20
One word... can be everything.
วันรุ่งขึ้น
“ฮุนจะเอาพี่ไปทำไมเนี่ย -_-?” ผมบ่นขึ้นเมื่อฮุนปลุกผมซะเช้าตรู่แถมบอกให้ไปตึก KBS ด้วยกัน คือแบบ... ก็อยากไปเป็นเพื่อนอ่ะนะ แต่คิดว่ากูไปด้วยเค้าจะมองกูเป็นอะไร
T^T
“เผื่อพี่ลู่จะเปลี่ยนใจอยากเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้ผมไง”
“ไม่เอาาาา
พี่บอกแล้วว่าพี่อยากเป็นผู้กำกับนะฮุนนนน -_-^” ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วที่ฮุนรบเร้าให้ผมเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้
แต่ที่ผมเรียนนิเทศมาก็เพื่อการเป็นผู้กำกับ! แล้วตอนนี้เพื่อนในมหาลัยรวมถึงครูอาจารย์ก็ยอมรับความสามารถของผม
เสียแต่ว่า...
ยังไม่มีใครติดต่อมาแค่นั้นเอง T______T
“โหยยยยยย ก็ค่อยๆ
ไต่เต้าไงพี่ลู่”
“ไม่เอา -O-
เดี๋ยวเอานมกับแซนวิชไปกินด้วย เผื่อรอนาน”
ผมพูดก่อนที่จะหยิบแซนวิชกับนมในตู้เย็นมาใส่กระเป๋าให้มัน
ทำไมกูรู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่กับแฟนแต่เหมือนอยู่กับลูก? 55555555
“นี่ใจคอจะไม่ไปด้วยกันจริงๆ หรอ T^T” ฮุนเกาะแขนผมก่อนที่จะหอมแก้มฟอดใหญ่
“แล้วพี่จะไปในฐานะอะไร -_-?
แฟนโอเซฮุน? บ้าแล้วววว =[]=”
“ก็...
บอกว่าเป็นพี่น้องคนละแม่ไง >_<!! ผมมีแม่เป็นคนเกาหลี
พี่ลู่มีแม่เป็นคนจีน มาเป็นเพื่อนผมเฉยๆ หน้าเราเหมือนกันจะตายยยย~”
“กูควรจะดีใจมั้ยที่หน้าเราเหมือนกัน
=___=” ผมบ่นพึมพำ
“ดีใจสิ!
เค้าบอกว่าเนื้อคู่มักมีหน้าตาเหมือนกันนะพี่ลู่~ น้าๆๆ ไปเหอะน้า~
แล้วคุณคิดว่าผมจะรอดจากการอ้อนของโอเซฮุนหรอครับ
T___T
ตึก
KBS
“มาพบใครคะ”
ประชาสัมพันธ์สาวสวยทักขึ้นเมื่อเราก้าวเข้าไปในตึก
“พบท่านประธานครับ นัดไว้แล้ว
โอเซฮุนครับ”
“ซักครู่นะคะ”
ประชาสัมพันธ์หันไปพิมพ์อะไรนิดหน่อย ก่อนที่จะโทรศัพท์ขึ้นไป
ซักพักก็ยิ้มให้แล้วเชิญพวกเราขึ้นลิฟต์ที่ตรงไปที่ห้องท่านประธานเลย
ติ๊ง!
เสียงลิฟต์หยุด
“สวัสดีค่ะ ท่านประธานรออยู่เลย
เอ๊ะ! นี่ใครคะเนี่ย” เหมือนจะเป็นเลขาที่ออกมาต้อนรับ
แต่นางก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นผมติดสอยห้อยตามมาด้วย -0-
“อ่า พี่ชายผมครับ ^^ ผมลากให้เค้ามาเป็นเพื่อนน่ะ” เซฮุนรีบบอกก่อนที่เจ๊เลขาจะเตะผมให้ลงไปข้างล่าง
“อ้อค่ะ ^^ เชิญทางนี้ค่ะคุณโอเซฮุน ส่วนคุณพี่ชาย... นั่งรอด้านนอกนะคะ” โถถถถถ
ใช่สิ กูเป็นพี่ชายนิ T^T มึงไม่รู้อะไรหรอกว่ากูเป็นแฟนมันนะเว้ยยยยย
กินอยู่ด้วยกันแล้วด้วย -^- (อวดๆ)
เวลาเหมือนผ่านไปนานแสนนาน
เพราะผมต้องนั่งประจันหน้าอยู่กับเลขาจอมเฮี้ยบ
นางคอยรับโทรศัพท์แล้วก็ยุ่งวุ่นวายตลอดเวลา ต่างจากผมที่นั่งเฉยๆ
ไม่อยากเล่นมือถือฆ่าเวลาเพราะเดี๋ยวเค้าจะมองภาพลักษณ์เซฮุนไม่ดี -_-;
แกร๊ก!
เสียงประตูห้องท่านประธานเปิดออก
“ครับ ^_^ ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ! ขอบคุณที่ให้โอกาสผมครับ!” ฮุนค่อยๆ ถอยออกมาจากห้องท่านประธาน เมื่อเดินมาทางผมก็ยิ้มแฉ่งมาแต่ไกล
“พี่ลู่ >O<
ผมได้เล่นละครหลังข่าวเลยนะ!” มันกระซิบเบาๆ
พวกเรายิ้มให้เลขาคนนั้นทีนึงก่อนที่จะรีบลงลิฟต์มา
“ต้องเซ็นสัญญาอะไรรึเปล่าเนี่ย”
ผมรีบถามขึ้นเมื่ออยู่กันสองคนในลิฟต์
“อื้ม แต่ผมต่อรองว่าผมยังเด็ก
ขอเซ็นสัญญาแค่สามปีได้มั้ย เค้าก็ลังเลนิดหน่อยแต่ก็บอกว่าได้ คอยดูเหอะ
ถ้าผมดังเมื่อไหร่ผมจะหนีไป SBS ทันที ฮ่าๆๆๆ”
“ฮุนอย่าพูดเสียงดังสิ!
มาพูดถึง SBS ในตึก KBS ได้ไง
ฮ่าๆๆๆ” เราสองคนหัวเราะกันอย่างมีความสุข แต่ไม่รู้ว่ามันจะเป็นความสุขครั้งสุดท้ายรึเปล่านะ...
หลายสัปดาห์ผ่านไป...
ณ
คอนโดแห่งหนึ่ง
“โด้!
ไอ้ฮุนมันส่งรูปมันถ่ายคู่กับปาร์คมินยองมาว่ะ โคตรสวยอ่ะโด้!” ผมพูดขึ้นขณะที่โด้กำลังนั่งจ้องหน้าจอคอมอย่างเคร่งเครียด
ทำห่าอะไรอยู่ก็ไม่รู้
“อือ” มันตอบกลับมา
“โด้!
มันบอกด้วยแหละว่าจะขอลายเซ็นมันก็รีบขอ ไม่งั้นงานรัดตัว
ไม่มีเวลาเซ็นให้ไม่รู้ด้วย ฮ่าๆๆๆ” ผมขำกับประโยคที่มันส่งมาในไลน์
แน่นอนว่าตอนนี้โอเซฮุนของเรามีแฟนเพจในเฟซบุ๊คแล้วนะครับ~
ดูเหมือนช่วงนี้พี่ลู่จะดูซึมๆ ไปเพราะไอ้ฮุนไม่ค่อยมีเวลาให้
จะมีก็ตอนเที่ยงคืนถึงแปดโมงเช้าเท่านั้นแหละ =[]= แถมเราพึ่งสอบกลางภาคเสร็จ
ตอนไอ้ฮุนเดินเข้ามาในห้องสอบนะ สาวๆ ในห้องสอบนี่มองกันตรึม -_-^
“อือ บอกมันเซ็นให้กูด้วย”
โด้ตอบมาเสียงเนิบๆ เมื่อผมหันไปมองก็เห็นมันหน้าเครียดอยู่หน้าจอคอม กดปุ่ม F5
ครั้งแล้วครั้งเล่า
“ทำอะไรวะโด้” ด้วยความสงสัยก็เลยหันไปถาม
“ม... ไม่มีอะไรหรอก
ไปอาบน้ำดีกว่า ^^;”
มันหันมายิ้มแห้งๆ ให้ก่อนที่จะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ผมก็เลยเปิดทีวี... อุ๋ยยยย
เทปเชลซีเตะกับแมนยูย้อนหลัง กูยังไม่เคยดูซะด้วยยยย ต้องดู!
ซักพัก
“เชี่ย-คิม-จง-อินนนนนน!” จู่ๆ ไอ้โด้ก็ตะโกนลั่นมาจากในห้องน้ำ
“อ่ะโหหหห
เรียกชื่อเต็มกูซะขนาดนี้ มีอะไรครับบบบบ” ผมหันไปตอบทั้งๆ ที่ตายังคงมองทีวี
“มึงใช้ยาสระผมคนสุดท้ายใช่มั้ย!
หมดแล้วก็ไปซื้อมาสิฟะ! ดูดิ๊! โอยยยย มึงไปซื้อมาให้กูเดี๋ยวนี้เลย!” เอิ่ม... ใช่
กูใช้เป็นคนสุดท้ายแล้วมันก็หมดที่หัวกูด้วย 55555
“โด้จ๋าาาาา โด้ออกมาซื้อเองสิจ๊ะ
เก๊าดูบอลอยู่นะ >_<”
ผมตะโกนตอบ
“มึงไปซื้อเดี๋ยวนี้ -_-^” โด้โผล่หัวมาจากประตูห้องน้ำก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
สภาพผมที่เปียกพร้อมให้ยาสระผมชโลม (แต่ไม่มียาสระผมให้ชโลม)
ทำให้ผมนึกสงสารขึ้นมาทันใด 55555555
“ค่าาาา ไปแล้วค่า”
ผมรีบลุกจากโซฟา แหม... บอลก็บอลเถอะ ถ้าเมียสั่งก็ต้องไปอ่ะนะ T^T
“เปิดประตูเด๊ะ”
เมื่อลงไปซื้อยาสระผมจากซุปเปอร์มาร์เก็ตข้างล่างเสร็จ
ก็รีบวิ่งขึ้นมาหาศรีโด้ทันที มันยื่นแต่มือออกมาจากประตูห้องน้ำ
เห็นแล้วมันน่าแกล้ง...
“ขอแอบดูหน่อยสิจ๊ะ”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงเพลย์บอยสุดๆ
“จะดูอะไร -_-^” โด้เปิดประตูให้เห็นเต็มๆ ตัว แต่ท่อนล่างนุ่งผ้าขนหนูมิดชิด แหม่...
มึงเปิดท่อนบนมาให้กูเห็นเป็นอาหารตาหรอครับโด้ *O* แต่มันไม่มีอะให้แกล้งเลยอ่ะ
นึกว่าจะทำตัวกระมิดกระเมี้ยนมากกว่านี้ซะอีก -3-
“เอิ่ม ไม่ดูละ”
ด้วยความเซ็งก็เลยถอยออกมา จังหวะที่มันจะปิดประตู ผมก็เผลอผลักประตูไปอีกครั้ง...
มือมันไปเองนะ
“อะไรของเมิงง โรคจิตหรออออ”
โด้พูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามความโรคจิตของผมสุดๆ T^T
“ป... เปล่า - / /
/ - ค... แค่จะถาม” อีเหี้ยยยยยย! ทำไมกูต้องเป็นคนที่เขินหน้าแดงงงง
TTOTT
“ถามไร”
“ค...
แค่จะถามว่าผิวขาวนี้ท่านได้แต่ใดมา (_ / / _)” ผมถามเสร็จก็ก้มหน้างุด หลบตามันทำไมก็ไม่ยู๊ T^T
“...”
“...”
“ไม่ได้มาจากพ่อมึงแล้วกัน”
ตอบเสร็จก็ปิดประตูดังปัง กระแทกหน้ากูเต็มๆ
“อ๊ากกกก! แรงนะมึงง ว่าพ่อกูดำใช่มั้ยไอ้โด้! เสียใจT^T” ผมยืนร้องโวยวายอยู่หน้าห้องน้ำ ทำไปทำมากูว่ากูก็ชักจะโรคจิตนิดๆ
แล้วล่ะ555
“ก็มึงมาโรคจิตใส่กูก่อนทำไมเล่า!” มันตะโกนตอบกลับมาก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงน้ำซู่ซ่า
ผมจึงถอดใจเดินกลับไปดูบอลอีกครั้ง
เออจะว่าไป...
เล่นกับโด้นี่สนุกกว่าดูบอลอีกนะ555555
พอโด้อาบน้ำเสร็จ
มันก็รีบเป่าผมตัวเองอย่างด่วนจี๋ ระหว่างนั้นมือเล็กยังคงกดปุ่ม F5
ไม่หยุดหย่อน ผมจึงแอบเหลือบมองหน้าเว็บก็เห็นภาษาอังกฤษเป็นพรืด =O=
ถอดใจไม่เสือกต่อดีกว่า
“เฮ้อ”
โด้ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่จะลงมานั่งจุ้มปุ้กข้างๆ ผม เหมือนเจ้าตัวก็ถอดใจที่จะกดปุ่ม
F5 อย่างนั้นต่อไปเรื่อยๆ แล้วเหมือนกัน
แต่ในมือยังกำไอโฟนแน่น
ตะดึ๊ง!
LINE: Teacher Pete
‘TOEFL! HOW’S ABOUT YOUR SCORE?’
เท่าที่กูแอบอ่าน...
มันน่าจะแปลว่า ได้ TOEFL เท่าไหร่ใช่มั้ย -_-?
แต่โด้ไม่พูดอะไร
รีบเด้งจากโซฟาไปดูที่คอมทันที
ตึก... ตึก... ตึก...
ทำไมหัวใจกูต้องเต้นแรงตามด้วยล่ะเนี่ย
-0-?
“เยสสสสสส!!!
104!!! กูทำได้ไงวะ 104!!!!” มันร้องลั่นอย่างมีความสุข ก่อนที่ผมจะปรบมือเออออตามมัน
“เฮฮฮฮฮ!
เก่งจุงเบยยยยยย!” ผมร้องดีใจตาม
“-_-^” มันหันมามองหน้าผมแว๊บนึง “มึงรู้หรอกูดีใจอะไรอ่ะ”
“ไม่รู้หรอก แค่โด้ดีใจ
ไคก็ดีใจตามแล้ว~ ฮิ้ววววว~” เล่นเองก็ตบมุกเอง T^T
“ดีมากกกกก >_____<
ดีใจกับกูเร็ววววว!”
มันดีใจต่อก่อนจะกอดผมเข้าไปเต็มรักเต็มเหนี่ยว... อุ๊ยยยยย ผมหอมจุงเลยโดโด้ >O<
ตัวก็นุ่มนิ่มน่ารักกกก~
“ว่าแต่... มึงเอา TOEFL
ไปทำอะไรวะ” ผมถามขึ้นด้วยความสงสัย
แต่เหมือนคำพูดนี้เป็นฟ้าผ่าเปรี้ยง เพราะมันหยุดดีใจกะทันหันก่อนจะค่อยๆ
ผละออกจากกอด
“ฮะ? อ... เอ่อ...
ก็แค่วัดความรู้ตัวเองน่ะ ^^; คะแนนเต็ม 120
กูได้ 104 เลยนะเว้ย!” มันอวดคะแนนยิ้มๆ
ก่อนจะรีบพิมพ์คะแนนส่งไปหาครูพีท
ตะดึ๊ง!
Your score is very very high!
I know you wanna choose Cornell’s scholarship. BUT! Your score is too good for
this university! You’d better choose Harvard’s scholarship instead!!
(คะแนนนายดีมากเว่อคยองซู!!
ครูรู้ว่านายอยากเลือกทุนของCornell แต่!!
คะแนนนายดีเกินไปสำหรับมหาลัยนี้นะ! ครูว่าเธอเลือกทุนของ
Harvard แทนดีกว่า!!)
ผมชะเง้ออ่านข้อความภาษาอังกฤษยาวเป็นพรืดที่ครูพีทส่งมา
โด้ทำหน้าลังเลนิดหน่อยที่จะให้ผมอ่าน มันยิ้มเบาๆ ก่อนที่จะพยักหน้าสู้ชีวิต
เอ...
ไอ้คำว่า Scholarship
มันแปลว่าอะไรนะ =______=
แล้วสองคนนี้เค้าคุยเรื่องอะไรกันวะ
-O-
*********
ถึงแม้จะปิดเทอมแล้ว
ลู่หานกับเพื่อนๆ ชั้นปีสี่ก็ยังต้องมาประชุมด้วยกัน
เพราะยังมีโปรเจ็คท์ตัวสุดท้ายที่ต้องทำคือละครเวทีเหมือนครั้งที่แล้ว
ลู่หานได้เป็นผู้กำกับเหมือนเดิมเนื่องจากผลงานละครเวที Boys over flower ออกมาเป็นที่ประทับใจ ส่วนอี้ชิงกับจงแดก็ขอเป็นลูกกระจ๊อกเหมือนเดิม
“เฮ้ออออออออ
วันนี้กูไปกินข้าวเย็นกับพวกมึงนะ” เมื่อจบการประชุม
ลู่หานก็พูดกับอี้ชิงและจงแดพลางเอากระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพายพร้อมกลับ
ทั้งสามคนจึงเดินออกมายืนรอรถเมล์หน้ามหาลัย
“แหม แต่ก่อนมีไอ้หนูน้อยเซฮุนมารับ
เดี๋ยวนี้หายไปไหนซะล่ะ” อี้ชิงแซวขึ้นมา แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองปากหมาไปหน่อย
เพราะเพื่อนกลับถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เฮ้อออออออออออ
ละครมันกำลังฉาย กำลังดังเลยด้วย มันก็ต้องทำการทำงานบ้างสิ”
ลู่หานพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ
“จ้าาาา รู้แล้วจ้า -0-
ว่าแต่ไอ้เพชรสองกะรัตของมึงนี่แบบ วิ๊งวับกระแทกตากูตลอดอ่ะ จริงๆ -_-^” อี้ชิงบ่น เพราะลู่หานสวมแหวนเพชรเม็ดใหญ่นี้มาเดือนกว่าแล้ว
และไม่คิดจะถอดเลยแม้แต่น้อย
“อย่าพูดมากดิ๊ แม่ง
เจ้าของแหวนแม่งก็ถ่ายละครทุกวัน แถมพอจะออกจากบ้านก็ถอดทิ้งไว้ที่บ้าน
ไม่กล้าใส่ไป กลัวเป็นข่าว T_T พอมันกลับมาบ้านกูก็หลับแล้ว
พอมันไปถ่ายกูก็ยังไม่ตื่น ตื่นเจ็ดโมงเช้ากลับบ้านเที่ยงคืน มึงคิดดูดิเลย์
ถ้าเราอยากคุยกันต้องคุยกันผ่านโพสอิทอ่ะ TT^TT”
ลู่หานระบายความในใจที่อัดอั้นมานาน
“ผัวทิ้ง?” จู่ๆ
จงแดก็โพล่งขึ้นมา
“เชี่ยจงแด -_-^” ลู่หานหันไปค้อน แต่ไม่อยากจะอะไรมากเพราะจงแดเป็นคนพูดน้อย
ต้องรอให้อี้ชิงแปลเสียก่อนถึงจะเข้าใจความหมายทั้งหมด
“ไม่ช่าย~ มันหมายถึงว่าช่วงนี้ผัวไม่ค่อยช่วยงานบ้าน เช่นทิ้งขยะอะไรอย่างงี้หรอ?”
สุดท้ายอี้ชิงก็แปลได้สวยหรู
“ป่าวววว ไอ้งานบ้านอ่ะกูเป็นคนทำหมดแหละ
ก็ไม่ได้มีอะไรมากนักหรอก แค่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกันเฉยๆ น่ะ” ลู่หานตอบ
“หาผัวใหม่”
จงแดยังคงโพล่งอะไรแปลกๆ ออกมา
“เหี้ยจงแดดดด TOT
มึงอย่ายุกูแบบนี้สิวะ” ลู่หานบ่น
“ไม่ช่ายยยย~ มันหมายถึงว่า หาอะไรใหม่ๆ ให้ผัวทำสิ” อี้ชิงแปล
“อ่อ แล้วไป -0-
กูก็หาอะไรใหม่ๆ ทำแล้วนะ อุตส่าห์เปิดสูตรคิมบับในเว็บ
แพ็คใส่กล่องให้มันก่อนไปกองถ่าย มันบอกว่ากินไม่ได้ ต้องกินข้าวที่กอง
เดี๋ยวพี่ที่กองเค้าหาว่ามันหยิ่ง”
“สม”
“เหี้ยจงแดดดดดด!!”
“ใจเย็นลู่ =O=” อี้ชิงผู้ที่แปลออกทุกอย่างรีบขวางลู่หานที่กำลังเดือดไว้
“มันหมายถึงว่า สมแล้วที่เป็นผัวมึง รู้จักมีความอ่อนน้อมถ่อมตน”
“งือ T^T” ลู่หานนิ่งลงเมื่อรู้คำแปลที่แท้จริง
“วันเกิดกู...” จู่ๆ
จงแดก็พูดขึ้น
“รู้แล้วคร้าบบบบ ยี่สิบเอ็ดกันยา
พรุ่งนี้คร้าบบบบ ซื้อของขวัญให้แล้วด้วย เงียบเลย” ลู่หานรีบพูดขัด
เพราะวันพรุ่งนี้เป็นวันเกิดของจงแดจริงๆ และลู่หานก็เตรียมของขวัญให้จงแดไว้นานแล้วด้วย
“ไม่ใช่..”
“...”
“พรุ่งนี้ เอามันมา”
“...”
“ไม่งั้นกูสั่งเลิกคบ” จงแดพูดสั้นๆ
น้อยๆ เหมือนเดิม แต่สีหน้าเคร่งเครียดเพราะเขาไม่ชอบให้ลู่หานต้องถอนหายใจบ่อยๆ
แบบนี้
“เหยดดดดด!
พี่จงแดโมโหแล้วที่หนูลู่โดนทิ้ง” อี้ชิงรีบเสริม
“ไม่รู้ว่ามันจะมาได้มั้ยนะ TOT” ลู่หานตอบเซ็งๆ
ยังไงซะเขาก็ไม่คิดจะบอกเรื่องงานปาร์ตี้วันเกิดจงแดให้เซฮุนรู้อยู่แล้ว
เพราะรู้ว่าถึงบอกไปเซฮุนก็มาไม่ได้อยู่ดี
“อือ”
“อ๊ะ!” ลู่หานร้องขึ้นมาเมื่อเห็นรถเมล์ที่ผ่านซองซูอพาร์ตเมนท์กำลังมาจอดเทียบป้าย
“กูกลับก่อนนะ เจอกันที่ร้านบุฟเฟ่ต์เค้กร้านเดิมเหมือนทุกปี สี่ทุ่มใช่มั้ย?”
“อือ”
“บายจ้า” เมื่อรถเมล์มาจอด
ลู่หานก็ขึ้นรถเมล์ไปก่อนจะเลือกมุมเงียบๆ
พูดถึงคนที่ยังรอรถเมล์บ้าง...
“ไอ้อี้ชิง” จงแดพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าลู่หานขึ้นรถเมล์ไปแล้ว
“ไร”
“มึงจะแปลคำพูดกูให้ลู่ฟังทำไม”
เขาพูดพลางเกาท้องเหมือนไม่สนใจอะไร
“เอ้า ก็ถ้ากูไม่แปล
ลู่มันจะเข้าใจความหมายที่มึงอยากจะสื่อจริงๆ มั้ยจงแด”
“ไม่อ่ะ”
“...”
“O[]O!!”
**********
“ชาน
เดี๋ยววันนี้แบคทำเครปให้กิน”
แบคฮยอนพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าตัวเองและชานยอลกำลังนั่งว่างๆ
อยู่ในคฤหาสน์ที่ไม่รู้จะทำอะไรดี ตอนนี้สาวใช้ดูวุ่นวายกับการเตรียมอาหารเย็น แต่ชานยอลกับแบคฮยอนได้แต่นั่งอยู่บนโซฟา
ทีวีก็ไม่เปิด
“ไม่ต้องหรอกแบค เดี๋ยวกินไม่ได้นะ”
ชานยอลรีบเตือน
“กินได้เด่ะะ -_-^” แบคฮยอนยู่ปากเซ็งๆ ชานยอลจึงเขยิบเข้ามาใกล้มากขึ้น
วันนี้เขามีอะไรบางอย่างที่อยากให้แบคฮยอนรู้...
ชานยอลเอามือซ้ายของตัวเองกำมือขวาของแบคฮยอนไว้เบาๆ
คนตัวเล็กหันมายิ้มให้อย่างอารมณ์ดีก่อนจะบีบมือตอบ...
ไม่เห็นจำเป็นต้องดูโทรทัศน์ แต่ก็อารมณ์ดีได้เนอะ
เอ๊ะ...
ว่าแต่ทำไมมือซ้ายชานยอลมีแหวน...
แบคฮยอนมองมือของชานยอลงงๆ
ก็เห็นว่าแหวนคู่ที่ตกลงว่าจะใส่กันมือขวานั้น
ชานยอลเอามันมาใส่ไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายเสียแล้ว...
“อ๊ะ” แบคฮยอนเผลออุทานออกมาเบาๆ
เมื่อเห็นแหวนแบบนั้น ก่อนจะมองหน้าชานยอลด้วยแววตาที่ประหลาดใจ ยิ่งเห็นยิ้มเขินๆ
ของชานยอลก็รู้ทันทีว่า มันคงอยากจะเปลี่ยนตำแหน่งแหวนใจจะขาด แบค ฮยอนจึงทำได้แค่เม้มปากเพราะไม่อยากให้รู้ว่าอยากยิ้มแค่ไหน
“เปลี่ยนนิ้วดีกว่าเนอะ”
ชานยอลกระซิบเบาๆ แบคฮยอนจึงพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มที่หุบไม่อยู่
เขาหลับตาพริ้มเพราะไม่อยากจะเห็นฉากเปลี่ยนแหวนจริงๆ กลัวจะเขินมากกว่าเดิม
ชานยอลเห็นแบบนั้นก็เลยขโมยจูบที่ปากเบาๆ ก่อนจะถอดแหวนออกจากนิ้วนางข้างขวา
แล้วสวมมันช้าๆ ที่นิ้วนางข้างซ้าย
“ใส่แหวนอย่างเดียวดิ
ทำอย่างอื่นด้วยทำไมเล่า - / / -” แบคฮยอนบ่นเขินๆ ก่อนจะเอามือถูปากตัวเอง
“แล้วแบคจะหลับตาทำไมล่ะ
มันเหมือนรอพร้อมจูบเลยรู้ป่าว” ชานยอลพูดยิ้มๆ
แบคฮยอนจึงรีบลืมตาขึ้นมาเพราะกลัวจะโดนจูบอีกรอบ
“ไม่หลับตาแล้ว ไม่หลับแล้ว >___<” แบคฮยอนรีบบอก ก่อนที่จะเอามือปิดตาตัวเองซะน่ารัก
“เอ...”
“...”
“ชานว่าวันนี้มันวันที่ 20
ใช่มั้ย งั้นชานก็ต้องเป็นเคะอ่ะดิ =_____=” ชานยอลเผลอหลุดปากออกมา
“เออจริงด้วยยยยย!!
ไอ้ชานนน! มึงทำซะกูเคลิ้มเลยนะ! หึหึหึหึ
วันนี้เมะอย่างกูจะต้องกำราบเคะน้อยชานยอลให้อยู่หมัดเลยคอยดูเด่ะ!!!”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น