วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

fckmerakme : 26 The Worst Birthday Present EVER.




26

The Worst Birthday Present EVER.



                “พี่หนาวว่ะแบคฮยอน ขอปิดแอร์ได้มั้ย” หลังจากเล่นเกมกันเสร็จ คริสก็หนาวขึ้นมาเสียดื้อๆ เขาเดินไปปิดเครื่องปรับอากาศหน้าตาเฉยโดยยังไม่ได้ฟังคำตอบรับของแบคฮยอนเลยแม้แต่น้อย แบคฮยอนจึงได้แต่เออออห่อหมกทั้งที่เขายังร้อนอยู่เลย นั่งไปได้ซักพักจึงเหงื่อก็ผุดพรายขึ้นบนใบหน้า

                “เอ่อพี่คริส เดี๋ยวผมขอแกะชายเสื้อนิดนึงนะ แหะๆ ร้อนอ่ะ” แบคฮยอนพูดเสร็จก็ปลดกระดุมเม็ดบนก่อนจะดึงชายเสื้อเชิ้ตสีขาวออกจากกางเกงสแล็ค ปาดเหงื่อบนหน้าผากเล็กน้อย เส้นผมเริ่มหมาดไปด้วยเหงื่อ 

                หึ... ท่าทางเหมือนคนพึ่งเสร็จกิจ
                เป็นไปตามแผน...


                ปิ๊งป่อง! ปิ๊งป่อง! ปิ๊งป่อง! ปิ๊งป่อง! ปิ๊งป่อง! ปิ๊งป่อง

                “อะไรกันน่ะคริส ใครมา...” แม่คริสเดินลงมาจากชั้นสองเพื่อมาดูว่าใครมากดกริ่งหน้าบ้านรัวกระหน่ำขนาดนี้ แต่แทนที่คริสจะเดินไปเปิด เขากลับนั่งเฉยๆ และมองหน้าแม่        

                “แม่ไปเปิดให้หน่อย” ผู้เป็นแม่จึงเดินไปเปิดประตูบ้านงงๆ ทั้งที่ลูกชายก็ว่างขนาดนี้ ทำไมถึงปล่อยให้แม่ไปเปิดประตู เมื่อแม่คริสเดินไปเปิดประตูได้ซักพักก็มีใครบางคนวิ่งเข้ามาในบ้านอย่างร้อนรน

                “แบคฮยอนอยู่ไหน!!?” 

                มาได้จังหวะพอดีเลยนะน้องรัก...
                ทำไมแผนมันเป๊ะแบบนี้วะ ฮ่าๆๆ

                “ชานยอล >O< พี่คริสเรียกมาแล้วหรอ... เอาเลยมั้ย เซอร์ไพร์สวันเกิดเลยมั้ย?” แบคฮยอนหันไปมองหน้าคริสอย่างใสซื่อพร้อมรอยยิ้มที่น่ารักน่าหยิก คริส อยากจะหลุดขำออกมากับความใสซื่อหรือซื่อบื้อก็ไม่รู้แต่เขาก็ต้องแกล้งทำเป็นยิ้มใจดี

                “เอาน่ะๆ ชานยอลมีอะไร ^^?” เขายังคงยิ้มใจดีให้แก่ชานยอล แต่ชานยอล กลับไม่ดีด้วย เขาเดินปรี่เข้ามากระชากข้อมือแบคฮยอนอย่างดุดันแล้วดึงให้แบค ฮยอนลุกขึ้น

                “ช... ชานยอล O_O เกิดอะไรขึ้น...” ร่างเล็กตกใจกับบรรยากาศที่จู่ๆ ก็มาคุขึ้นมาซะงั้น

                Happy Birthday, my bro ^^” คริสพูดพร้อมรอยยิ้มที่เสแสร้ง 

                ก่อนจะชูนิ้วโป้งขึ้นมาแล้วคว่ำมันลงช้าๆ

                “ไอ้เหี้ย! มึงมันเลว! เดี๋ยวกูกลับมา! มึงรอกูก่อนเหอะสัส” ชานยอลสบถคำหยาบออกมาเป็นชุดจนแบคฮยอนต้องเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่คำหยาบระดับจงอินกับเซฮุนออกมาจากปากชานยอล

                “ชานยอล! ทำไมพูดแบบนี้! ด... เดี๋ยว! เอากระเป๋าก่อน มีของสำคัญในนั้น” เมื่อเห็นว่าชานยอลกำลังลากตัวเองออกไปจากบ้านของคริส เขาก็รีบคว้ากระเป๋าเรียนที่มีจี้ห้อยคออยู่ในนั้นไปด้วย พอมองไปทางคริสก็เห็นนั่งยิ้มอยู่เฉยๆ

                ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ O_O!!?

                “ช... ชานยอล! ขับรถมาเองหรอ! แล้วขับเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่” เมื่อเห็นว่าชานยอลขับ Porsche 911 Carrera S มาด้วยตัวเอง แถมเป็นรถสปอร์ตหรูอีกต่างหาก ชานยอลเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารให้แบคฮยอนก่อนจะผลักเข้าไปนั่งแรงๆ

                “ขับเป็นนานแล้วแต่ไม่มีอารมณ์จะขับเอง” 

                คำตอบของชานยอลทำให้แบคฮยอนถึงกับเอ๋อ ไม่คิดว่าชานยอลจะมีมุมนี้ได้ ซักพักรถหรูก็พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ชานยอลเหล่มองสภาพของแบคฮยอนที่ตัวเปียกเหงื่อและเสื้อผ้าหลุดลุ่ยก็จับพวงมาลัยแน่นด้วยความโกรธ คันเร่งถูกเหยียบเสียจนมิด ทำให้ความเร็วพุ่งไปเป็น 140 Km/hr ภายในเวลาอันสั้น

                “ชาน ขับเร็วไปแล้วนะ” ร่างเล็กหันไปเตือน
                “...” 

                แต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบ

                “ชาน... โกรธอะไรหรอ” เมื่อเห็นว่าท่าทางไม่ดี แบคฮยอนจึงจับไหล่ชานยอลเบาๆ พลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

                “รู้รึเปล่าว่ามันเป็นใคร” ชานยอลที่พูดเสียงลอดไรฟันทำให้แบคฮยอนแอบขนลุกด้วยความหวาดกลัวขึ้นมา 

                “ก... ก็เป็นญาติไม่ใช่หรอ”

                “หึ” ร่างสูงแค่นหัวเราะออกมาจากในลำคอ ทำเอาแบคฮยอนเริ่มสับสน

                “อ่าว ทำไมล่ะ”

                “ไม่ใช่” ชานยอลตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ สายตายังคงจ้องไปที่ถนนกว้างใหญ่

                “อ้าว!” ร่างเล็กถึงกับร้องลั่นด้วยความงง

                “ทำไมถึงเชื่อมัน ทำไมไม่ถามชานก่อน” ชานยอลพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเอง เขาพยายามใช้สรรพนามที่ตัวเองใช้กับแบคฮยอนโดยเฉพาะ เพื่อให้ตัวเองใจเย็นลง

                “ก็... ตั้งใจจะเซอร์ไพร์สวันเกิดชานน่ะ พี่เค้าไม่ให้บอกว่าพี่เค้ากลับมาจากแคนาดาแล้ว ชานจะได้ประหลาดใจ ว่าแต่พี่เค้าเป็นใครกันแน่” แบคฮยอนรู้สึกดีที่อย่างน้อยชานยอลก็ให้โอกาสเขาอธิบาย เขาจึงกล้าถามต่อว่าคริสเป็นใครกันแน่

                “เป็นใครก็ช่างมันเถอะ แล้วแบคฮยอนล่ะ... ทำอะไรกับมันบ้าง!” ร่างสูงตวาดลั่นจนแบคฮยอนผงะ

                “หา O[]O!! ทำอะไ...”

                “ทำไม...” ร่างสูงพูดแทรกโดยไม่ปล่อยให้แบคฮยอนพูดจบ “ทำไม... ชานไม่ดีพอ ไม่หล่อพอใช่มั้ย”

                “อ... อะไรกันชานยอล แบคงงไปหมดแล้ว” 

                “ทำไมต้องเป็นไอ้เวรนี่! ทำไมต้องมัน!” เขายังคงโวยวายลั่นรถ ทุบพวงมาลัยดังปั้กด้วยความเจ็บใจ แบคฮยอนยังคงสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาจึงทำได้แค่เกาหัวงงๆ

                “หมายถึงอะไร? หมายถึงทำเซอร์ไพร์สน่ะหรอ”

                “หึ” ชานยอลแค่นหัวเราะออกมา มุมปากกระตุกอย่างเหยียดๆ

                “ชาน อธิบายสิ แบคงงจริงๆ นะ”

                “จะให้ชานอธิบายอะไรในเมื่อแบคก็รู้อยู่แก่ใจ!” ร่างสูงหันมาตวาดลั่นรถจนผู้ฟังสะดุ้งโหยง

                “ห... หา O_O!? รู้อะไร!

                “เซอร์ไพร์ส... หึ เซอร์ไพร์สมากจริงๆ” ชานยอลพูดกัดฟันแน่น เขาไม่ได้พูดอะไรอีกและแบคฮยอนก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อด้วย ร่างเล็กขยุ้มชายเสื้อตัวเองแน่น ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าคนรักที่ตอนนี้แปลงร่างกลายเป็นปีศาจไปแล้ว 

                ต้องทำยังไง... ถ้าเราพูดมากกว่านี้ชานยอลจะโกรธมั้ย



                ใช้เวลาไม่นานชานยอลก็ขับมาถึงบ้านของตัวเอง เขาเลี้ยวรถขึ้นไปเทียบประตูบ้านอย่างคล่องแคล่วก่อนจะดับเครื่อง และรีบเดินลงไปกระชากประตูรถฝั่งแบคฮยอนอย่างแรง โดยไม่สนใจว่ารถตัวเองจะหรูขนาดไหน เขาคว้าข้อมือเล็กขึ้นมาก่อนจะดึงให้แบคฮยอนลุกขึ้นอย่างแรงจนร่างเล็กแทบล้ม

                กระเป๋าของแบคฮยอน...
                ยังอยู่ในรถ...

                “ชานยอล... จี้...” แบคฮยอนหลุดปากพูดของขวัญวันเกิดออกมาก่อนจะเหลียวหลังมองกระเป๋าที่ถูกทิ้งไว้ในรถสปอร์ต ชานยอลไม่ได้คิดจะปิดประตูรถด้วยซ้ำ เขากึ่งลากกึ่งกระชากแบคฮยอนให้เข้าไปในตัวบ้าน 

                ในตัวบ้านเหลือเพียงแค่ป้ามุนอาเท่านั้น เพราะหลังจากที่ชานยอลรู้ว่าแบค ฮยอนอยู่ที่บ้านของคริส เขาก็วิ่งออกจากบ้านไปโดยไม่สนใจใครทั้งนั้น แถมยังขับรถเองอีกต่างหาก ป้ามุนอาจึงรับหน้าที่ไล่แขกกลับบ้านอย่างเร่งด่วนและยังไล่คนรับใช้ให้ออกจากบ้านด้วย เพราะกลัวว่าคุณชายปาร์คชานยอลสติแตก

                แล้วก็สติแตกจริงๆ

                เมื่อป้ามุนอาเห็นสภาพแบคฮยอนที่เหงื่อท่วมตัวและเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ประกอบกับใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ดูตื่นตระหนก หล่อนก็เอามือ ทาบอกตัวความตกใจ รีบลุกจากโซฟาเข้าไปขวางทางชานยอลทันที

                “คุณชาย! คุณชายจะทำอะไรคุณชายแบคฮยอนคะ!?” 

                “ผมจะทำอะไรก็เรื่องของผม! ถ้าผมไม่อนุญาต ห้ามใครเข้ามาในบ้านนี้ทั้งนั้น! ออกไปให้หมด!” ชานยอลที่ตอนนี้เป็นปีศาจไปแล้วสั่งไล่ทุกคนให้ออกไป    “ไล่ป้าน่ะไล่ได้ แต่อย่าทำอะไรคุณชายแบคฮยอนนะคะ ป้าขอ...”

                “ป้า... ผมบอกให้ออกไป” ร่างสูงกัดฟันพูดอย่างหัวเสีย ป้ามุนอาจึงรีบวิ่งออกจากตัวบ้านและไปยืนรออยู่หน้าประตูบ้านพร้อมกับพวกคนรับใช้ที่แอบดูอยู่นานแล้ว

                “ชานยอล! ปล่อยแบคก่อน ฟังแบคก่อน” เมื่อเหลือเพียงสองคน แบคฮยอนก็ร้องโวยวายเพราะใจเสีย ได้แต่ดิ้นไปมา แอบรู้สึกโล่งใจที่แขกเหรื่อกลับกันหมดแล้วและไม่มีใครอยู่ในบริเวณบ้านอีก

                “จะฟังอะไรอีก! มันมีอะไรต้องฟังอีก!” ชานยอลตะโกนลั่น เสียงดังก้องไปทั้งบ้านจนทำให้แบคฮยอนขลาดกลัว 

                เขาไม่เคยเห็นชานยอลแบบนี้เลยจริงๆ ไม่เคยเห็นเลยจริงๆ...

                “ช... ชานยอล ขอแค่หยุดฟังหนึ่งนาที นะ...” ร่างบางเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด แต่คิดหรือว่าสถานการณ์แบบนี้ใครมันจะไปหยุดฟัง เขากึ่งลากกึ่งกระชากแบค ฮยอนให้ขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง ก่อนจะปิดประตูและล็อกห้อง 

                “ชานยอล! จะทำอะไร!” แบคฮยอนเริ่มสั่นขึ้นมาเสียดื้อๆ ขาเรียวเล็กที่กำลังสั่นค่อยๆ ถอยไปด้านหลังเมื่อเห็นชานยอลที่กำลังโมโหเดินเข้ามาใกล้ แต่ยิ่งถอยไปเท่าไหร่ก็ยิ่งเดินไปหาเตียงนอนใหญ่มากขึ้นทุกที

                “ทำอะไรงั้นหรอ? ไอ้อี้ฟานมันทำอะไรไว้ ชานก็จะทำบ้างยังไงล่ะ” เสียงนี้ไม่ใช่ชานยอลโหมดเพลย์บอยหรือโหมดเอ๋อใดๆ ทั้งสิ้น แต่มันเป็นโหมดที่ดูน่ากลัวและโหดร้าย

                “ชานยอล พี่คริสไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นเลยนะ ฟังกันก่อนได้ไหม! คือพี่เค้า...”

                “ไม่ต้องพูดอะไรแล้วล่ะ...” ร่างสูงเดินปรี่เข้ามาประชิดตัว เสียงทุ้มนั่นดูน่ากลัวแต่ก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาผลักแบคฮยอนที่กำลังสั่นลงบนเตียงอย่างไมแยแส ก่อนจะขึ้นคร่อมร่างนั้น

                “ชานยอล... ฮึก... พี่เค้าแค่อยากเซอร์ไพร์สวันเกิดชานนะ แล้วทำไมชานต้องทำแบบนี้กับแบคด้วย” จู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาเสียดื้อๆ แบคฮยอนเริ่มสะอื้นแต่แขนทั้งสองข้างก็ทำได้แค่ถูกตรึงไว้โดยมือแกร่งของชานยอล            

                “ก็นี่ไง... เซอร์ไพร์สชานจริงๆ”
                “...”         
                “สิ่งที่ชานทะนุถนอม รักษามาตลอด... รอวันที่แบคพร้อม”
                “...”
                “วันนี้... วันเกิดของชานคนนี้...”
                “...”

                “มันถูกทำลายแล้ว...” ร่างสูงกระซิบแผ่ว หัวใจบีบรัดเสียยิ่งกว่าใครตาย แบคฮยอนรีบส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะหยุดเพื่อจะอ้าปากอธิบาย แต่ชานยอลไม่อยากจะฟังคำแก้ตัวอีก เขาก้มลงจูบอย่างหนักหน่วง ไม่รอให้ลิ้นเล็กตอบโต้ ลิ้นหนาเกี่ยวตวัดและดูดดึงเสียจนร่างเล็กเจ็บริมฝีปาก มันไม่ได้มีความรักและความทะนุถนอมเลยซักนิดเดียว

                “ชาน...” เมื่อร่างสูงผละริมฝีปาก แบคฮยอนก็รีบเรียกชื่อเพื่อเตือนสติ แต่คิดหรือว่ากระทิงที่กำลังโกรธจะหยุดได้ เขาไม่คิดจะปลุกเร้าอารมณ์แบคฮยอน เพราะไม่สนใจด้วยซ้ำว่าตอนนี้คนด้านล่างจะเป็นอย่างไร 

                ร่างสูงถอดเข็มขัดและปลดซิปกางเกงสแล็คของตัวเองอย่างคล่องแคล่วด้วยมือข้างเดียว ส่วนอีกมือหนึ่งก็รวบแขนทั้งสองข้างของแบคฮยอนไว้เหนือศีรษะของร่างเล็ก เมื่อปลดกางเกงตัวเองเสร็จก็ปลดซิปกางเกงสแล็คของแบคฮยอนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะดึงชั้นในสีขาวออกมาจนเห็นแก่นกายของร่างบางที่ไม่ได้มีความรู้สึกทางเพศเลยแม้แต่น้อย

                “หึ... กับชานไม่รู้สึกอะไรเลย คงจะเสร็จสมกับไอ้เวรนั่นจนไม่เหลืออารมณ์แล้วล่ะสิ” 

                ทำไมต้องมาพูดดูถูกเหมือนเขาเป็นโสเภณีด้วย...
                ร่างเล็กทำได้แค่คิด... ก่อนที่จะปล่อยความคิดทุเรศนั่นให้ไหลออกไปพร้อมกับน้ำตา

                ชานยอลถอดชั้นในสีขาวของตัวเองลงจนเห็นแท่งร้อนที่กำลังพร้อมออกศึก ไม่ต้องรอให้คนถูกกระทำพร้อม เขายัดแท่งเนื้อเข้าไปในช่องทางรักมิดด้ามจนใบหน้าขาวใสต้องบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด

                “อึก! ชานยอล! จ... เจ็บ!

                “เจ็บของแบคฮยอนจะเจ็บเท่ากับใจของชานหรอ” ร่างสูงพูดด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด แต่เขาก็รีบสลัดความรู้สึกนั้นทิ้งก่อนจะรัวสะโพกไม่ยั้งจนร่างเล็กเจ็บหนักกว่าเดิมเพราะช่องทางรักยังไม่ได้ปรับสภาพเลย             

                “อ... อึก... เอาออกไป” 

                “หึ” ร่างสูงแค่นหัวเราะเป็นเชิงปฏิเสธ เขาซอยถี่ขึ้นเรื่อยๆ ช่องทางรักของแบคฮยอนก็ตอดรัดเสียจนอยากจะครางออกมาเพราะความสุขสม แต่ตอนนี้เขาไม่มีความสุขเลยซักนิดจึงกลั้นอารมณ์ไว้ สุดท้าย เขาก็กระตุกเกร็งจนปล่อยน้ำรักในร่างกายของแบคฮยอนและค่อยๆ ถอนแท่งเนื้อออกมา 

                แต่จนถึงตอนนี้ แกนกายของแบคฮยอนก็ไม่ตื่นตัวซักที

                “ทำไม... ทำกับแฟนตัวเองแล้วมันไม่มีอารมณ์ใช่มั้ย” ร่างสูงพูดประชดก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตขาวของแบคฮยอนออกจนเห็นเรือนร่างเนียนขาว แต่กลับทำให้เขาหยุดชะงักด้วยความประหลาดใจ... 

                ทำไมไม่มีรอยแดงอะไรเลย

                “หยุดทำไม ต่อสิ” ดวงตาเรียวเล็กมองมาที่ใบหน้าหล่อเหลาด้วยแววตาเจ็บปวด แต่ปากกลับพูดประชดประชัน ร่างสูงจึงแค่นหัวเราะออกมาก่อนจะตอบ

                “หึ... ได้ ขอมาก็จัดให้” เขาระดมจูบไปทั่วร่างกายขาวเนียน ก่อนจะกดริมฝีปากให้เกิดเป็นรอยกลีบกุหลาบไปทั่วร่าง 

                ใช่... ก็เพราะอี้ฟานมันแอบทำลับหลังเรา

                มันจะทิ้งร่องรอยไว้ให้เราดูเป็นต่างหน้าทำไมกัน

                เมื่อคิดได้แบบนั้นก็ยิ่งกดริมฝีปากหนักขึ้นไปอีก แต่แบคฮยอนก็เงียบกริบ... ไม่มีแม้กระทั่งเสียงครางเพราะความเสียวซ่านหรือการเรียกชื่อเขาเลย เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นว่าร่างเล็กกำลังเฉมองไปทางอื่น ปากเรียวเม้มแน่นก่อนที่น้ำตาจะไหลซ้ำแล้วซ้ำอีก

                “ทำไม! ไม่คิดจะมีอารมณ์กับแฟนตัวเองเลยใช่มั้ย!” สุดท้ายเขาก็หัวเสียและหยุดทำทุกสิ่งทุกอย่าง ก่อนจะจ้องหน้าแบคฮยอนที่ตอนนี้ไม่คิดแม้แต่จะมองหน้าเขา ข้อมือเล็กที่ถูกบีบแน่นเกิดเป็นรอยแดงรูปนิ้วของชานยอลจนเขาเองก็ตกใจ 

                “กูจะมีอารมณ์กับใคร มันก็เรื่องของกู...” ร่างเล็กยอมปริปากพูด แต่คำสรรพนามก็เปลี่ยนไป...

                เหมือนครั้งแรกที่เราเจอกัน

                เหมือนครั้งที่แบคฮยอนยังไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อชานยอล

                “เสร็จแล้วใช่มั้ย พอใจรึยังล่ะ...”

                “...”
                “ถ้าพอใจแล้ว กูขอตัวกลับบ้าน” 

                ร่างเล็กกระชับเสื้อผ้าเข้ามาแนบกับตัวเอง ก่อนจะสวมกางเกงอย่างระวัง เพราะตอนนี้ช่องทางหลังของเขาปวดร้าวถึงกระดูกสันหลัง เขาลุกขึ้นจากเตียงหนาช้าๆ และเดินกะโผลกกะเผลกออกจากห้องไป พยายามฝืนตัวเองไม่ให้ล้มลงไปนอนพับ ก่อนจะค่อยๆ เดินออกจากบ้านหลังใหญ่ที่สัญญากับตัวเองว่าชาตินี้จะไม่มีวันมาเหยียบอีก

                “ค... คุณชายแบคฮยอนคะ” เสียงหญิงวัยกลางคนดังขึ้นข้างหู เขาจึงหันไปมอง ก็เจอป้ามุนอาที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและเป็นกังวล

                “ครับ ^^” ส่งยิ้มพร้อมคำพูดที่ไพเราะเพราะความเคารพนับถือ ป้ามุนอามองสภาพเสื้อผ้าที่ยับเยินหนักกว่าเดิมและใบหน้าที่เปรอะไปด้วยน้ำตาแล้วก็ใจหาย น้ำตาแทบจะไหล

                “ป้า... ป้าขอโทษ ฮึก... ป้าขอโทษที่เลี้ยงดูคุณชายชานยอลไม่ดีนะคะ ป้าขอโทษแทนคุณชายด้วยค่ะ...”

                “คุณป้าไม่ผิดอะไรซักนิดเลยครับ”
                “...”          

                “ผมผิดเองที่รักและไว้ใจเค้ามากเกินไป...” เขายิ้มฝืนให้กับหญิงวัยกลางคนก่อนจะบังคับตัวเองให้ก้าวขาที่ปวดร้าวออกจากบ้าน

                ทางเข้าบ้านที่เคยด่าไว้ว่าไกลชิบหาย
                วันนี้แม่งไกลโคตรไกล ทำไมมันถึงไกลขนาดนี้

                “คุณชายแบคฮยอนคะ!! ให้คนไปส่งนะคะ ป้าขอร้อง... นะคะ...” ป้ามุนอาวิ่งตามมา แต่แบคฮยอนก็หันไปยิ้มแล้วส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะเดินออกไปเงียบๆ 

                ราวกับมีกำแพงมากั้น

                แม้กระทั่งป้ามุนอาก็ไม่กล้าเข้าไปแตะบ่าเล็กๆ นั่น เพราะร่างเล็กที่เดินเซไปมาเหมือนใบไม้ที่ปลิวตามลมนั่นสร้างปราการที่แข็งกระด้างขึ้นมาในใจเรียบร้อยแล้ว 

                ถ้าไม่ติดว่าป้ามุนอาเป็นคนที่มีจิตใจดีและคอยดูแลเขาเสมอ
                บยอนแบคฮยอนคนนี้ก็คงจะเมินใส่ไปอีกคน

**********

                นี่มันอะไรกัน...

                แบคฮยอนเป็นฝ่ายผิดไม่ใช่หรอ เขามีคนอื่น... แล้วทำไมต้องมาประชดประชัน แถมไม่พูดอะไรซักคำ แล้วยังมีท่าทีทั้งโกรธทั้งเกลียดเรา...

                เอาเถอะ
                ยังไงซะตอนนี้เรื่องแบคฮยอนพับเก็บไว้ก่อน...

                เราต้องไปเคลียร์กับไอ้เวรอี้ฟานให้รู้เรื่อง!

                หลังจากนั่งทบทวนเรื่องของแบคฮยอนเสียนาน ชานยอลก็นึกขึ้นได้ว่าต้องไปจัดการอู๋อี้ฟานหรือคริส ตัวต้นเหตุของเรื่องนี้ เขาจึงรีบวิ่งลงมาชั้นล่างก็เห็นป้ามุนอาที่นั่งร้องไห้เบาๆ อยู่มุมห้อง

                “ป... ป้ามุนอา...” เมื่อใจเย็นลงและกลายเป็นคุณชายชานยอลที่น่ารักคนเดิม เขาก็ปรี่เข้าไปคุกเข่าข้างหญิงวัยกลางคนทันที “ป้าครับ ผมขอโทษที่พูดจาไม่ดี”

                “ป้าน่ะ ไม่โกรธอะไรคุณชายหรอกค่ะ...”
                “...”

                “ฮึก... แต่คุณชายแบคฮยอนสิคะ... เค้ารักคุณชายมากนะคะ ฮึก... ทำไมถึงทำร้ายคุณชายแบคฮยอนแบบนั้น” ป้ามุนอาผู้ที่ห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเองเสมอพูดออกมาทั้งน้ำตา จนทำให้ชานยอลงงงวยกับประโยคแรกที่ป้ามุนอาพูด

                รักหรอ...
                แบคฮยอนน่ะหรอ รักเรา...

                “ผมขอตัวก่อนนะครับป้า ผมยังมีเรื่องต้องสะสาง” ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ ก่อนจะลุกขึ้นยืน

                “ระวังตัวนะคะ อย่าให้ถึงขั้นเลือดตกยางออกนะ” ป้ามุนอากำชับ แต่ดูเหมือนชานยอลจะไม่ได้ตอบตกลง เพราะเขารู้ว่าเรื่องนี้มันมาถึงขีดสุดแล้ว

                รถสปอร์ตหรูคันเดิมยังคงจอดอยู่เหมือนเดิม ต่างตรงที่ประตูฝั่งผู้โดยสารได้ปิดลงแล้ว ชานยอลรีบสตาร์ทเครื่องก่อนจะพุ่งทะยานออกจากคฤหาสน์หลังโตด้วยความเร็วสูง พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าเรียนของแบคฮยอนที่ถูกวางทิ้งไว้บนเบาะข้างคนขับ

                เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเอาไปให้แล้วกัน...
                เพราะตอนนี้มีเรื่องสำคัญกว่านั้น!



                รถสปอร์ตหรูกลับมาที่บ้านของคริสภายในระยะเวลาอันสั้น และแน่นอนว่า คริสยืนรออยู่นานแล้ว มุมปากกระตุกรอยยิ้มแสยะก่อนจะเดินออกจากบ้าน ไปเปิดประตูรั้วให้อย่างใจเย็น

                “อ่า... สุดท้ายน้องพี่ก็กลับมา”

                “อี้ฟาน!” แต่อีกฝ่ายไม่เย็นด้วย เขาปิดประตูรถดังปังก่อนจะวิ่งเข้ามาประชิดตัวคริส “มึงมายุ่งกับชีวิตกูอีกทำไม!!

               
                “หึ... ก็ทำในสิ่งที่มึงเคยทำกับกูไง ไอ้น้องรัก!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น