26
The Worst Birthday Present EVER.
“พี่หนาวว่ะแบคฮยอน
ขอปิดแอร์ได้มั้ย” หลังจากเล่นเกมกันเสร็จ คริสก็หนาวขึ้นมาเสียดื้อๆ
เขาเดินไปปิดเครื่องปรับอากาศหน้าตาเฉยโดยยังไม่ได้ฟังคำตอบรับของแบคฮยอนเลยแม้แต่น้อย
แบคฮยอนจึงได้แต่เออออห่อหมกทั้งที่เขายังร้อนอยู่เลย
นั่งไปได้ซักพักจึงเหงื่อก็ผุดพรายขึ้นบนใบหน้า
“เอ่อพี่คริส
เดี๋ยวผมขอแกะชายเสื้อนิดนึงนะ แหะๆ ร้อนอ่ะ” แบคฮยอนพูดเสร็จก็ปลดกระดุมเม็ดบนก่อนจะดึงชายเสื้อเชิ้ตสีขาวออกจากกางเกงสแล็ค
ปาดเหงื่อบนหน้าผากเล็กน้อย เส้นผมเริ่มหมาดไปด้วยเหงื่อ
หึ... ท่าทางเหมือนคนพึ่งเสร็จกิจ
เป็นไปตามแผน...
ปิ๊งป่อง!
ปิ๊งป่อง! ปิ๊งป่อง! ปิ๊งป่อง! ปิ๊งป่อง! ปิ๊งป่อง!
“อะไรกันน่ะคริส ใครมา...”
แม่คริสเดินลงมาจากชั้นสองเพื่อมาดูว่าใครมากดกริ่งหน้าบ้านรัวกระหน่ำขนาดนี้
แต่แทนที่คริสจะเดินไปเปิด เขากลับนั่งเฉยๆ และมองหน้าแม่
“แม่ไปเปิดให้หน่อย”
ผู้เป็นแม่จึงเดินไปเปิดประตูบ้านงงๆ ทั้งที่ลูกชายก็ว่างขนาดนี้
ทำไมถึงปล่อยให้แม่ไปเปิดประตู เมื่อแม่คริสเดินไปเปิดประตูได้ซักพักก็มีใครบางคนวิ่งเข้ามาในบ้านอย่างร้อนรน
“แบคฮยอนอยู่ไหน!!?”
มาได้จังหวะพอดีเลยนะน้องรัก...
ทำไมแผนมันเป๊ะแบบนี้วะ ฮ่าๆๆ
“ชานยอล >O<
พี่คริสเรียกมาแล้วหรอ... เอาเลยมั้ย เซอร์ไพร์สวันเกิดเลยมั้ย?”
แบคฮยอนหันไปมองหน้าคริสอย่างใสซื่อพร้อมรอยยิ้มที่น่ารักน่าหยิก คริส อยากจะหลุดขำออกมากับความใสซื่อหรือซื่อบื้อก็ไม่รู้แต่เขาก็ต้องแกล้งทำเป็นยิ้มใจดี
“เอาน่ะๆ ชานยอลมีอะไร
^^?” เขายังคงยิ้มใจดีให้แก่ชานยอล แต่ชานยอล กลับไม่ดีด้วย
เขาเดินปรี่เข้ามากระชากข้อมือแบคฮยอนอย่างดุดันแล้วดึงให้แบค ฮยอนลุกขึ้น
“ช... ชานยอล O_O
เกิดอะไรขึ้น...” ร่างเล็กตกใจกับบรรยากาศที่จู่ๆ
ก็มาคุขึ้นมาซะงั้น
“Happy
Birthday, my bro ^^” คริสพูดพร้อมรอยยิ้มที่เสแสร้ง
ก่อนจะชูนิ้วโป้งขึ้นมาแล้วคว่ำมันลงช้าๆ
“ไอ้เหี้ย!
มึงมันเลว! เดี๋ยวกูกลับมา! มึงรอกูก่อนเหอะสัส” ชานยอลสบถคำหยาบออกมาเป็นชุดจนแบคฮยอนต้องเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่คำหยาบระดับจงอินกับเซฮุนออกมาจากปากชานยอล
“ชานยอล!
ทำไมพูดแบบนี้! ด... เดี๋ยว! เอากระเป๋าก่อน มีของสำคัญในนั้น”
เมื่อเห็นว่าชานยอลกำลังลากตัวเองออกไปจากบ้านของคริส เขาก็รีบคว้ากระเป๋าเรียนที่มีจี้ห้อยคออยู่ในนั้นไปด้วย
พอมองไปทางคริสก็เห็นนั่งยิ้มอยู่เฉยๆ
ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ O_O!!?
“ช... ชานยอล!
ขับรถมาเองหรอ! แล้วขับเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่”
เมื่อเห็นว่าชานยอลขับ Porsche 911
Carrera
S มาด้วยตัวเอง แถมเป็นรถสปอร์ตหรูอีกต่างหาก ชานยอลเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารให้แบคฮยอนก่อนจะผลักเข้าไปนั่งแรงๆ
“ขับเป็นนานแล้วแต่ไม่มีอารมณ์จะขับเอง”
คำตอบของชานยอลทำให้แบคฮยอนถึงกับเอ๋อ
ไม่คิดว่าชานยอลจะมีมุมนี้ได้ ซักพักรถหรูก็พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
ชานยอลเหล่มองสภาพของแบคฮยอนที่ตัวเปียกเหงื่อและเสื้อผ้าหลุดลุ่ยก็จับพวงมาลัยแน่นด้วยความโกรธ
คันเร่งถูกเหยียบเสียจนมิด ทำให้ความเร็วพุ่งไปเป็น 140 Km/hr
ภายในเวลาอันสั้น
“ชาน ขับเร็วไปแล้วนะ”
ร่างเล็กหันไปเตือน
“...”
แต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบ
“ชาน... โกรธอะไรหรอ”
เมื่อเห็นว่าท่าทางไม่ดี แบคฮยอนจึงจับไหล่ชานยอลเบาๆ
พลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“รู้รึเปล่าว่ามันเป็นใคร”
ชานยอลที่พูดเสียงลอดไรฟันทำให้แบคฮยอนแอบขนลุกด้วยความหวาดกลัวขึ้นมา
“ก... ก็เป็นญาติไม่ใช่หรอ”
“หึ”
ร่างสูงแค่นหัวเราะออกมาจากในลำคอ ทำเอาแบคฮยอนเริ่มสับสน
“อ่าว ทำไมล่ะ”
“ไม่ใช่” ชานยอลตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
สายตายังคงจ้องไปที่ถนนกว้างใหญ่
“อ้าว!” ร่างเล็กถึงกับร้องลั่นด้วยความงง
“ทำไมถึงเชื่อมัน
ทำไมไม่ถามชานก่อน” ชานยอลพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเอง
เขาพยายามใช้สรรพนามที่ตัวเองใช้กับแบคฮยอนโดยเฉพาะ เพื่อให้ตัวเองใจเย็นลง
“ก็... ตั้งใจจะเซอร์ไพร์สวันเกิดชานน่ะ
พี่เค้าไม่ให้บอกว่าพี่เค้ากลับมาจากแคนาดาแล้ว ชานจะได้ประหลาดใจ
ว่าแต่พี่เค้าเป็นใครกันแน่”
แบคฮยอนรู้สึกดีที่อย่างน้อยชานยอลก็ให้โอกาสเขาอธิบาย
เขาจึงกล้าถามต่อว่าคริสเป็นใครกันแน่
“เป็นใครก็ช่างมันเถอะ
แล้วแบคฮยอนล่ะ... ทำอะไรกับมันบ้าง!” ร่างสูงตวาดลั่นจนแบคฮยอนผงะ
“หา O[]O!!
ทำอะไ...”
“ทำไม...”
ร่างสูงพูดแทรกโดยไม่ปล่อยให้แบคฮยอนพูดจบ “ทำไม... ชานไม่ดีพอ ไม่หล่อพอใช่มั้ย”
“อ... อะไรกันชานยอล
แบคงงไปหมดแล้ว”
“ทำไมต้องเป็นไอ้เวรนี่! ทำไมต้องมัน!” เขายังคงโวยวายลั่นรถ ทุบพวงมาลัยดังปั้กด้วยความเจ็บใจ
แบคฮยอนยังคงสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาจึงทำได้แค่เกาหัวงงๆ
“หมายถึงอะไร?
หมายถึงทำเซอร์ไพร์สน่ะหรอ”
“หึ” ชานยอลแค่นหัวเราะออกมา
มุมปากกระตุกอย่างเหยียดๆ
“ชาน อธิบายสิ แบคงงจริงๆ นะ”
“จะให้ชานอธิบายอะไรในเมื่อแบคก็รู้อยู่แก่ใจ!” ร่างสูงหันมาตวาดลั่นรถจนผู้ฟังสะดุ้งโหยง
“ห... หา O_O!?
รู้อะไร!”
“เซอร์ไพร์ส... หึ
เซอร์ไพร์สมากจริงๆ” ชานยอลพูดกัดฟันแน่น
เขาไม่ได้พูดอะไรอีกและแบคฮยอนก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อด้วย
ร่างเล็กขยุ้มชายเสื้อตัวเองแน่น ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าคนรักที่ตอนนี้แปลงร่างกลายเป็นปีศาจไปแล้ว
ต้องทำยังไง...
ถ้าเราพูดมากกว่านี้ชานยอลจะโกรธมั้ย
ใช้เวลาไม่นานชานยอลก็ขับมาถึงบ้านของตัวเอง
เขาเลี้ยวรถขึ้นไปเทียบประตูบ้านอย่างคล่องแคล่วก่อนจะดับเครื่อง
และรีบเดินลงไปกระชากประตูรถฝั่งแบคฮยอนอย่างแรง โดยไม่สนใจว่ารถตัวเองจะหรูขนาดไหน
เขาคว้าข้อมือเล็กขึ้นมาก่อนจะดึงให้แบคฮยอนลุกขึ้นอย่างแรงจนร่างเล็กแทบล้ม
กระเป๋าของแบคฮยอน...
ยังอยู่ในรถ...
“ชานยอล... จี้...”
แบคฮยอนหลุดปากพูดของขวัญวันเกิดออกมาก่อนจะเหลียวหลังมองกระเป๋าที่ถูกทิ้งไว้ในรถสปอร์ต
ชานยอลไม่ได้คิดจะปิดประตูรถด้วยซ้ำ
เขากึ่งลากกึ่งกระชากแบคฮยอนให้เข้าไปในตัวบ้าน
ในตัวบ้านเหลือเพียงแค่ป้ามุนอาเท่านั้น
เพราะหลังจากที่ชานยอลรู้ว่าแบค ฮยอนอยู่ที่บ้านของคริส
เขาก็วิ่งออกจากบ้านไปโดยไม่สนใจใครทั้งนั้น แถมยังขับรถเองอีกต่างหาก
ป้ามุนอาจึงรับหน้าที่ไล่แขกกลับบ้านอย่างเร่งด่วนและยังไล่คนรับใช้ให้ออกจากบ้านด้วย
เพราะกลัวว่าคุณชายปาร์คชานยอลสติแตก
แล้วก็สติแตกจริงๆ
เมื่อป้ามุนอาเห็นสภาพแบคฮยอนที่เหงื่อท่วมตัวและเสื้อผ้าหลุดลุ่ย
ประกอบกับใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ดูตื่นตระหนก หล่อนก็เอามือ ทาบอกตัวความตกใจ
รีบลุกจากโซฟาเข้าไปขวางทางชานยอลทันที
“คุณชาย! คุณชายจะทำอะไรคุณชายแบคฮยอนคะ!?”
“ผมจะทำอะไรก็เรื่องของผม!
ถ้าผมไม่อนุญาต ห้ามใครเข้ามาในบ้านนี้ทั้งนั้น! ออกไปให้หมด!”
ชานยอลที่ตอนนี้เป็นปีศาจไปแล้วสั่งไล่ทุกคนให้ออกไป “ไล่ป้าน่ะไล่ได้ แต่อย่าทำอะไรคุณชายแบคฮยอนนะคะ ป้าขอ...”
“ป้า... ผมบอกให้ออกไป”
ร่างสูงกัดฟันพูดอย่างหัวเสีย ป้ามุนอาจึงรีบวิ่งออกจากตัวบ้านและไปยืนรออยู่หน้าประตูบ้านพร้อมกับพวกคนรับใช้ที่แอบดูอยู่นานแล้ว
“ชานยอล! ปล่อยแบคก่อน ฟังแบคก่อน” เมื่อเหลือเพียงสองคน
แบคฮยอนก็ร้องโวยวายเพราะใจเสีย ได้แต่ดิ้นไปมา
แอบรู้สึกโล่งใจที่แขกเหรื่อกลับกันหมดแล้วและไม่มีใครอยู่ในบริเวณบ้านอีก
“จะฟังอะไรอีก! มันมีอะไรต้องฟังอีก!” ชานยอลตะโกนลั่น
เสียงดังก้องไปทั้งบ้านจนทำให้แบคฮยอนขลาดกลัว
เขาไม่เคยเห็นชานยอลแบบนี้เลยจริงๆ
ไม่เคยเห็นเลยจริงๆ...
“ช... ชานยอล ขอแค่หยุดฟังหนึ่งนาที
นะ...” ร่างบางเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
แต่คิดหรือว่าสถานการณ์แบบนี้ใครมันจะไปหยุดฟัง เขากึ่งลากกึ่งกระชากแบค ฮยอนให้ขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง
ก่อนจะปิดประตูและล็อกห้อง
“ชานยอล!
จะทำอะไร!” แบคฮยอนเริ่มสั่นขึ้นมาเสียดื้อๆ
ขาเรียวเล็กที่กำลังสั่นค่อยๆ
ถอยไปด้านหลังเมื่อเห็นชานยอลที่กำลังโมโหเดินเข้ามาใกล้
แต่ยิ่งถอยไปเท่าไหร่ก็ยิ่งเดินไปหาเตียงนอนใหญ่มากขึ้นทุกที
“ทำอะไรงั้นหรอ?
ไอ้อี้ฟานมันทำอะไรไว้ ชานก็จะทำบ้างยังไงล่ะ”
เสียงนี้ไม่ใช่ชานยอลโหมดเพลย์บอยหรือโหมดเอ๋อใดๆ ทั้งสิ้น แต่มันเป็นโหมดที่ดูน่ากลัวและโหดร้าย
“ชานยอล
พี่คริสไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นเลยนะ ฟังกันก่อนได้ไหม! คือพี่เค้า...”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วล่ะ...”
ร่างสูงเดินปรี่เข้ามาประชิดตัว เสียงทุ้มนั่นดูน่ากลัวแต่ก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
เขาผลักแบคฮยอนที่กำลังสั่นลงบนเตียงอย่างไมแยแส ก่อนจะขึ้นคร่อมร่างนั้น
“ชานยอล... ฮึก...
พี่เค้าแค่อยากเซอร์ไพร์สวันเกิดชานนะ แล้วทำไมชานต้องทำแบบนี้กับแบคด้วย” จู่ๆ
น้ำตาก็ไหลออกมาเสียดื้อๆ
แบคฮยอนเริ่มสะอื้นแต่แขนทั้งสองข้างก็ทำได้แค่ถูกตรึงไว้โดยมือแกร่งของชานยอล
“ก็นี่ไง... เซอร์ไพร์สชานจริงๆ”
“...”
“สิ่งที่ชานทะนุถนอม
รักษามาตลอด... รอวันที่แบคพร้อม”
“...”
“วันนี้...
วันเกิดของชานคนนี้...”
“...”
“มันถูกทำลายแล้ว...”
ร่างสูงกระซิบแผ่ว หัวใจบีบรัดเสียยิ่งกว่าใครตาย แบคฮยอนรีบส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว
ก่อนที่จะหยุดเพื่อจะอ้าปากอธิบาย แต่ชานยอลไม่อยากจะฟังคำแก้ตัวอีก
เขาก้มลงจูบอย่างหนักหน่วง ไม่รอให้ลิ้นเล็กตอบโต้
ลิ้นหนาเกี่ยวตวัดและดูดดึงเสียจนร่างเล็กเจ็บริมฝีปาก
มันไม่ได้มีความรักและความทะนุถนอมเลยซักนิดเดียว
“ชาน...” เมื่อร่างสูงผละริมฝีปาก
แบคฮยอนก็รีบเรียกชื่อเพื่อเตือนสติ แต่คิดหรือว่ากระทิงที่กำลังโกรธจะหยุดได้
เขาไม่คิดจะปลุกเร้าอารมณ์แบคฮยอน
เพราะไม่สนใจด้วยซ้ำว่าตอนนี้คนด้านล่างจะเป็นอย่างไร
ร่างสูงถอดเข็มขัดและปลดซิปกางเกงสแล็คของตัวเองอย่างคล่องแคล่วด้วยมือข้างเดียว
ส่วนอีกมือหนึ่งก็รวบแขนทั้งสองข้างของแบคฮยอนไว้เหนือศีรษะของร่างเล็ก เมื่อปลดกางเกงตัวเองเสร็จก็ปลดซิปกางเกงสแล็คของแบคฮยอนอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะดึงชั้นในสีขาวออกมาจนเห็นแก่นกายของร่างบางที่ไม่ได้มีความรู้สึกทางเพศเลยแม้แต่น้อย
“หึ... กับชานไม่รู้สึกอะไรเลย
คงจะเสร็จสมกับไอ้เวรนั่นจนไม่เหลืออารมณ์แล้วล่ะสิ”
ทำไมต้องมาพูดดูถูกเหมือนเขาเป็นโสเภณีด้วย...
ร่างเล็กทำได้แค่คิด...
ก่อนที่จะปล่อยความคิดทุเรศนั่นให้ไหลออกไปพร้อมกับน้ำตา
ชานยอลถอดชั้นในสีขาวของตัวเองลงจนเห็นแท่งร้อนที่กำลังพร้อมออกศึก
ไม่ต้องรอให้คนถูกกระทำพร้อม
เขายัดแท่งเนื้อเข้าไปในช่องทางรักมิดด้ามจนใบหน้าขาวใสต้องบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
“อึก! ชานยอล! จ... เจ็บ!”
“เจ็บของแบคฮยอนจะเจ็บเท่ากับใจของชานหรอ”
ร่างสูงพูดด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด
แต่เขาก็รีบสลัดความรู้สึกนั้นทิ้งก่อนจะรัวสะโพกไม่ยั้งจนร่างเล็กเจ็บหนักกว่าเดิมเพราะช่องทางรักยังไม่ได้ปรับสภาพเลย
“อ... อึก... เอาออกไป”
“หึ”
ร่างสูงแค่นหัวเราะเป็นเชิงปฏิเสธ เขาซอยถี่ขึ้นเรื่อยๆ
ช่องทางรักของแบคฮยอนก็ตอดรัดเสียจนอยากจะครางออกมาเพราะความสุขสม
แต่ตอนนี้เขาไม่มีความสุขเลยซักนิดจึงกลั้นอารมณ์ไว้ สุดท้าย
เขาก็กระตุกเกร็งจนปล่อยน้ำรักในร่างกายของแบคฮยอนและค่อยๆ ถอนแท่งเนื้อออกมา
แต่จนถึงตอนนี้ แกนกายของแบคฮยอนก็ไม่ตื่นตัวซักที
“ทำไม...
ทำกับแฟนตัวเองแล้วมันไม่มีอารมณ์ใช่มั้ย”
ร่างสูงพูดประชดก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตขาวของแบคฮยอนออกจนเห็นเรือนร่างเนียนขาว
แต่กลับทำให้เขาหยุดชะงักด้วยความประหลาดใจ...
ทำไมไม่มีรอยแดงอะไรเลย
“หยุดทำไม ต่อสิ”
ดวงตาเรียวเล็กมองมาที่ใบหน้าหล่อเหลาด้วยแววตาเจ็บปวด แต่ปากกลับพูดประชดประชัน
ร่างสูงจึงแค่นหัวเราะออกมาก่อนจะตอบ
“หึ... ได้ ขอมาก็จัดให้”
เขาระดมจูบไปทั่วร่างกายขาวเนียน
ก่อนจะกดริมฝีปากให้เกิดเป็นรอยกลีบกุหลาบไปทั่วร่าง
ใช่...
ก็เพราะอี้ฟานมันแอบทำลับหลังเรา
มันจะทิ้งร่องรอยไว้ให้เราดูเป็นต่างหน้าทำไมกัน
เมื่อคิดได้แบบนั้นก็ยิ่งกดริมฝีปากหนักขึ้นไปอีก
แต่แบคฮยอนก็เงียบกริบ...
ไม่มีแม้กระทั่งเสียงครางเพราะความเสียวซ่านหรือการเรียกชื่อเขาเลย
เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นว่าร่างเล็กกำลังเฉมองไปทางอื่น
ปากเรียวเม้มแน่นก่อนที่น้ำตาจะไหลซ้ำแล้วซ้ำอีก
“ทำไม!
ไม่คิดจะมีอารมณ์กับแฟนตัวเองเลยใช่มั้ย!”
สุดท้ายเขาก็หัวเสียและหยุดทำทุกสิ่งทุกอย่าง
ก่อนจะจ้องหน้าแบคฮยอนที่ตอนนี้ไม่คิดแม้แต่จะมองหน้าเขา
ข้อมือเล็กที่ถูกบีบแน่นเกิดเป็นรอยแดงรูปนิ้วของชานยอลจนเขาเองก็ตกใจ
“กูจะมีอารมณ์กับใคร
มันก็เรื่องของกู...” ร่างเล็กยอมปริปากพูด แต่คำสรรพนามก็เปลี่ยนไป...
เหมือนครั้งแรกที่เราเจอกัน
เหมือนครั้งที่แบคฮยอนยังไม่มีความรู้สึกใดๆ
ต่อชานยอล
“เสร็จแล้วใช่มั้ย
พอใจรึยังล่ะ...”
“...”
“ถ้าพอใจแล้ว กูขอตัวกลับบ้าน”
ร่างเล็กกระชับเสื้อผ้าเข้ามาแนบกับตัวเอง
ก่อนจะสวมกางเกงอย่างระวัง เพราะตอนนี้ช่องทางหลังของเขาปวดร้าวถึงกระดูกสันหลัง
เขาลุกขึ้นจากเตียงหนาช้าๆ และเดินกะโผลกกะเผลกออกจากห้องไป
พยายามฝืนตัวเองไม่ให้ล้มลงไปนอนพับ ก่อนจะค่อยๆ เดินออกจากบ้านหลังใหญ่ที่สัญญากับตัวเองว่าชาตินี้จะไม่มีวันมาเหยียบอีก
“ค... คุณชายแบคฮยอนคะ”
เสียงหญิงวัยกลางคนดังขึ้นข้างหู เขาจึงหันไปมอง
ก็เจอป้ามุนอาที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและเป็นกังวล
“ครับ ^^” ส่งยิ้มพร้อมคำพูดที่ไพเราะเพราะความเคารพนับถือ ป้ามุนอามองสภาพเสื้อผ้าที่ยับเยินหนักกว่าเดิมและใบหน้าที่เปรอะไปด้วยน้ำตาแล้วก็ใจหาย
น้ำตาแทบจะไหล
“ป้า... ป้าขอโทษ ฮึก...
ป้าขอโทษที่เลี้ยงดูคุณชายชานยอลไม่ดีนะคะ ป้าขอโทษแทนคุณชายด้วยค่ะ...”
“คุณป้าไม่ผิดอะไรซักนิดเลยครับ”
“...”
“ผมผิดเองที่รักและไว้ใจเค้ามากเกินไป...”
เขายิ้มฝืนให้กับหญิงวัยกลางคนก่อนจะบังคับตัวเองให้ก้าวขาที่ปวดร้าวออกจากบ้าน
ทางเข้าบ้านที่เคยด่าไว้ว่าไกลชิบหาย
วันนี้แม่งไกลโคตรไกล
ทำไมมันถึงไกลขนาดนี้
“คุณชายแบคฮยอนคะ!!
ให้คนไปส่งนะคะ ป้าขอร้อง... นะคะ...” ป้ามุนอาวิ่งตามมา แต่แบคฮยอนก็หันไปยิ้มแล้วส่ายหน้าช้าๆ
ก่อนจะเดินออกไปเงียบๆ
ราวกับมีกำแพงมากั้น
แม้กระทั่งป้ามุนอาก็ไม่กล้าเข้าไปแตะบ่าเล็กๆ
นั่น
เพราะร่างเล็กที่เดินเซไปมาเหมือนใบไม้ที่ปลิวตามลมนั่นสร้างปราการที่แข็งกระด้างขึ้นมาในใจเรียบร้อยแล้ว
ถ้าไม่ติดว่าป้ามุนอาเป็นคนที่มีจิตใจดีและคอยดูแลเขาเสมอ
บยอนแบคฮยอนคนนี้ก็คงจะเมินใส่ไปอีกคน
**********
นี่มันอะไรกัน...
แบคฮยอนเป็นฝ่ายผิดไม่ใช่หรอ
เขามีคนอื่น... แล้วทำไมต้องมาประชดประชัน แถมไม่พูดอะไรซักคำ
แล้วยังมีท่าทีทั้งโกรธทั้งเกลียดเรา...
เอาเถอะ
ยังไงซะตอนนี้เรื่องแบคฮยอนพับเก็บไว้ก่อน...
เราต้องไปเคลียร์กับไอ้เวรอี้ฟานให้รู้เรื่อง!
หลังจากนั่งทบทวนเรื่องของแบคฮยอนเสียนาน
ชานยอลก็นึกขึ้นได้ว่าต้องไปจัดการอู๋อี้ฟานหรือคริส ตัวต้นเหตุของเรื่องนี้
เขาจึงรีบวิ่งลงมาชั้นล่างก็เห็นป้ามุนอาที่นั่งร้องไห้เบาๆ อยู่มุมห้อง
“ป... ป้ามุนอา...”
เมื่อใจเย็นลงและกลายเป็นคุณชายชานยอลที่น่ารักคนเดิม
เขาก็ปรี่เข้าไปคุกเข่าข้างหญิงวัยกลางคนทันที “ป้าครับ ผมขอโทษที่พูดจาไม่ดี”
“ป้าน่ะ
ไม่โกรธอะไรคุณชายหรอกค่ะ...”
“...”
“ฮึก... แต่คุณชายแบคฮยอนสิคะ...
เค้ารักคุณชายมากนะคะ ฮึก... ทำไมถึงทำร้ายคุณชายแบคฮยอนแบบนั้น”
ป้ามุนอาผู้ที่ห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเองเสมอพูดออกมาทั้งน้ำตา
จนทำให้ชานยอลงงงวยกับประโยคแรกที่ป้ามุนอาพูด
รักหรอ...
แบคฮยอนน่ะหรอ รักเรา...
“ผมขอตัวก่อนนะครับป้า
ผมยังมีเรื่องต้องสะสาง” ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“ระวังตัวนะคะ
อย่าให้ถึงขั้นเลือดตกยางออกนะ” ป้ามุนอากำชับ แต่ดูเหมือนชานยอลจะไม่ได้ตอบตกลง
เพราะเขารู้ว่าเรื่องนี้มันมาถึงขีดสุดแล้ว
รถสปอร์ตหรูคันเดิมยังคงจอดอยู่เหมือนเดิม
ต่างตรงที่ประตูฝั่งผู้โดยสารได้ปิดลงแล้ว ชานยอลรีบสตาร์ทเครื่องก่อนจะพุ่งทะยานออกจากคฤหาสน์หลังโตด้วยความเร็วสูง
พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าเรียนของแบคฮยอนที่ถูกวางทิ้งไว้บนเบาะข้างคนขับ
เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเอาไปให้แล้วกัน...
เพราะตอนนี้มีเรื่องสำคัญกว่านั้น!
รถสปอร์ตหรูกลับมาที่บ้านของคริสภายในระยะเวลาอันสั้น
และแน่นอนว่า คริสยืนรออยู่นานแล้ว มุมปากกระตุกรอยยิ้มแสยะก่อนจะเดินออกจากบ้าน
ไปเปิดประตูรั้วให้อย่างใจเย็น
“อ่า... สุดท้ายน้องพี่ก็กลับมา”
“อี้ฟาน!” แต่อีกฝ่ายไม่เย็นด้วย
เขาปิดประตูรถดังปังก่อนจะวิ่งเข้ามาประชิดตัวคริส “มึงมายุ่งกับชีวิตกูอีกทำไม!!”
“หึ... ก็ทำในสิ่งที่มึงเคยทำกับกูไง
ไอ้น้องรัก!!”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น