนั้นทิ้งอย่างหงุดหงิด

                “...”

                “น้องรักของพี่อี้ฟาน...”

                “...”

                “จะไม่ด่าอะไรพี่หน่อยหรอจ๊ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ” 

                พลั่ก!
                ไม่เห็นต้องพูดอะไรให้มากมาย แค่ด่ามันด้วยหมัดที่หน้าเหี้ยๆ นั่นก็คงจะพอ

                “หึ...” เมื่อโดนต่อยจนเกือบหงาย คริสก็รีบพยุงตัวเองขึ้นมาก่อนจะสัมผัสได้ว่ามีเลือดออกที่มุมปาก เขาเช็ดมันออกด้วยนิ้วโป้งก่อนจะแสยะยิ้มชอบใจ

                “มันต้องอย่างนี้สิน้องพี่! หมัดหนักขึ้นเยอะเลยน้า~

                “...”

                “แต่มันจะสู้กูได้รึเปล่า อีกเรื่อง... หึ” คริสก้มลงไปกระซิบข้างหูชานยอลก่อนจะส่งสัญญาณเรียกพรรคพวกที่มารออยู่นานแล้ว 

                “หมาหมู่...”
                “...”

                “คนอย่างมึงก็ทำได้แค่นี้แหละ” สุดท้ายชานยอลก็เปิดปากพูดเมื่อเห็นว่าด้านหลังของตัวเองมีนักเลงสี่คนกำลังเดินเข้ามาใกล้ แม้จะมากันมือเปล่าแต่ถ้ามาสี่คนก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

                “หึ... เวลาใกล้จะตายยังมีหน้ามาด่ากูอีกนะจ๊ะ” คริสพูดล้อเลียนชานยอลอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะหันหลังให้ชานยอล ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณว่า รุมมันได้ ตามสบาย

                ฟึ่บ!
                หนึ่งในนักเลงเหล่านั้นจับชานยอลให้ทรุดนั่งลงไปบนพื้นโดยไม่ได้ทันตั้งตัว ก่อนจะรวบแขนทั้งสองข้างของชานยอลไว้ด้านหลัง อีกคนจึงต่อยบนใบหน้าหล่อเหลาไม่ยั้งมือ

                พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!

                สามหมัดรวดเดียวบนใบหน้าชานยอลทำเอาร่างสูงถึงกับมึน แขนทั้งสองข้างสะบัดไปมาเพราะต้องการอิสระ แต่ไอ้คนที่จับไว้ก็แรงเยอะเสียเหลือเกิน คุณชายอย่างเราจะไปดิ้นหลุดได้อย่างไรกัน...

                ผัวะ

                หน้าท้องแกร่งโดนตีเข่าเข้าไปเต็มๆ ทำเอาชานยอลถึงกับจุกขึ้นมา เริ่มได้กลิ่นคาวเลือดในปากของตัวเองเพราะสามหมัดเมื่อครู่

                “น... แน่จริง อึก...” 

                “...”

                “แน่จริงตัวต่อตัวดิวะ!!!” ชานยอลใช้กำลังเฮือกสุดท้ายตะโกนลั่นเพื่อให้ไอ้คนที่ทำเป็นยืนหันหลังไม่รู้เรื่องนั้น หันกลับมาต่อยกันตัวต่อตัว 

                คริสหันกลับมา ก่อนจะยิ้มแสยะ

                “โทษนะ กูไม่อยากให้มือตัวเองเปื้อนเลือดคนโสโครกอย่างมึง” พูดจบก็หันหลังให้อีกครั้ง 

                พลั่ก! พลั่ก!
                ครั้งแรกที่โหนกแก้มขวา ส่วนอีกครั้งที่ขมับขวา... 

                นี่มันกะให้เลือดคั่งในสมองเลยใช่มั้ย ต่อยที่ขมับเนี่ยสัส...

                แอด...

                ประตูบ้านค่อยๆ แง้มออก จนปรากฏร่างหญิงวัยกลางคนเดินออกมาช้าๆ ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

                “คริส!!!!! ลูกทำอะไรของลูกน่ะ! นั่นมัน... ช... ชานยอล! คริส!!! แม่ไม่เคยสั่งสอนให้แกเป็นคนแบบนี้เลยนะ! แล้วไอ้สี่คนนั้นมันเป็นใคร!” เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว ผู้เป็นแม่ก็รีบร้องตกอกตกใจ

                “คุณคริสครับ นั่นใครครับ... ให้ลุยเลยมั้ย”

                “ลุยหาพ่อมึงไง๊! นี่แม่กู!!!” คริสหันกลับไปด่าลูกน้องที่โง่ยิ่งกว่าโง่ ก่อนจะหันไปบอกแม่ตัวเองด้วยสีหน้าใจเย็น “แม่... เข้าบ้านก่อนนะ ไม่มีอะไรหรอก นอนเถอะ”

                “นอนได้ไง! คริส!!! ถ้าแกไม่หยุดและไล่คนพวกนี้ออกไปจากบ้านล่ะก็... แม่จะโทรแจ้งตำรวจจับลูกตัวเองแล้วนะ!” ผู้เป็นแม่รีบสั่งด้วยใบหน้าที่อยากจะร้องไห้ คริสจิ๊ปากอย่างอารมณ์เสียก่อนจะไล่ตะเพิดลูกน้องให้กลับไปก่อน ชานยอลของเราจึงหลุดจากพันธนาการเสียที... 

                แต่ก็ไม่มีแรงมากพอจะลุกขึ้นยืน
                เพราะหมัดสุดท้ายที่ขมับเนี่ยแหละ...

                “น้าจะโทรแจ้งรถพยาบาลนะชานยอล ใจเย็นๆ นะลูก” แม่คริสพูดจบก็รีบวิ่งเข้าไปในตัวบ้านเพื่อโทรศัพท์ แต่คริสก็รีบเข้าไปขวางและไล่ให้แม่ขึ้นไปนอน หลอกแม่ว่าตัวเองจะไปปรับความเข้าใจกับชานยอล แต่ความจริงแล้วเขาก็ไม่ได้ออกมาจากบ้านอีก ก่อนที่ไฟในบ้านจะดับลงทั้งหมด...

                ชานยอลนั่งฟังคำพูดโกหกของคริสที่ได้ยินแว่วๆ มาจากในตัวบ้าน เขาค่อนข้างปลงเพราะรู้ว่าคริสคงไม่มาทำตามที่พูดหรอก สภาพของเขาตอนนี้เหมือนเปลือกกล้วยที่อ่อนปวกเปียก ใบหน้าหล่อเหลากลับกลายว่ามีรอยฟกช้ำดำเขียว คิ้วและมุมปากแตกจนเลือดซิบ สภาพภายนอกดูไม่เท่าไหร่ แต่ตอนนี้สมองตื้อไปหมด

                เขาใช้แรงเฮือกสุดท้ายดันตัวเองขึ้นมาจากพื้นสนามหน้าบ้านของคริส เดินเอามือแปะๆ ไปตามรถหรูของตัวเอง ก่อนจะเข้าไปนั่งด้านใน

                นี่เราจะขับกลับจริงๆ หรอ...
                ช่างเถอะ... 

                คิดได้ดังนั้นก็สตาร์ทรถช้าๆ แล้วค่อยๆ เคลื่อนรถออกไป สายตาเริ่มพร่ามัวเพราะการถูกต่อยที่ขมับทำให้ประสาทตาแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด เขาสะบัดหน้าตัวเองให้กลับมามีสติเหมือนเดิมก่อนจะขับไปเรื่อยๆ จนถึงไฟแดง...

                รถสปอร์ตหรูจอดลงช้าๆ เขาเหลือบไปมองเลขวินาทีบนไฟแดงก็เห็นว่าเหลืออีกตั้งสามนาที จึงถือวิสาสะหันไปรื้อกระเป๋าแบคฮยอนเพราะอยากฆ่าเวลา 

                กระเป๋าตังค์... โนเกีย 3310... กุญแจบ้าน...

                เฮ้อ อยู่ครบเลยนะ ของที่จำเป็นเนี่ย -_-; 

                หืม...
                กล่องอะไร

                เขาเปิดกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินนั่นออกช้าๆ ก่อนที่ประกายคริสตัลจะส่องแสงวิบวับกระทบกับตาตัวเอง... จี้คู่...

                C กับ B

                เขาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แต่ก็ต้องเปลี่ยนเป็นสงสัยเพราะเห็นกระดาษโน้ตเล็กๆ ที่ถูกพับไว้ เมื่อเสือกกันมาถึงขั้นนี้แล้วเขาก็ขอเสือกต่อไปแล้วกัน...

                ร่างสูงปิดกล่องกำมะหยี่ลงอย่างเบามือแล้วใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าตามเดิม ก่อนจะค่อยๆ คลี่กระดาษโน้ตแผ่นนั้นออกมา...


            แฮปปี้เบิร์ทเดย์นะชานยอลของแบค ><
            แบครักชานนะ ชานรักแบคป่าววววว? (เขินวุ้ยยยย T^T)
            อ่านแล้วเงยหน้าขึ้นมาตอบเลยนะ!    

                ...
                ...

                “ฮึก... รักครับ... รักมากเลย” เขาทำได้แค่ตอบทั้งน้ำตาอยู่ในรถของตัวเอง ไม่มีแบคฮยอนมานั่งรอฟังคำตอบใดๆ ทั้งนั้น ร่างสูงฟุบหน้าลงกับพวงมาลัยแล้วกำกระดาษโน้ตไว้ในมือแน่น 

                แบคฮยอนรักเราแล้ว... รักตอบแล้ว

                เรารักกันแล้ว...
                แต่ทำไมเราเลวแบบนี้

                ปิ๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!

                เสียงแตรรถดังไปทั่วอาณาบริเวณ ชานยอลเงยหน้าขึ้นจากพวงมาลัยของตัวเองด้วยความตกใจ เขาไม่ได้เผลอไปโดนนี่นา แล้วมันมาจากไหน...

                พลันสายตาของเขาก็กระทบกับแสงไฟจากรถกระบะที่กำลังพุ่งมาทางด้านหน้า เขาเบือนหน้าหลบแสงไฟนั้นแต่ก็หลบได้แค่แสง เพราะรถกระบะคันนั้นพุ่งเข้ามาชนรถของเขาด้วยความเร็วสูงจนบดบี้ปอร์เช่แทบจะเป็นกระป๋อง

                เขาใช้สติที่เหลือเพียงเล็กน้อย คว้ากระเป๋าแบคฮยอนมาไว้ในอ้อมอก มือซ้ายยังคงกำกระดาษโน้ตไว้แน่น 

                และเมื่อเห็นว่าทุกอย่างของแบคฮยอนอยู่กับตัวเองแล้ว...

                เขาก็หลับตาลงช้าๆ อย่างเหนื่อยอ่อน
                ไว้ค่อยไปคืนที่โรงพยาบาลแล้วกัน...

**********

                ปิ๊งป่อง!

                “อะไรวะ ใครมาทำอะไรดึกๆ ดื่นๆ” ผู้บัญชาการแรดบกหรือแม่อิแบคของพวกเราถึงกับบ่นออกมาเมื่อได้ยินเสียงออดดังเพียงครั้งเดียว ขณะที่นางกำลังนั่งดูละครอย่างเมามันส์ แต่ก็จำเป็นต้องเปิดประตูออกไปดูเพราะสัมผัสได้ (?) ว่าต้องเป็นคนสำคัญ

                “แบค!! ทำไมเละตุ้มเป๊ะอย่างเงี้ย!!” แล้วก็ต้องร้องออกมาดังลั่นเมื่อเห็นสภาพลูกชายที่เหมือนพึ่งโดนรุมโทรมมา 

                “ค่าแท็กซี่...” ลูกชายบังเกิดเกล้าชี้ไปที่รถแท็กซี่ด้านหลังของตัวเอง นางจึงวิ่งเข้าไปหยิบเงินมาจ่ายให้ก่อนจะค่อยๆ พยุงลูกตัวเองเข้าบ้าน

                “โดนแท็กซี่ปล้ำมาหรอมึง แล้วยังให้แม่จ่ายเงินให้มันอีกนะ” เห็นสีหน้าลูกดูแย่แปลกๆ จึงรีบปล่อยมุกหวังว่าจะให้ลูกหัวเราะ แต่มันกลับไม่หัวเราะแถมยังส่ายหน้าปฏิเสธจริงจัง

                เมื่อพาลูกเดินเข้าไปใกล้ตัวบ้านมากขึ้น แสงไฟจากตัวบ้านก็ทำให้เห็นหน้าลูกชัดขึ้น หน้ามันไม่ได้โดนต่อยมาก็โอเคแล้ว แต่คอเนี่ยสิ... ดูยังไงก็โดนดูดมา =____= รอยแดงเป็นจ้ำๆ ที่คอนับไม่ถ้วนทำเอาคนเป็นแม่ใจสั่น รู้แหละว่าลูกโดนทำอะไรมา แต่ไม่รู้ว่าทำไมต้องทำหน้าเศร้าขนาดนั้น

                “เกิดอะไรขึ้น? เล่าให้แม่ฟังได้มั้ย” นางเข้าโหมดคุณแม่อย่างแท้จริงแล้วตอนนี้ น้ำเสียงที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยรวมไปถึงมองหน้าลูกด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด

                “อย่าดีกว่าแม่...” เสียงที่ดูเหนื่อยล้าและใบหน้าที่อยากจะร้องไห้ชิบหายทำเอาแม่เครียดหนัก 

                “ทำไมล่ะ นี่แม่เลยนะเว้ย”

                “ก็... แม่ไว้ใจคนนี้มาก ถ้ารู้แล้วอาจจะผิดหวัง... เหมือนแบคตอนนี้” ลูกชายตัวเล็กที่พูดไปถอนหายใจไป กลั้นน้ำตาอีกต่างหาก ทำเอาหัวสมองระดับแม่อิแบคเริ่มทำงาน

                คนที่ไว้ใจที่สุดคืออิโด้... แต่มันไปเรียนต่อเมืองนอกแล้วนี่หว่า -*- แล้วมันก็เป็นเมียจงอิน ไม่น่ามาดูดคอลูกเราแบบนี้

                คนที่ไว้ใจรองลงมาคือชานยอล ผัวมัน...

                หืม? ผัวแบคหรอ...

                “ขอถามแค่สามพยางค์ ตอบใช่หรือไม่ใช่ก็พอ”
                “...”

                “ชานยอลหรอ?” ผู้เป็นแม่มองเข้าไปในดวงตาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเหมือนต้องการคาดคั้นเอาคำตอบ แต่ลูกชายก็เบือนหน้าหนีพร้อมน้ำตาที่กลั้นไม่อยู่แล้ว

                “ฮึก... ฮึก...” สะอึกสะอื้นอีกต่างหาก ไม่ตอบต้องว่าใช่หรือไม่ใช่ก็พอจะรู้ว่าเป็นชานยอลจริงๆ 

                ผู้เป็นแม่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะพยุงลูกให้เดินเข้าไปในบ้านอีกครั้ง ระหว่างทางแบคฮยอนก็เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ท่าทางการเดินดูยังไงก็เจ็บตูดอยู่... ก็เลยยอมสละเวลาดูละครสุดจะมันส์ พยุงลูกขึ้นห้องนอนต่อ

                “ไม่ต้องอาบน้ำหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่ทำข้าวต้มให้กินนะ” พูดจบก็ค่อยๆ วางลูกลงบนเตียงแล้วห่มผ้าให้อย่างดี

                “อยากอาบ...”
                “...”

                “ขยะแขยง” แบคฮยอนพูดพร้อมสีหน้ารังเกียจร่างกายตัวเอง แต่แม่ก็ยิ้มให้บางๆ แล้วลูบหัวลูกชายตัวเองอย่างเบามือ

                “น่ะ นอนก่อนนะ... พรุ่งนี้ค่อยอาบนะลูก” เหมือนต้องมนต์สะกด แบคฮยอนก็ผล็อยหลับไปในพริบตาเดียว เพราะนี่คือท่าไม้ตายบังคับให้ลูกหลับ ลูบหัวมันสองสามทีเดี๋ยวมันก็หลับแล้ว 

                นางรีบเดินลงมาดูละครต่อ แต่ละครก็ดูไม่สนุกเสียแล้วเมื่อเทียบกับเรื่องของลูกตัวเอง นางจึงขึ้นไปนอนบ้าง หวังว่าพรุ่งนี้จะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นนะ...

**********

                “คุณชายยยยยย ฮืออออ... ทำไมต้องเป็นแบบนี้คะ ป้าย้ำนักย้ำหนาว่าอย่าก่อเรื่องใช่มั้ยคะ ฮึก...” เมื่อทราบข่าวว่าคุณชายปาร์คชานยอลประสบอุบัติเหตุ ป้ามุนอาก็รีบเดินทางไปที่โรงพยาบาลทันที ยิ่งเห็นสภาพคุณชายที่ตัวเองปั้นมาตั้งแต่เล็กๆ ต้องเข้าเฝือกที่แขนขวาและขาซ้ายด้วยแล้วก็ยิ่งอยากจะร้องไห้

                “ดูเหมือนว่า อุบัติเหตุจะทำให้แขนขวาและขาซ้ายหักเท่านั้นนะครับ ส่วนรอยฝกช้ำบนใบหน้าและการกระทบกระเทือนทางสมองเล็กน้อยเนี่ย... ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุครั้งนี้ครับ” คุณหมอที่ยืนอยู่ข้างๆ อธิบายในขณะที่ชานยอลกำลังสลบไสล

                “กระทบกระเทือนหนักขนาดไหนคะ!? เลือดคั่งในสมองรึเปล่า!?

                “ไม่ถึงขั้นนั้นหรอกครับ แค่ต้องได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอและอย่าให้มีเรื่องเครียดเข้ามาในระยะนี้ก็พอครับ ส่วนกระเป๋าใบนั้น...” คุณหมอชี้ไปที่กระเป๋าเรียนของแบคฮยอนที่ถูกวางไว้บนเก้าอี้ “เหมือนผู้ป่วยจะกอดมันไว้ตอนได้รับอุบัติเหตุน่ะครับ”

                “อ๋อค่ะ ดิฉันทราบค่ะว่ากระเป๋าใคร” ป้ามุนอาพยักหน้าเข้าใจเพราะกระเป๋าใบนี้แบคฮยอนใช้เป็นประจำ

                “ส่วนกระดาษในมือของผู้ป่วย...” คุณหมอชี้ไปที่มือซ้ายของชานยอลที่ตอนนี้ยังกำกระดาษโน้ตไว้แน่น “หมอคิดว่ามันคงจะสำคัญ จึงปล่อยไว้แบบนั้นน่ะครับ”

                “ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ” ป้ามุนอากล่าวขอบคุณก่อนที่คุณหมอจะเดินออกจากห้องไป 

                ป้ามุนอาจึงรีบส่งเมสเซจไปบอกลู่หานทันที แม้ว่าตอนนี้จะตีหนึ่งกว่าแต่ลู่หานก็ยังไม่ได้นอน เขารีบบอกเซฮุน คนข้างตัว และส่งเมสเซจให้จงอินกับแบคฮยอน แน่นอนว่าจงอินที่กำลังนั่งคุยสไกป์กับเมียตอบกลับมาว่าพรุ่งนี้จะไปเยี่ยมแต่เช้า...

                แต่แบคฮยอนก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
                แน่นอน ก็มือถือแบคฮยอนอยู่ในกระเป๋า

                จงอิน, ลู่หานและเซฮุนมาที่โรงพยาบาลแต่เช้าตรู่ ทั้งหมดต่างก็แปลกใจว่าทำไมตัวเองถึงตื่นเช้ามาหาชานยอลได้ สุดท้าย ก็รีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินขึ้นไปหาชานยอล

                “โอยเหี้ยเอ๊ยยย ชานยอลสุดหล่อของกูกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว” เมื่อจงอินเห็นสภาพชานยอลที่ยังคงหลับไม่ได้สติก็ถึงกับร้องออกมา เขาเดินเข้าไปจับไม้จับมือชานยอลด้วยความเป็นห่วง

                “แล้วแบคฮยอนล่ะครับป้ามุนอา” เซฮุนซึ่งตอนนี้ใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าและแว่นกันแดดรีบถามป้ามุนอาทันทีเพราะไม่เห็นแบคฮยอน

                “คุณชายเค้า... ป้าคิดว่าพวกคุณชายถามคุณชายแบคฮยอนเองดีกว่านะคะ” ป้ามุนอาเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องของคนอื่น ก่อนจะชี้ไปที่กระเป๋าเรียนของแบคฮยอน “คิดว่าช่วงนี้คงติดต่อไม่ได้หรอกค่ะ เพราะมือถืออยู่ในกระเป๋าใบนี้”

                “อะไรเนี่ย ชักจะงงไปหมดแล้ว” ลู่หานพึมพำออกมาเพราะปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ได้ เมื่อเห็นว่าชานยอลยังไม่มีทีท่าจะฟื้นง่ายๆ จึงตัดสินใจกันว่า...

                ไปหาแบคฮยอนที่บ้านแม่มเบยยย

                คนเป็นแม่รีบตื่นมาทำข้าวต้มให้ลูกแต่เช้าตรู่ ก่อนจะเดินขึ้นมาแตะหน้าผากลูกชายก็พบว่าเป็นไข้อ่อนๆ จึงรีบนำผ้าชุบน้ำแล้วบิดให้หมาดมาเช็ดหน้าผากทันที

                “แบคเป็นไข้หรอ...” แบคฮยอนตาปรือขึ้นมา

                “ขอโทษที่ทำให้ตื่นนะลูก เดี๋ยวจะเช็ดตัวนะ”

                “ไม่เอาหรอก... มัน...” ลูกชายขัดขืนนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าแม่จะเช็ดลำตัวให้ เพราะเขารู้ดีว่ารอยแดงที่ถูกทำไว้เมื่อคืนยังไม่จางหายไปง่ายๆ แน่นอน

                “ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องอายแม่หรอก” ผู้เป็นแม่ปลอบด้วยเสียงอ่อนโยน แบค ฮยอนจึงต้องเปิดเสื้อขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ ทำให้เห็นรอยแดงเป็นจ้ำๆ ตามลำตัวอย่างชัดเจน ระหว่างที่เช็ดตัว นางก็ใช้นิ้วกดลงบนรอยแดงหนึ่งก่อนจะถามขึ้น

                “เจ็บมั้ย”

                “ไม่ครับ” เมื่อรู้ว่าลูกตัวเองไม่เจ็บก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง อย่างน้อยชานยอลก็ใช่พวกสายมาโซหรือซาดิสต์ -O- แต่ที่ทำลงไปอาจเพราะ... หวงมาก อืม... หึงมากด้วย

                นี่ลูกกูต้องไปแรดใส่ใครมาแน่ๆ =______= 

                แต่ด้วยความเป็นแม่อ่ะนะ ก็เลยไม่อยากจะถามอะไรให้มากความ รอให้ลูกมันเล่าเองดีกว่า (เห็นฉันอย่างนี้ จรรยาบรรณความเป็นแม่ฉันก็สูงนะยะ -^-)

                ปิ๊งป่อง! ปิ๊งป่อง!

                “เดี๋ยวแม่ไปดูแป๊บนึงนะ” เมื่อได้ยินเสียงออดดังขึ้นแต่เช้า ก็เลยบอกลาลูกชายก่อนจะวิ่งลงไปเปิดประตูด้านล่าง เห็นสามหนุ่มเพื่อนซี้ลูกชายตัวเองมาก็แปลกใจ พวกมันเอาแรงที่ไหนมาตื่นกันตั้งแต่แปดโมงเช้า

                “แหกขี้ตาตื่นกันมาหาลูกอิฉันทำไมคร๊าาาา”

                “มีเรื่องเครียดอ่ะดิแม่ อิแรดอยู่ปะ” จงอินผู้ที่สนิทกับแม่อิแบคสุดๆ รีบบอกด้วยสำนวนที่เหมือนเพื่อนสนิทคุยกัน 

                “อยู่ แต่ตอนนี้แรดออกจากร่างไปแล้วอ่ะนะ -_-; พูดอะไรก็อย่าพูดถึงชานยอลแล้วกัน” นางรีบกำชับเพื่อนสนิทรุ่นลูกให้สงบปากสงบคำ

                “คงไม่ได้หรอกแม่”
                “...”
                “ที่มาเนี่ย ก็เรื่องชานยอล รอฟังพร้อมอิแบคแล้วกัน” จงอินกล่าวก่อนที่ทั้งหมดจะเดินขึ้นบ้าน และทั้งหมดก็เข้าไปในห้องนอนของแบค ฮยอนอย่างรวดเร็ว

                “เฮ้ย มาทำอะไรกันวะเนี่ย” แบคฮยอนตั้งใจจะลุกขึ้นมาต้อนรับเพื่อน แต่แอบหน้ามืดนิดหน่อยจึงนอนลงไปบนเตียงอีกรอบ

                “ชานยอลโดนรถชน แขนขวากับขาซ้ายเข้าเฝือก” เซฮุนรีบบอกใจความสำคัญ 

                !!!” และดูเหมือนว่าทั้งแม่ทั้งลูกจะตกใจไม่ต่างกัน

                “ที่แน่ๆ คือหน้ามันเหมือนคนโดนต่อย แถมนักเลงหัวไม้อย่างไอ้ห่าจงอินบอกว่าอาจจะโดนต่อยที่หัวด้วย ยังน็อคอยู่เลยตอนนี้” 
                “...”
                “คือกูอยากรู้ว่าพวกมึงมีเรื่องอะไรกันมาวะ... สภาพมึงก็...” พูดไปพูดมาก็พึ่งเห็นสภาพที่ยับเยินของแบคฮยอน แอบตกใจไม่น้อยแต่ความอยากรู้เรื่องราวมันมีมากกว่า              

                “...”

                “เดี๋ยวแบค” จงอินผู้จับสังเกตได้ เดินปรี่เข้ามาประชิดตัวแบคฮยอนที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนจะดึงปกเสื้อเชิ้ตลง

                “อะไรของมึง”

                “จี้ตัว C... ทำไมไม่ใส่...” เขาพูดช้าๆ ทีละคำเพื่อเค้นเอาคำตอบ แต่แบค ฮยอนก็ทำได้แต่เบือนหน้าหนี
                “...”

                “มันเกิดอะไรขึ้นวะ!! นี่มึงไม่คิดจะบอกกูเลยใช่มั้ยแบค! กูเป็นเพื่อนสนิทมึงรึเปล่า” จงอินพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อปนต่อว่า จนแบคฮยอนต้องหันกลับมามองด้วยสีหน้าขอโทษ

                “...”
                “กูรู้ละ” จงอินเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
                “...”

                “ไอ่ฮุน เปิดสไกป์หาเมียกูเดี๋ยวนี้เลย พึ่งจะสองทุ่ม มันยังไม่นอนหรอก” เมื่อได้รับคำสั่ง เซฮุนก็รีบเดินไปเปิดโน้ตบุ๊คของแบคฮยอนทันที

                “...”

                “ถ้ามีโด้อยู่ด้วย มึงต้องเล่าแน่ๆ”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น