วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

fckmerakme : 20 One word... can be everything.




20

One word... can be everything.



วันรุ่งขึ้น

                “ฮุนจะเอาพี่ไปทำไมเนี่ย -_-?” ผมบ่นขึ้นเมื่อฮุนปลุกผมซะเช้าตรู่แถมบอกให้ไปตึก KBS ด้วยกัน คือแบบ... ก็อยากไปเป็นเพื่อนอ่ะนะ แต่คิดว่ากูไปด้วยเค้าจะมองกูเป็นอะไร T^T

                “เผื่อพี่ลู่จะเปลี่ยนใจอยากเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้ผมไง”

                “ไม่เอาาาา พี่บอกแล้วว่าพี่อยากเป็นผู้กำกับนะฮุนนนน -_-^” ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วที่ฮุนรบเร้าให้ผมเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้ แต่ที่ผมเรียนนิเทศมาก็เพื่อการเป็นผู้กำกับ! แล้วตอนนี้เพื่อนในมหาลัยรวมถึงครูอาจารย์ก็ยอมรับความสามารถของผม เสียแต่ว่า...

                ยังไม่มีใครติดต่อมาแค่นั้นเอง T______T

                “โหยยยยยย ก็ค่อยๆ ไต่เต้าไงพี่ลู่”

                “ไม่เอา -O- เดี๋ยวเอานมกับแซนวิชไปกินด้วย เผื่อรอนาน” ผมพูดก่อนที่จะหยิบแซนวิชกับนมในตู้เย็นมาใส่กระเป๋าให้มัน ทำไมกูรู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่กับแฟนแต่เหมือนอยู่กับลูก? 55555555

                “นี่ใจคอจะไม่ไปด้วยกันจริงๆ หรอ T^T” ฮุนเกาะแขนผมก่อนที่จะหอมแก้มฟอดใหญ่

                “แล้วพี่จะไปในฐานะอะไร -_-? แฟนโอเซฮุน? บ้าแล้วววว =[]=” 

                “ก็... บอกว่าเป็นพี่น้องคนละแม่ไง >_<!! ผมมีแม่เป็นคนเกาหลี พี่ลู่มีแม่เป็นคนจีน มาเป็นเพื่อนผมเฉยๆ หน้าเราเหมือนกันจะตายยยย~” 

                “กูควรจะดีใจมั้ยที่หน้าเราเหมือนกัน =___=” ผมบ่นพึมพำ

                “ดีใจสิ! เค้าบอกว่าเนื้อคู่มักมีหน้าตาเหมือนกันนะพี่ลู่~ น้าๆๆ ไปเหอะน้า~

                แล้วคุณคิดว่าผมจะรอดจากการอ้อนของโอเซฮุนหรอครับ T___T




ตึก KBS

                “มาพบใครคะ” ประชาสัมพันธ์สาวสวยทักขึ้นเมื่อเราก้าวเข้าไปในตึก

                “พบท่านประธานครับ นัดไว้แล้ว โอเซฮุนครับ” 

                “ซักครู่นะคะ” ประชาสัมพันธ์หันไปพิมพ์อะไรนิดหน่อย ก่อนที่จะโทรศัพท์ขึ้นไป ซักพักก็ยิ้มให้แล้วเชิญพวกเราขึ้นลิฟต์ที่ตรงไปที่ห้องท่านประธานเลย 

                ติ๊ง!
                เสียงลิฟต์หยุด

                “สวัสดีค่ะ ท่านประธานรออยู่เลย เอ๊ะ! นี่ใครคะเนี่ย” เหมือนจะเป็นเลขาที่ออกมาต้อนรับ แต่นางก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นผมติดสอยห้อยตามมาด้วย -0-

                “อ่า พี่ชายผมครับ ^^ ผมลากให้เค้ามาเป็นเพื่อนน่ะ” เซฮุนรีบบอกก่อนที่เจ๊เลขาจะเตะผมให้ลงไปข้างล่าง

                “อ้อค่ะ ^^ เชิญทางนี้ค่ะคุณโอเซฮุน ส่วนคุณพี่ชาย... นั่งรอด้านนอกนะคะ” โถถถถถ ใช่สิ กูเป็นพี่ชายนิ T^T มึงไม่รู้อะไรหรอกว่ากูเป็นแฟนมันนะเว้ยยยยย กินอยู่ด้วยกันแล้วด้วย -^- (อวดๆ)

                เวลาเหมือนผ่านไปนานแสนนาน เพราะผมต้องนั่งประจันหน้าอยู่กับเลขาจอมเฮี้ยบ นางคอยรับโทรศัพท์แล้วก็ยุ่งวุ่นวายตลอดเวลา ต่างจากผมที่นั่งเฉยๆ ไม่อยากเล่นมือถือฆ่าเวลาเพราะเดี๋ยวเค้าจะมองภาพลักษณ์เซฮุนไม่ดี -_-;

                แกร๊ก!
                เสียงประตูห้องท่านประธานเปิดออก

                “ครับ ^_^ ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ! ขอบคุณที่ให้โอกาสผมครับ!” ฮุนค่อยๆ ถอยออกมาจากห้องท่านประธาน เมื่อเดินมาทางผมก็ยิ้มแฉ่งมาแต่ไกล

                “พี่ลู่ >O< ผมได้เล่นละครหลังข่าวเลยนะ!” มันกระซิบเบาๆ พวกเรายิ้มให้เลขาคนนั้นทีนึงก่อนที่จะรีบลงลิฟต์มา

                “ต้องเซ็นสัญญาอะไรรึเปล่าเนี่ย” ผมรีบถามขึ้นเมื่ออยู่กันสองคนในลิฟต์

                “อื้ม แต่ผมต่อรองว่าผมยังเด็ก ขอเซ็นสัญญาแค่สามปีได้มั้ย เค้าก็ลังเลนิดหน่อยแต่ก็บอกว่าได้ คอยดูเหอะ ถ้าผมดังเมื่อไหร่ผมจะหนีไป SBS ทันที ฮ่าๆๆๆ” 

                “ฮุนอย่าพูดเสียงดังสิ! มาพูดถึง SBS ในตึก KBS ได้ไง ฮ่าๆๆๆ” เราสองคนหัวเราะกันอย่างมีความสุข แต่ไม่รู้ว่ามันจะเป็นความสุขครั้งสุดท้ายรึเปล่านะ...




หลายสัปดาห์ผ่านไป...

ณ คอนโดแห่งหนึ่ง

                “โด้! ไอ้ฮุนมันส่งรูปมันถ่ายคู่กับปาร์คมินยองมาว่ะ โคตรสวยอ่ะโด้!” ผมพูดขึ้นขณะที่โด้กำลังนั่งจ้องหน้าจอคอมอย่างเคร่งเครียด ทำห่าอะไรอยู่ก็ไม่รู้

                “อือ” มันตอบกลับมา

                “โด้! มันบอกด้วยแหละว่าจะขอลายเซ็นมันก็รีบขอ ไม่งั้นงานรัดตัว ไม่มีเวลาเซ็นให้ไม่รู้ด้วย ฮ่าๆๆๆ” ผมขำกับประโยคที่มันส่งมาในไลน์ 

                แน่นอนว่าตอนนี้โอเซฮุนของเรามีแฟนเพจในเฟซบุ๊คแล้วนะครับ~ ดูเหมือนช่วงนี้พี่ลู่จะดูซึมๆ ไปเพราะไอ้ฮุนไม่ค่อยมีเวลาให้ จะมีก็ตอนเที่ยงคืนถึงแปดโมงเช้าเท่านั้นแหละ =[]= แถมเราพึ่งสอบกลางภาคเสร็จ ตอนไอ้ฮุนเดินเข้ามาในห้องสอบนะ สาวๆ ในห้องสอบนี่มองกันตรึม -_-^

                “อือ บอกมันเซ็นให้กูด้วย” โด้ตอบมาเสียงเนิบๆ เมื่อผมหันไปมองก็เห็นมันหน้าเครียดอยู่หน้าจอคอม กดปุ่ม F5 ครั้งแล้วครั้งเล่า


                “ทำอะไรวะโด้” ด้วยความสงสัยก็เลยหันไปถาม

                “ม... ไม่มีอะไรหรอก ไปอาบน้ำดีกว่า ^^;” มันหันมายิ้มแห้งๆ ให้ก่อนที่จะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ผมก็เลยเปิดทีวี... อุ๋ยยยย เทปเชลซีเตะกับแมนยูย้อนหลัง กูยังไม่เคยดูซะด้วยยยย ต้องดู!


               
ซักพัก

                “เชี่ย-คิม-จง-อินนนนนน!” จู่ๆ ไอ้โด้ก็ตะโกนลั่นมาจากในห้องน้ำ

                “อ่ะโหหหห เรียกชื่อเต็มกูซะขนาดนี้ มีอะไรครับบบบบ” ผมหันไปตอบทั้งๆ ที่ตายังคงมองทีวี

                “มึงใช้ยาสระผมคนสุดท้ายใช่มั้ย! หมดแล้วก็ไปซื้อมาสิฟะ! ดูดิ๊! โอยยยย มึงไปซื้อมาให้กูเดี๋ยวนี้เลย!” เอิ่ม... ใช่ กูใช้เป็นคนสุดท้ายแล้วมันก็หมดที่หัวกูด้วย 55555

                “โด้จ๋าาาาา โด้ออกมาซื้อเองสิจ๊ะ เก๊าดูบอลอยู่นะ >_<” ผมตะโกนตอบ 

                “มึงไปซื้อเดี๋ยวนี้ -_-^” โด้โผล่หัวมาจากประตูห้องน้ำก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ สภาพผมที่เปียกพร้อมให้ยาสระผมชโลม (แต่ไม่มียาสระผมให้ชโลม) ทำให้ผมนึกสงสารขึ้นมาทันใด 55555555

                “ค่าาาา ไปแล้วค่า” ผมรีบลุกจากโซฟา แหม... บอลก็บอลเถอะ ถ้าเมียสั่งก็ต้องไปอ่ะนะ T^T



                “เปิดประตูเด๊ะ” เมื่อลงไปซื้อยาสระผมจากซุปเปอร์มาร์เก็ตข้างล่างเสร็จ ก็รีบวิ่งขึ้นมาหาศรีโด้ทันที มันยื่นแต่มือออกมาจากประตูห้องน้ำ เห็นแล้วมันน่าแกล้ง...

                “ขอแอบดูหน่อยสิจ๊ะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเพลย์บอยสุดๆ

                “จะดูอะไร -_-^” โด้เปิดประตูให้เห็นเต็มๆ ตัว แต่ท่อนล่างนุ่งผ้าขนหนูมิดชิด แหม่... มึงเปิดท่อนบนมาให้กูเห็นเป็นอาหารตาหรอครับโด้ *O* แต่มันไม่มีอะให้แกล้งเลยอ่ะ นึกว่าจะทำตัวกระมิดกระเมี้ยนมากกว่านี้ซะอีก -3-

                “เอิ่ม ไม่ดูละ” ด้วยความเซ็งก็เลยถอยออกมา จังหวะที่มันจะปิดประตู ผมก็เผลอผลักประตูไปอีกครั้ง... มือมันไปเองนะ

                “อะไรของเมิงง โรคจิตหรออออ” โด้พูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามความโรคจิตของผมสุดๆ T^T

                “ป... เปล่า - / / / - ค... แค่จะถาม” อีเหี้ยยยยยย! ทำไมกูต้องเป็นคนที่เขินหน้าแดงงงง TTOTT

                “ถามไร”
                “ค... แค่จะถามว่าผิวขาวนี้ท่านได้แต่ใดมา (_ / / _)” ผมถามเสร็จก็ก้มหน้างุด หลบตามันทำไมก็ไม่ยู๊ T^T
                “...”
                “...”
                “ไม่ได้มาจากพ่อมึงแล้วกัน” ตอบเสร็จก็ปิดประตูดังปัง กระแทกหน้ากูเต็มๆ

                “อ๊ากกกก! แรงนะมึงง ว่าพ่อกูดำใช่มั้ยไอ้โด้! เสียใจT^T” ผมยืนร้องโวยวายอยู่หน้าห้องน้ำ ทำไปทำมากูว่ากูก็ชักจะโรคจิตนิดๆ แล้วล่ะ555

                “ก็มึงมาโรคจิตใส่กูก่อนทำไมเล่า!” มันตะโกนตอบกลับมาก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงน้ำซู่ซ่า ผมจึงถอดใจเดินกลับไปดูบอลอีกครั้ง

                 เออจะว่าไป...
                เล่นกับโด้นี่สนุกกว่าดูบอลอีกนะ555555



                พอโด้อาบน้ำเสร็จ มันก็รีบเป่าผมตัวเองอย่างด่วนจี๋ ระหว่างนั้นมือเล็กยังคงกดปุ่ม F5 ไม่หยุดหย่อน ผมจึงแอบเหลือบมองหน้าเว็บก็เห็นภาษาอังกฤษเป็นพรืด =O= ถอดใจไม่เสือกต่อดีกว่า

                “เฮ้อ” โด้ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่จะลงมานั่งจุ้มปุ้กข้างๆ ผม เหมือนเจ้าตัวก็ถอดใจที่จะกดปุ่ม F5 อย่างนั้นต่อไปเรื่อยๆ แล้วเหมือนกัน แต่ในมือยังกำไอโฟนแน่น  

                ตะดึ๊ง!
                LINE: Teacher Pete

                ‘TOEFL! HOW’S ABOUT YOUR SCORE?’

                เท่าที่กูแอบอ่าน... มันน่าจะแปลว่า ได้ TOEFL เท่าไหร่ใช่มั้ย -_-?

                แต่โด้ไม่พูดอะไร รีบเด้งจากโซฟาไปดูที่คอมทันที 

                ตึก... ตึก... ตึก...
                ทำไมหัวใจกูต้องเต้นแรงตามด้วยล่ะเนี่ย -0-?
                “เยสสสสสส!!! 104!!! กูทำได้ไงวะ 104!!!!” มันร้องลั่นอย่างมีความสุข ก่อนที่ผมจะปรบมือเออออตามมัน 

                “เฮฮฮฮฮ! เก่งจุงเบยยยยยย!” ผมร้องดีใจตาม

                -_-^” มันหันมามองหน้าผมแว๊บนึง “มึงรู้หรอกูดีใจอะไรอ่ะ”

                “ไม่รู้หรอก แค่โด้ดีใจ ไคก็ดีใจตามแล้ว~ ฮิ้ววววว~” เล่นเองก็ตบมุกเอง T^T

                “ดีมากกกกก >_____< ดีใจกับกูเร็ววววว!” มันดีใจต่อก่อนจะกอดผมเข้าไปเต็มรักเต็มเหนี่ยว... อุ๊ยยยยย ผมหอมจุงเลยโดโด้ >O< ตัวก็นุ่มนิ่มน่ารักกกก~

                “ว่าแต่... มึงเอา TOEFL ไปทำอะไรวะ” ผมถามขึ้นด้วยความสงสัย แต่เหมือนคำพูดนี้เป็นฟ้าผ่าเปรี้ยง เพราะมันหยุดดีใจกะทันหันก่อนจะค่อยๆ ผละออกจากกอด

                “ฮะ? อ... เอ่อ... ก็แค่วัดความรู้ตัวเองน่ะ ^^; คะแนนเต็ม 120 กูได้ 104 เลยนะเว้ย!” มันอวดคะแนนยิ้มๆ ก่อนจะรีบพิมพ์คะแนนส่งไปหาครูพีท

                ตะดึ๊ง!
                Your score is very very high! I know you wanna choose Cornell’s scholarship. BUT! Your score is too good for this university! You’d better choose Harvard’s scholarship instead!!

                (คะแนนนายดีมากเว่อคยองซู!! ครูรู้ว่านายอยากเลือกทุนของCornell แต่!! คะแนนนายดีเกินไปสำหรับมหาลัยนี้นะ! ครูว่าเธอเลือกทุนของ Harvard แทนดีกว่า!!)

                ผมชะเง้ออ่านข้อความภาษาอังกฤษยาวเป็นพรืดที่ครูพีทส่งมา โด้ทำหน้าลังเลนิดหน่อยที่จะให้ผมอ่าน มันยิ้มเบาๆ ก่อนที่จะพยักหน้าสู้ชีวิต 

                เอ...
                ไอ้คำว่า Scholarship มันแปลว่าอะไรนะ =______=
                แล้วสองคนนี้เค้าคุยเรื่องอะไรกันวะ -O-

*********

                ถึงแม้จะปิดเทอมแล้ว ลู่หานกับเพื่อนๆ ชั้นปีสี่ก็ยังต้องมาประชุมด้วยกัน เพราะยังมีโปรเจ็คท์ตัวสุดท้ายที่ต้องทำคือละครเวทีเหมือนครั้งที่แล้ว ลู่หานได้เป็นผู้กำกับเหมือนเดิมเนื่องจากผลงานละครเวที Boys over flower ออกมาเป็นที่ประทับใจ ส่วนอี้ชิงกับจงแดก็ขอเป็นลูกกระจ๊อกเหมือนเดิม

                “เฮ้ออออออออ วันนี้กูไปกินข้าวเย็นกับพวกมึงนะ” เมื่อจบการประชุม ลู่หานก็พูดกับอี้ชิงและจงแดพลางเอากระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพายพร้อมกลับ ทั้งสามคนจึงเดินออกมายืนรอรถเมล์หน้ามหาลัย

                “แหม แต่ก่อนมีไอ้หนูน้อยเซฮุนมารับ เดี๋ยวนี้หายไปไหนซะล่ะ” อี้ชิงแซวขึ้นมา แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองปากหมาไปหน่อย เพราะเพื่อนกลับถอนหายใจเฮือกใหญ่

                “เฮ้อออออออออออ ละครมันกำลังฉาย กำลังดังเลยด้วย มันก็ต้องทำการทำงานบ้างสิ” ลู่หานพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ 

                “จ้าาาา รู้แล้วจ้า -0- ว่าแต่ไอ้เพชรสองกะรัตของมึงนี่แบบ วิ๊งวับกระแทกตากูตลอดอ่ะ จริงๆ -_-^” อี้ชิงบ่น เพราะลู่หานสวมแหวนเพชรเม็ดใหญ่นี้มาเดือนกว่าแล้ว และไม่คิดจะถอดเลยแม้แต่น้อย

                “อย่าพูดมากดิ๊ แม่ง เจ้าของแหวนแม่งก็ถ่ายละครทุกวัน แถมพอจะออกจากบ้านก็ถอดทิ้งไว้ที่บ้าน ไม่กล้าใส่ไป กลัวเป็นข่าว T_T พอมันกลับมาบ้านกูก็หลับแล้ว พอมันไปถ่ายกูก็ยังไม่ตื่น ตื่นเจ็ดโมงเช้ากลับบ้านเที่ยงคืน มึงคิดดูดิเลย์ ถ้าเราอยากคุยกันต้องคุยกันผ่านโพสอิทอ่ะ TT^TT” ลู่หานระบายความในใจที่อัดอั้นมานาน 

                “ผัวทิ้ง?” จู่ๆ จงแดก็โพล่งขึ้นมา 

                “เชี่ยจงแด -_-^” ลู่หานหันไปค้อน แต่ไม่อยากจะอะไรมากเพราะจงแดเป็นคนพูดน้อย ต้องรอให้อี้ชิงแปลเสียก่อนถึงจะเข้าใจความหมายทั้งหมด

                “ไม่ช่าย~ มันหมายถึงว่าช่วงนี้ผัวไม่ค่อยช่วยงานบ้าน เช่นทิ้งขยะอะไรอย่างงี้หรอ?” สุดท้ายอี้ชิงก็แปลได้สวยหรู

                “ป่าวววว ไอ้งานบ้านอ่ะกูเป็นคนทำหมดแหละ ก็ไม่ได้มีอะไรมากนักหรอก แค่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกันเฉยๆ น่ะ” ลู่หานตอบ

                “หาผัวใหม่” จงแดยังคงโพล่งอะไรแปลกๆ ออกมา

                “เหี้ยจงแดดดด TOT มึงอย่ายุกูแบบนี้สิวะ” ลู่หานบ่น

                “ไม่ช่ายยยย~ มันหมายถึงว่า หาอะไรใหม่ๆ ให้ผัวทำสิ” อี้ชิงแปล

                “อ่อ แล้วไป -0- กูก็หาอะไรใหม่ๆ ทำแล้วนะ อุตส่าห์เปิดสูตรคิมบับในเว็บ แพ็คใส่กล่องให้มันก่อนไปกองถ่าย มันบอกว่ากินไม่ได้ ต้องกินข้าวที่กอง เดี๋ยวพี่ที่กองเค้าหาว่ามันหยิ่ง” 

                “สม”

                “เหี้ยจงแดดดดดด!!

                “ใจเย็นลู่ =O=” อี้ชิงผู้ที่แปลออกทุกอย่างรีบขวางลู่หานที่กำลังเดือดไว้ “มันหมายถึงว่า สมแล้วที่เป็นผัวมึง รู้จักมีความอ่อนน้อมถ่อมตน”

                “งือ T^T” ลู่หานนิ่งลงเมื่อรู้คำแปลที่แท้จริง

                “วันเกิดกู...” จู่ๆ จงแดก็พูดขึ้น

                “รู้แล้วคร้าบบบบ ยี่สิบเอ็ดกันยา พรุ่งนี้คร้าบบบบ ซื้อของขวัญให้แล้วด้วย เงียบเลย” ลู่หานรีบพูดขัด เพราะวันพรุ่งนี้เป็นวันเกิดของจงแดจริงๆ และลู่หานก็เตรียมของขวัญให้จงแดไว้นานแล้วด้วย

                “ไม่ใช่..”
                “...”

                “พรุ่งนี้ เอามันมา”
                “...”

                “ไม่งั้นกูสั่งเลิกคบ” จงแดพูดสั้นๆ น้อยๆ เหมือนเดิม แต่สีหน้าเคร่งเครียดเพราะเขาไม่ชอบให้ลู่หานต้องถอนหายใจบ่อยๆ แบบนี้

                “เหยดดดดด! พี่จงแดโมโหแล้วที่หนูลู่โดนทิ้ง” อี้ชิงรีบเสริม 

                “ไม่รู้ว่ามันจะมาได้มั้ยนะ TOT” ลู่หานตอบเซ็งๆ ยังไงซะเขาก็ไม่คิดจะบอกเรื่องงานปาร์ตี้วันเกิดจงแดให้เซฮุนรู้อยู่แล้ว เพราะรู้ว่าถึงบอกไปเซฮุนก็มาไม่ได้อยู่ดี 

                “อือ” 

                “อ๊ะ!” ลู่หานร้องขึ้นมาเมื่อเห็นรถเมล์ที่ผ่านซองซูอพาร์ตเมนท์กำลังมาจอดเทียบป้าย “กูกลับก่อนนะ เจอกันที่ร้านบุฟเฟ่ต์เค้กร้านเดิมเหมือนทุกปี สี่ทุ่มใช่มั้ย?”

                “อือ”

                “บายจ้า” เมื่อรถเมล์มาจอด ลู่หานก็ขึ้นรถเมล์ไปก่อนจะเลือกมุมเงียบๆ




พูดถึงคนที่ยังรอรถเมล์บ้าง...

                “ไอ้อี้ชิง” จงแดพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าลู่หานขึ้นรถเมล์ไปแล้ว
                “ไร”
                “มึงจะแปลคำพูดกูให้ลู่ฟังทำไม” เขาพูดพลางเกาท้องเหมือนไม่สนใจอะไร

                “เอ้า ก็ถ้ากูไม่แปล ลู่มันจะเข้าใจความหมายที่มึงอยากจะสื่อจริงๆ มั้ยจงแด”

                “ไม่อ่ะ”
                “...”


                O[]O!!

**********

                “ชาน เดี๋ยววันนี้แบคทำเครปให้กิน” แบคฮยอนพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าตัวเองและชานยอลกำลังนั่งว่างๆ อยู่ในคฤหาสน์ที่ไม่รู้จะทำอะไรดี ตอนนี้สาวใช้ดูวุ่นวายกับการเตรียมอาหารเย็น แต่ชานยอลกับแบคฮยอนได้แต่นั่งอยู่บนโซฟา ทีวีก็ไม่เปิด

                “ไม่ต้องหรอกแบค เดี๋ยวกินไม่ได้นะ” ชานยอลรีบเตือน

                “กินได้เด่ะะ -_-^” แบคฮยอนยู่ปากเซ็งๆ ชานยอลจึงเขยิบเข้ามาใกล้มากขึ้น 

                วันนี้เขามีอะไรบางอย่างที่อยากให้แบคฮยอนรู้...

                ชานยอลเอามือซ้ายของตัวเองกำมือขวาของแบคฮยอนไว้เบาๆ คนตัวเล็กหันมายิ้มให้อย่างอารมณ์ดีก่อนจะบีบมือตอบ... ไม่เห็นจำเป็นต้องดูโทรทัศน์ แต่ก็อารมณ์ดีได้เนอะ

                เอ๊ะ... ว่าแต่ทำไมมือซ้ายชานยอลมีแหวน...

                แบคฮยอนมองมือของชานยอลงงๆ ก็เห็นว่าแหวนคู่ที่ตกลงว่าจะใส่กันมือขวานั้น ชานยอลเอามันมาใส่ไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายเสียแล้ว...                

                “อ๊ะ” แบคฮยอนเผลออุทานออกมาเบาๆ เมื่อเห็นแหวนแบบนั้น ก่อนจะมองหน้าชานยอลด้วยแววตาที่ประหลาดใจ ยิ่งเห็นยิ้มเขินๆ ของชานยอลก็รู้ทันทีว่า มันคงอยากจะเปลี่ยนตำแหน่งแหวนใจจะขาด แบค ฮยอนจึงทำได้แค่เม้มปากเพราะไม่อยากให้รู้ว่าอยากยิ้มแค่ไหน 

                “เปลี่ยนนิ้วดีกว่าเนอะ” ชานยอลกระซิบเบาๆ แบคฮยอนจึงพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มที่หุบไม่อยู่ เขาหลับตาพริ้มเพราะไม่อยากจะเห็นฉากเปลี่ยนแหวนจริงๆ กลัวจะเขินมากกว่าเดิม ชานยอลเห็นแบบนั้นก็เลยขโมยจูบที่ปากเบาๆ ก่อนจะถอดแหวนออกจากนิ้วนางข้างขวา แล้วสวมมันช้าๆ ที่นิ้วนางข้างซ้าย

                “ใส่แหวนอย่างเดียวดิ ทำอย่างอื่นด้วยทำไมเล่า - / / -” แบคฮยอนบ่นเขินๆ ก่อนจะเอามือถูปากตัวเอง 

                “แล้วแบคจะหลับตาทำไมล่ะ มันเหมือนรอพร้อมจูบเลยรู้ป่าว” ชานยอลพูดยิ้มๆ แบคฮยอนจึงรีบลืมตาขึ้นมาเพราะกลัวจะโดนจูบอีกรอบ

                “ไม่หลับตาแล้ว ไม่หลับแล้ว >___<” แบคฮยอนรีบบอก ก่อนที่จะเอามือปิดตาตัวเองซะน่ารัก

                “เอ...”
                “...”

                “ชานว่าวันนี้มันวันที่ 20 ใช่มั้ย งั้นชานก็ต้องเป็นเคะอ่ะดิ =_____=” ชานยอลเผลอหลุดปากออกมา 

                “เออจริงด้วยยยยย!! ไอ้ชานนน! มึงทำซะกูเคลิ้มเลยนะ! หึหึหึหึ วันนี้เมะอย่างกูจะต้องกำราบเคะน้อยชานยอลให้อยู่หมัดเลยคอยดูเด่ะ!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น