วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

fckmerakme : 19 Let's live together.




19

Let’s live together.



                เชี่ยครับเชี่ยยยยย

                ตื่นเช้ามารอยแดงห่าอะไรนั่นยังสิงสถิตติดบนคอผม -O-!!!!

                “เหี้ยชานยอลลล! มึงแม่งงง! วันนี้กูต้องไปเรียนนะเว้ยยยย!” ผมร้องโวยวายขณะกำลังติดกระดุมเสื้อ

                “ผมก็ต้องไปเรียนเหมือนกัน”

                “ไม่เกี่ยวเว่ย! กูหมายถึง! มึงจะทำคิสมาร์คห่าเหวอะไรนี่ทำม้าย แล้ววันนี้กูจะโชว์คอให้ไอ้เหี้ยจงอินมันแซวกูเล่นไง๊ หาเสื้อกันหนาวดีกว่า” ผมบ่นก่อนที่จะรื้อตู้เสื้อผ้าหาเสื้อกันหนาวที่ปิดคอได้

                “ถ้าไคเค้าแซวก็บอกเค้าไปเลยครับว่าเราเป็นแฟนกันแล้ว”

                “เชี่ยยยย T^T เรื่องเป็นแฟนมันไม่เกี่ยวไงมึง คือเรื่องเป็นแฟนนี่กูโอเค แต่เรื่องคิสมาร์คแม่ง TOT โดนล้อยันแก่ตายลงโลงแน่ๆ กูต้องหาทางปกปิดมันนนน!” ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด ก็เลยรีบตะกุยหาเสื้อกันหนาวในตู้เสื้อผ้า แหม่... ตัวนี้ปิดคอดีจริงๆ แต่หนาอย่างกับกูจะไปอยู่กับเอสกิโม -_-;

                “จะใส่ตัวนั้นจริงๆ หรอครับแบคฮยอน ไม่ร้อนแย่หรอ” มันหันมาทำตาเป็นห่วงเป็นใย

                “ถึงร้อนกูก็ยอมล่ะวะแม่ง” ผมตอบกลับ

                “ติดกระดุมเสื้อให้หน่อย *_*” มันเดินมาหาผมพร้อมกับเสื้อที่ยังไม่ติดกระดุมซักเม็ด 

                “มือเป็นง่อยใช่มั้ยครับชานยอล” ผมบ่น แต่ก็ยังเดินไปหามันแล้วก็ติดกระดุมให้ทีละเม็ดอยู่ดี

                “ไม่ได้เป็นง่อยแต่มือไม่ว่างอ่ะ” ว่าพลางเอามือสองข้างมาโอบเอวผมจนผมจั๊กจี๋

                “เชี่ยชานนนน - / / - ปล่อยเลยยยย กูจั๊กจี๋เว้ย! จะให้กูติดกระดุมให้มั้ยห่า” ผมบ่น มันก็เลยยอมปล่อยมือจากเอวมาขยี้หัวผมแทน -*-

                “เออนี่แบคฮยอน ไหนๆ เราก็เป็นแฟนกันแล้ว เราเปลี่ยนคำสรรพนามกันดีกว่าครับ” 

                “สรรพนามเห้อะไรอีกอ่ะ -_-?” เมื่อผมติดกระดุมให้มันเสร็จ ก็ต้องเซทผมให้มันต่อ

                “ก็อย่างคู่พี่ลู่กับเซฮุนอ่ะ พี่ลู่เค้ายังเปลี่ยนจากมึงกูเป็นพี่กับฮุน เลยนะ >< แบคฮยอนไม่เอาบ้างหรอครับ” มันนั่งมองหน้าผมผ่านทางกระจก 

                “ไม่เอา” ผมปฏิเสธทันควัน

                “หูยยยย (._.)” มันพูดงอนๆ ก่อนจะก้มหน้าเล่นกับมือตัวเองซึมๆ ผมมองกิริยาเหล่านั้นทางกระจกก่อนจะถอนหายใจออกมา คิดว่าทำแบบนี้มันน่ารักมากใช่มั้ยฮะะะ - / / -!!

                “เอออออ จะเปลี่ยนเป็นอะไรล่ะไอ้ห่านี่” สุดท้ายแล้วผมก็ต้องแพ้ไอ้ชานยอลทุกที -_-^

                “ผมขอเรียกแบคฮยอนว่า แบคบ้างได้มั้ยอ่ะครับ - / / -” มันพูดก่อนจะสบตากับผมในกระจก ผมรีบหลบตาก่อนที่จะทำผมมันให้เสร็จไวๆ

                “เออๆๆ จะเรียกอะไรก็เรียก แต่ที่แน่ๆ เอาไอ้ครับเคริบอะไรนี่ออกไปเหอะ กูไม่ชอบ -_-; มันเหมือนกูกับมึงไม่สนิทกันเลย แล้วคำว่า ผมอีก เปลี่ยนเป็น เค้าดีกว่า” ผมพูดตามจริง ดูเหมือนว่ามันจะพูดเพราะสุภาพกับผม แต่ผมกลับไม่ชอบเพราะมันดูห่างเหิน

                “ก็ได้... แต่แบคก็ต้องเรียกตัวเองว่า เค้าด้วยนะ -^- ไม่งั้นผมไม่พูดจริงๆ ด้วย” ดูแม่งดิ ถ้ากูไม่ได้พูดมึงกูซักหนึ่งนาทีออกซิเจนจะไม่ไปเลี้ยงสมองนะเว้ย TOT

                “โหยยยย ก็ได้แม่งง แต่ถ้ามึงทำตัวน่าหมั่นไส้หรือน่าโมโหกูจะขึ้นมึงกูทันที!

                “โอเคครั...” เหมือนจะเกร็งกับการไม่พูดครับอยู่นะ -*-

                “งั้นเค้าเรียกแกว่า ชานนะ - / / -” ผมรีบพูดและเลี่ยงที่จะไม่สบตา เหี้ยยยยยย เค้ากับแกเป็นอะไรที่กระดากปากมากจริงๆ

                “ครับ ^___^

                “กูบอกว่าห้ามพูดครับไงไอ่ห่าชานนน!!
                “เอ่อ... อื้ม ^_____^ แต่แบคก็เหมือนกันแหละ -^-!!




มหาลัย

                “เฮ้ออออออออ” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่เป็นการทักทายไอ้ไค ไอ้ฮุนและพี่ลู่ที่นั่งกันอยู่กลางโรงอาหาร เสื้อกันหนาวเอสกิโมนั่นเรียกร้องความสนใจไอ้สองพ่อลูกจอมแซวเป็นอย่างมาก

                “ฮุน มึงเชื่อกู รอยจ้ำแดงๆ ต้องมีทั้งตัวอีแรดแบคแน่ๆ” ไอ้ไคเปิดประเด็น

                “เออ กูก็ว่างั้นแหละ ร้อนจนช้างจะตายห่าอยู่ละ แม่งเสือกใส่เสื้อกันหนาวอย่างกับจะไปปีนเขาเอเวอเรสต์” ไอ้ฮุนตอบ พี่ลู่ขำเบาๆ ก่อนจะนั่งอ่านหนังสือต่อ

                “ไม่ใช่อะไรทั้งนั้นแหละห่า กูแค่หนาว แค่นั้นแหละ” ผมตอบเซ็งๆ

                “หนาว? หนาวใจหรอคะแรดแบค” ไอ้ฮุนยังคงข้องใจ

                “แล้วผัวมึงไปไหน” ไอ้ไคถามขัด
                “ไปซื้อน้ำ” 

                “แน่ะ เดี๋ยวนี้รู้ด้วยนะว่า ผัวหมายถึงใคร อีแบคนี่แรดแท้ -_-^” ไอ้ไคแซวแบบปลงๆ คงจะเริ่มชิน

                “ก็มันเป็นผัวกูแล้วไง ให้กูปฏิเสธยังไง -0-” ผมตอบไปตามจริง ทำเอาคนบนโต๊ะสามคนหน้าเหวอกันหมด

                “พ่องงง! จริงดิ O[]O!! อีแรดแบคได้กับไอ้ชานยอลแล้วเหวยยย” เชี่ยไคทำตัวร่าเริงมีความสุขมาก เหมือนกูใกล้จะแต่งงานในเร็ววันนี้

                “ยังไม่ได้กันเว้ย! แล้วมันก็ไม่ได้เป็นผัวกูอย่างเดียว พรุ่งนี้มันก็กลายเป็นเมียกู หึหึ” ผมเกริ่นก่อนจะเล่าข้อเสนอของเราให้ฟังด้วยสีหน้าที่มีความสุขมาก แต่ไอ้ไคกับเซฮุนกลับทำหน้าเฉยๆ -*-

                “โถอีแรดแบค กูว่ามึงพลาดแล้วแหละ มึงคิดว่าหน้าอย่างไอ้ชานยอลจะยอมปล่อยให้มึงเมะมันง่ายๆ หรอ ฮ่าๆๆๆ” ไอ้ไคหัวเราะลั่น เออ... กูก็ว่าจริงของมัน

                “ก็จริงของมึงอ่ะ เมื่อวานตอนสี่ทุ่มแม่งเป็นเคะ แต่แม่งหลอกล่อให้กูไปดูหนังข้างล่าง ครบสองชั่วโมงจนเที่ยงคืน มันก็บอกว่ามันเป็นเมะแล้ว -O-!! มึงคิดดูดิ ใครแม่งนับวันใหม่ตั้งแต่เที่ยงคืนวะ” ผมบ่นเซ็งๆ

                “โถถถถถถถอีควายยยยย แล้วใครแม่งนับวันใหม่ตอนหกโมงเช้าเหมือนมึงล่ะห่า =____=” ไอ้ฮุนตอบกลับมา “อ๊ายยยย ผัวมาแล้วค่ะแบค”

                “หวัดดีครับทุกคน อ่ะแบค นี่น้ำแดงโซดา ชานซื้อชูครีมมาเผื่อด้วยนะ” ชานยอลเดินเข้ามาทักทุกคน ก่อนที่จะพูดกับผมอย่างเป็นกันเอง จนทุกคนต้องทำเหวอกันอีกรอบ -_-^

                “นี่พวกมึงคงจะ... ได้กันแล้วจริงๆ สินะ O_O” ไอ้ไคพูดเหวอมาก

                “พ่อง! บอกว่ายังไม่ได้กันไงวะห่านี่” ผมตอบก่อนที่จะหันไปคุยกับชานยอล “แล้วชานกินอะไร งั้นแบคไม่กินชูครีมนี่แล้วกัน ชานกินเหอะ”

                “อีเหรี้ยยยยยยย โลกจะแตกแล้วจ้าาาา อีแบคไม่พูดมึงกูจ้าาาา” ไอ้ไคยืนบนเก้าอี้แล้วประกาศลั่นไปทั่ว แต่โชคดีที่คนไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ 

                “สวัสดีครับ นี่คือรายการแรดไปกับแบคครับ แขกรับเชิญในวันนี้คือคุณนายปาร์คแบคฮยอน” ไอ้ฮุนหยิบหลอดขึ้นมาแล้วทำเป็นไมโครโฟน ก่อนจะสมมติให้ไอ้ไคเป็นผม -*- “คุณนายปาร์คครับ ไม่ทราบว่าการไม่พูดมึงกูครั้งนี้ คุณจะมีชีวิตอยู่ได้มั้ยครับ”

                “ดิฉันอยู่ได้เคอะ ขอแค่มีสามีชานยอลอยู่ข้างๆ ดิฉันก็พอร์” ดูไอ้ไคตอบบบบ =___=!! ไอ้คนดูอย่างชานยอลกับพี่ลู่ก็หัวเราะคิกคักมีความสุข -*-

                “งั้นวันนี้เราจะมาทำมิชชั่นกันนะครับ ว่าคุณนายปาร์คแบคฮยอนจะมีชีวิตอยู่โดยไม่พูดกูมึงกับชานยอลได้ภายในหนึ่งนาทีหรือไม่ เริ่มจับเวลาครับ!” ไอ้ฮุนหยิบไอโฟนขึ้นมาจับเวลา เชอะ! อย่างน้อยถ้ากูไม่พูดอะไรซักอย่างกูก็ผ่านมิชชั่นนี้ได้อยู่ละ

                “แล้วเมื่อคืนคุณทำอะไรกันมาครับ วันนี้ถึงใส่เสื้อกันหนาวปิดคอแบบนี้” ไอ้ ฮุนถามไอ้ไคต่อ

                “แหม คุณพิธีกรถามอะไรบ้าๆ นะคร๊ะ > / / < ถามสามีดิฉันเองสิคร๊ะ” มันตีไหล่ไอ้ฮุนอย่างสะดีดสะดิ้งก่อนจะมองหน้าชานยอลรอคำตอบ

                “ก็แค่คิสมาร์คที่คอเองครับ แหะๆ ^^;” 

                “ไอ้เหี้ยชานนน! มึงจะตอบมันทำไม แล้วกูอุตส่าห์ใส่เสื้อเอสกิโมเพื่ออะไร๊ TTOTT” ผมร้องลั่นพลางถอดเสื้อกันหนาวเซ็งๆ 

                “อู้ววว แค่ภายในยี่สิบวินาทีคุณนายปาร์คแบคฮยอนก็ไม่สามารถอยู่ได้โดยพูดกูมึงกับชานยอลครับ สรุปว่ามิชชั่นนี้ไม่ผ่านคร้าบบบ” เชอะ T^T ก็ไอ้ชานแม่งกวนตีนนี่หว่า

                “จบรายการนี้ได้ละไอ้ห่าพวกนี้ -_-^ แล้วศรีโด้กูอยู่ไหน ไอ้ไค มึงแดกโด้ไปแล้วใช่มั้ย” ผมเปลี่ยนเรื่องโดยการพูดถึงโด้แทน ทุกคนก็เลยเริ่มนึกขึ้นได้ว่าโด้ไม่อยู่

                “ถ้าแดกได้แดกไปละไอ้ห่า -0- มันไปสอบ TOEFL อะไรของมันก็ไม่รู้ นี่กูต้องไปรับมันตอนบ่ายสามอีก” ไอ้ไคตอบ

                “เออ ไค กูว่าจะถามมึงนานละ” ไอ้ฮุนจู่ๆ ก็เปิดประเด็น “ทำไมช่วงนี้มึงพูดหยอดไอ้โด้จังวะ ชอบมันไง๊?”

                อุ๋ยยยยยยอีฮุนนนนนน! มึงถามได้ดี~

                “ห่ะ...” ไอ้ไคชะงักไปนิดนึงก่อนจะเกาหัวตอบ “ก็ไม่รู้ว่ะ... แต่อยู่กับมันกูมีความสุขที่สุดแล้ว”

                “เหยดดดดด เพื่อนเราจะได้กันเองแล้ววววว~” ไอ้ฮุนชอบใจใหญ่

                “ไม่หรอก -*- ดูเหมือนมันไม่ค่อยสนใจกูด้วยซ้ำ กูก็เลยไม่รู้จะทำตัวยังไง” ไอ้ไคตอบหน้าเหนื่อยๆ

                ประเดี๋ยวนะ...

                นี่อย่าบอกว่าไอ้โด้ซึน ทำเป็นไม่ชอบไอ้ไคนะเฮ้ยยยยย =_____=
                (กูว่าทั้งโต๊ะนี่มีกูรู้เรื่องนี้คนเดียวใช่ม้อยยยยย -O-?)

**********

                ปัง!

                เซฮุนปิดประตูรถให้ผมก่อนที่จะเดินอ้อมมานั่งฝั่งคนขับ รถค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากมหาลัยช้าๆ วันนี้ฮุนจะไปส่งผมที่บ้านเหมือนปกติ แต่หน้ามันดูไม่ปกติ... ดูมีอะไรในใจอยากจะพูดม๊ากมาก

                “มีอะไรก็พูดมา” ผมพูดขึ้นขณะที่กำลังมองออกนอกหน้าต่าง

                “ฮ... ฮะ OoO! ไม่มี๊! ไม่มีอะไรเลยพี่ลู่ฉุดฉวยยย~” มึงตอบได้มีเลศนัยมาก!!

                “จะเล่าไม่เล่าาาา!!” ด้วยความอยากรู้ทนไม่ไหว ก็เลยหันไปแกล้งกระชากคอเสื้อมัน 

                “เอ่อ... ผมไม่รู้ว่าถ้าพูดไปแล้วพี่ลู่จะโอเคอ๊ะเปล่า...”
                “พูดมาก่อนเด่ะ”

                “ค... คือ”
                “...”         
                “เรามาอยู่ด้วยกันเถอะนะ ^___^

                “หาาา O[]O!!” ผมร้องลั่นรถ ไอ้เด็กบ้านี่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่อีกแล้ว! “นี่แหวนเพชรสามกะรัตไม่พอ แต่งงานไม่พอ นี่จะให้พี่ไปอยู่อีกใช่มั้ยไอ้ฮุนนนน เรียนให้มันจบก่อนเหอะ!

                “ไม่ช่ายยยยย~ ก็พี่ลองนึกตามผมนะ... ผมเลิกเรียนเสร็จก็ไปรับพี่ลู่ที่ที่ทำงาน พอกลับมาบ้านเรา พี่ก็ทำกับข้าวให้ผมกิน... แล้ววันรุ่งขึ้นผมก็ขับรถไปส่งพี่ลู่ที่ที่ทำงาน โอ๊ยยยยย คิดแล้วเขินว่ะ > / / <” 

                “เขินหาพ่องงงง! ฝันมึงไม่เป็นจริงตั้งแต่กูทำกับข้าวให้มึงกินละ! ทำไม่เป็นเว้ย!” ผมรีบปฏิเสธ

                “งั้นเปลี่ยนเป็นผมทำให้พี่ลู่กินก็ได้ -^- ไม่รู้แหละ ถ้าผมทำกับข้าวไม่ได้ก็ค่อยโทรสั่งเอา จบ! สรุปว่าพี่ลู่มาอยู่กับผมนะ... นะ *__*” ไอ้โอเซฮุนทำตาบ้องแบ้วใส่ผม เหี้ยยยย ทำตาแบบนี้อีกแล้ว T^T

                “ล... แล้วพ่อแม่มึงอ่ะ! เค้าไม่ว่าอะไรรึไง?”

                “พ่อแม่ผมก็เหมือนพ่อแม่ไอ้ชานยอลแหละ -_-; ซื้อคอนโดแล้วก็โอนเงินให้ผมใช้ แต่ผมไม่ใช่เด็กมีปัญหานะ >O< ผมก็รักพ่อแม่ผมเหมือนเดิม แฮะๆ” มันเล่า 

                “ย... ยังไงซะ! ไปขอป๊าพี่ให้ได้ก่อน! ถ้าป๊าไม่ให้ก็ไม่ได้!” เอาวะ! เอาป๊ามาเป็นไม้ตายไม้สุดท้ายแล้วกัน!



                “ป๊า ไอ้บ้านั่นมันอยากให้ลู่ไปอยู่ด้วยอ่ะ (*สมมติตัวเอียงเป็นภาษาจีนนะจ๊ะ)” ผมพูดกับป๊าเป็นภาษาจีน ไอ้ฮุนแค่มาโค้งสวัสดีแล้วก็หลบไปยืนอยู่ในหลืบบ้าน

                “อะไรนะ? เออ ก็ไปสิ”

            “บ้าหรอป๊า -_-; นี่ใจคอจะไม่หวงลูกเลยใช่มั้ย”

            “ก็เค้ามาขอดีๆ ไม่ฉุดไปก็บุญแล้วนิ” ป๊าพูดหน้าตาย ก่อนจะกวักมือเรียกไอ้ฮุนเข้ามาใกล้ๆ

                Yes, sir!” ไอ้ฮุนตะเบ๊ะ ก่อนจะตะโกนลั่นบ้าน จนป๊าหัวเราะออกมา

                “ฮ่าๆๆๆๆ !@#$%^&*!@#$%^&*!@#$%^&*!@#$%&*                

                “ป๊าเค้าบอกว่าอะไรอ่ะพี่ลู่” กูไม่อยากแปลให้มึงฟังเลยอ่ะฮุน T^T ป๊าแม่ง

                “ป๊าบอกว่า อาลู่กินเยอะ แรดด้วย เลี้ยงไหวหรอ เหนื่อยหน่อยนะ -_-^” 

                Oh! It’s ok! โน พร็อบเบลมมม เซอร์! ฮ่าๆๆๆๆ” ไอ้ฮุนทำหน้าแบบสบายมากกับการเลี้ยงแรดครั้งนี้ -O- ป๊าไล่ให้พวกเราไปเก็บเสื้อผ้าและข้าวของของผม แน่นอนว่าผมกวาดเอาไปเกือบหมดทั้งห้องนอนตัวเอง (คือกะจะไปตั้งรกรานบ้านไอ้ฮุนเลยอ่ะ55555555)

                Good bye, sir!” เมื่อเก็บของเสร็จ ไอ้ฮุนก็เดินมาบอกลาป๊า

                No, call me daddy. ^^” ป๊าพูดอย่างอารมณ์ดี

                “นี่แสดงว่า... ป๊ายอมรับฮุนแล้วใช่มั้ยครับบบบ TTOTT ฮือออ” ไอ้ฮุนทำหน้าเหมือนได้เป็นมิสโคเรีย ยิ่งทำให้ป๊าฮาเข้าไปใหญ่ ทำหน้าถูกอกถูกใจลูกเขยด้วย -..-

                “โอ๊เคแด๊ดดี้ I will take care of Luhan! I promise!” 

                “โอเคๆ” เหมือนป๊ากับไอ้ฮุนจะคุยกันรู้เรื่องหน่อยๆ แล้วนะ -0-




                “บ้านมึงอยู่ไหนวะฮุน” ผมหันไปถามขณะที่มันกำลังขับรถ 

                “เราเคยมาแล้ว ^^” มันตอบยิ้มๆ 

                เราเคยมาแล้วด้วยหรอ =____=
                อย่าบอกว่าเป็นโบสถ์ที่เมียงดงนะ 

                “อ๊ะ!” จู่ๆ ฮุนก็อุทานขึ้นมา “ถึงแล้วครับ”

                ซองซูอพาร์ตเมนท์ O[]O!!!!!!

                “ไอ้ฮุนนนนนน อย่ามาล้อพี่เล่นเหมือนคราวที่แล้วนะ นี่อย่านะบอกว่าพี่ต้องลงเดินแล้วไปนอนที่สวนสาธารณะ!” ผมร้องลั่น ก็แหงล่ะ! วันแรกที่เราเจอกันมันพาผมมาที่นี่ ไอ้เราก็นึกว่าบ้านมัน! ที่ไหนได้บอกว่ามาเดินเล่น! แล้วนี่อาร๊ายยยยยย =[]=!!

                “ไม่ได้ล้อเล่นนะ” มันพูดขึ้นก่อนจะเลี้ยวเข้าไปในลานจอดรถ เมื่อต้องผ่านยามก็ยื่นการ์ดห้องให้ดูจริงๆ แล้วก็วนขึ้นไปหาที่จอดรถซึ่งถูกจัดไว้แล้วว่าเป็นของ ‘Oh Se Hun’

                “มึงเล่นรายการสาระแนอยู่ใช่มั้ยไอ้ฮุน กูกลัวนะ T^T” ผมพึมพำเบาๆ แต่มันก็แค่นหัวเราะออกมาก่อนจะจอดรถลงตรงที่จอดนั้น

                “ที่ผมหลอกพี่วันนั้นเพราะผมอยากรู้ว่าพี่จะเห็นแก่เงินของผมรึเปล่า... แต่พอเห็นพี่เฉยๆ ผมก็เลยยิ่งชอบพี่มากกว่าเดิม” มันพูดยิ้มๆ เอ่อฮุน... วันนั้นกูเกือบหลุดความต้องการทางเงินของกูไปแล้ว ฮ่าๆๆๆ

                “ตกลงว่าอยู่ที่นี่จริงหรอ... ไม่เชื่ออ่ะ TOT” 

                “งั้นผมเอาของไปเก็บให้นะ พี่ลู่ก็ลงจากรถได้ละ ฮ่าๆๆ” ผมยอมลงจากรถตามคำสั่งของมัน เราช่วยกันถือของเข้าไปในลิฟต์หรู โหยย นี่กูฝันไปรึเปล่าวะ T____T

                ติ๊ง!
                ลิฟต์มาหยุดอยู่ที่ชั้นบนสุด

                “เอ่อ... ชั้นบนสุดเลยหรอ” ผมพึมพำเบาๆ

                “ชั้นนี้มีอยู่แค่สองห้องเองพี่ ^_^” มันหันมาตอบ

                “เฮ้อ อย่างน้อยก็มีเพื่อนบ้านเนอะ” ผมพูดกับมันก่อนที่เราจะออกจากลิฟต์

                “เปล่าพี่ ผมให้พ่อกับแม่ซื้อห้องนั้นไว้แล้ว เผื่อพวกท่านอยากมาหาผมจะได้อยู่ห้องนั้นไป สรุปก็คือ ชั้นนี้เป็นของเราแล้วพี่ลู่ จะเสียงดังอะไรก็ได้ ฮ่าๆๆๆๆ” ไอ้เซฮุนพูดจบก็หัวเราะลั่นห้อง
 
                อืม... ผมว่าผมเริ่มชินกับความรวยไม่รู้จบของโอเซฮุนแล้วล่ะ -O-

                “แล้วพี่จะเอาของพี่ไว้ที่ไหน” ผมหันไปถาม มันจึงช่วยเก็บของๆ ผมให้เข้าที่เข้าทาง ระหว่างที่จัดก็ยิ้มให้กันและกัน มีบ้างที่จู่ๆ มันก็เดินมาหอมแก้มผมเฉย - / / - แต่คิดว่าผมจะยอมหรอ... ผมก็เดินดุ่ยๆ ไปหอมแก้มมันได้เหมือนกันแหละ! :P

                “อ๊ายยยยย พี่ลู่แต๊ะอั๋งเค้าอ่ะ” ดูมันนนนน =_____=!! สะดีดสะดิ้งไม่มีใครเกินจริงๆ

                ครืดดดดดดดดด
                โทรศัพท์ผมสั่น

                “ใครโทรมาพี่ลู่” ไอ้ฮุนถาม

                “อ้อ! ไอ้เพื่อนผู้กำกับคนนั้นน่ะ... ฮัลโหล มีอะไร” ผมรับสาย

                (อาลู่ อยู่กับโอเซฮุนรึเปล่า)

                “อ่า อยู่ ทำไมหรอ”
                (ขอสายเซฮุนหน่อยสิ)

                “ฮุน เค้าขอสายฮุนอ่ะ” ผมยื่นโทรศัพท์ให้ฮุน มันรับแบบงงๆ เพราะไม่รู้ว่าเพื่อนผู้กำกับคนนั้นจะโทรมาหามันทำไม

                “ฮัลโหลครับ... ครับ.... ฮะ O[]O!! จริงหรอพี่!! พูดจริงปะเนี่ย!!... โหยยยยยย ดีใจโลกแตกอ่ะพี่... ครับๆๆๆๆ พรุ่งนี้ผมไปแน่นอน.... ขอบคุณมากพี่ที่โทรมาบอก.... ครับพี่ เดี๋ยวเขียนลายเซนต์ให้แต่เนิ่นๆ เลย ฮ่าๆๆ... ครับ สวัสดีครับ” คุยเสร็จก็รีบวางสายก่อนจะหันมาหาผมอย่างมีความสุขสุดๆ

                “มีไรอ่ะ” ผมหันไปถามงงๆ เพราะดูมันดีใจมาก

                “พี่ลู่ >O<!! ผมจะได้เล่นละครแล้ววววว! เป็นพระรองเลยนะพี่! ช่อง KBS เค้าติดต่อมาอ่ะพี่! ผมจะดังแล้วนะ! พี่ลู่เป็นแฟนกับดาราเลยนะ >____<!!!
                “อ... อื้อ ยินดีด้วยนะฮุน! ^^


                ดาว...

                ที่เคยส่องแสงให้ผมเพียงคนเดียว
                แต่ตอนนี้ ผมต้องแบ่งแสงนั้นให้คนอื่นด้วยงั้นหรอ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น