วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

fckmerakme: 1 Oppa, ChanYeol style~




1

Oppa, ChanYeol style~



หลายเดือนผ่านไป

                “แฮ่กๆ เหี้ยเอ๊ย มาเรียนวันแรกก็สายแล้วกู” เสียงบยอน แบคฮยอนดังขึ้นอย่างเหนื่อยหอบ เพราะกำลังวิ่งเข้าตึกเรียนด้วยความร้อนใจ ไอ้เพื่อนรักทั้งหลายก็ไม่คิดจะโทรมาปลุก แม้แต่โด้ เพื่อนที่เคร่งครัดระเบียบวินัยเป็นอย่างยิ่งยังไม่โทรมาเลย!!
                ตึ่งดึ๊ง!

                “เชี่ย ข้อความไรอีกวะ” ถึงแม้จะสายเต็มแก่ แต่ก็ยังมิวายหยุดพักอ่านข้อความที่เข้า


                ตื่นยัง from: สัสโด้


                “หืมมมมม สัสโด้สมชื่อเลยนะมึง จะปลุกกูทั้งทีเสือกส่งข้อความมาปลุก ถุยยยย แล้วส่งมาตอนเรียนแล้วทำแป๊ะไรไม่ทราบวะ” แบคฮยอนบ่นเสียงดังลั่นจนนักศึกษาแถวนั้นหันมามอง แต่ก็หยุดมองไม่ได้ เพราะความขาววิ๊งค์ของแบคฮยอนนั่นเอง 

                “แกดูเด็กปีหนึ่งคนนั้นเด่ะ ขาวชิบเป๋งงงง” เสียงผู้หญิงจ๊อกแจกจอแจ แน่นอนว่าเขาได้ยินแต่ไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้น ก็มันเป็นผู้หญิงนี่หว่า! กูมันเมะ!! กูไม่สนใจผู้หญิง!! 55555555

                “กูจะโดนครูด่ามั้ยเนี่ย” แบคฮยอนพึมพำหน้าห้องด้วยความกังวล แต่สุดท้ายก็เปิดประตูเข้าไป

                แน่ล่ะ... ว่าทุกคนต้องมองเขาเป็นตาเดียวกัน

                “อะแฮ่ม! ซะสายเชียวนะ” ครูบ่นเล็กน้อย แต่เนื่องจากมีคนเรียนทั้งหมด 200 คนในห้องเลกเชอร์นั้น ทำให้เขาหาเพื่อนไม่เจอ แถมไอ้เพื่อนรักทั้งหลายแหล่ก็ไม่คิดจะโบกไม้โบกมือเรียกเล้ยยยยย

                “นั่งข้างผมก็ได้นะครับ” จู่ๆ ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าก็เรียกเขาให้ไปนั่งด้วย แบคฮยอนสำรวจผู้ชายตรงหน้าด้วยความเร็วแสง ก็พบว่าเป็นแค่ผู้ชายเอ๋อๆ ใส่แว่นตัวสูงเท่านั้น จึงรู้สึกไม่เครียดเท่าไหร่เพราะเขาไม่อยากนั่งข้างคนที่หล่อกว่าตัวเอง

                “ชื่ออะไรหรอครับ?” ไอ้แว่นข้างๆ ถามขึ้น 

                “บยอน แบคฮยอน” เขาตอบห้วนๆ เพราะหงุดหงิดที่ไอ้แว่นนี่พูดจาไพเราะเกินไป แล้วก็หันไปมองจอโปรเจคเตอร์ต่อ

                “ผมชื่อชานยอลนะครับ ปาร์คชานยอล ^_____^” แบคฮยอนเผลอหันไปมองหน้ามัน ก็พบรอยยิ้มโชว์ฟันสามสิบสองซี่ขาววิ๊งค์จนแสบตา

                “เออๆ กูรู้ละ” แบคฮยอนตอบปัดๆ เขาเริ่มอยากจะมองหาเพื่อนๆ ทั้งหลายแล้วล่ะ ถ้าเจอเพื่อนเมื่อไหร่ก็จะรีบแจ้นจากไอ้แว่นนี่ทันที

                “แล้วเรียนเสร็จแบคฮยอนไปกินข้าวเที่ยงที่ไหนหรอครับ” ไอ้แว่นมันไม่ได้เรียนแล้ว มันหันมาคุยกับเขาอย่างเต็มที่เลยจริงๆ ทำให้แบคฮยอนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

                “ก็... คงจะกลับบ้านเลยน่ะ”

                “แต่มันมีเรียนต่อตอนบ่ายนะครับ ^^ มานั่งเรียนด้วยกันอีกก็ได้นะครับ”

                “ไม่ล่ะๆ ถึงมีเรียนตอนบ่าย กูก็ไม่นั่งกับมึงอีก” เขาเริ่มพูดคำหยาบใส่คนที่พึ่งรู้จักได้สองนาที เพราะรำคาญเต็มแก่

                “โถ่ เซ็งจังครับ แบคฮยอนจะไม่ไปกินข้าวเที่ยงกับผมจริงๆ หรอ ถ้าโดนพวกผู้หญิงตามจีบจะทำยังไงล่ะครับ? ผมป้องกันให้ได้นะ” ไอ้ปาร์คชานยอลยังคงพูดไม่หยุด แบคฮยอนจึงหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาดูเล่นๆ แต่ไอ้แว่นก็เป็นจอมเสือกอีกตามเคย

                “โห หน้าจอแตกละเอียดขนาดนี้ เดี๋ยวผมซื้อเครื่องใหม่ให้นะครับ” 

                “เอาดิ” เมื่อได้ยินดังนั้น แบคฮยอนก็สนใจขึ้นมาทันที 


                ตึ่งดึ๊ง!
                ข้อความจากสัสโด้อีกครั้ง

                ตกลงว่ามึงตื่นยัง กูแค่จะบอกว่า พวกกูไม่ได้ไปเรียนนะ พวกกูไปตอนบ่าย หาเพื่อนใหม่ซะ แล้วก็เอามันเข้ากลุ่มเราด้วย อย่าให้มันกากมาก (ไคบอก) แล้วตอนเที่ยงก็ไปกินข้าวกับมันละกัน


                “สัสโด้!!!!! กูเกลียดพวกมึงงงงง เหี้ยไคเหี้ยโด้เหี้ยฮุนนนน!!” แบคฮยอนลุกขึ้นมาตะโกนดังลั่น และนั่นก็ทำให้ทั้งห้องอยู่ในความเงียบ

                “นี่!! เข้าสายแล้วยังจะทำตัวเด่นอีกนะ! ครูรู้ว่าเธอเรียนนิเทศ เลยต้องเด่นไว้ก่อน แต่แบบนี้มันไม่ถูกนะนักศึกษา!” ครูด่าเรื่องอะไรก็ไม่รู้ซึ่งแบคฮยอนไม่ได้สนใจเลยซักกะนิด เขามองหน้าไอ้แว่นข้างๆ ที่เป็นเพื่อนใหม่ของเขาคนแรกแล้วทบทวนข้อความที่โด้ส่งมาก็เริ่มเครียด 

                “เพราะมึงอ่ะแหละสัส” ว่าแล้วก็โบ้ยความผิดให้คนข้างๆ

                “ขอโทษครับ” 

                “สัส มึงจะขอโทษกูทำเหี้ยอัลไล มึงไม่ผิด” แบคฮยอนไม่เคยพบเคยเจอ คนบ้าอะไรก็ไม่รู้ โบ้ยความผิดให้แม่งก็เสือกรับง่ายๆ แถมขอโทษอีกต่างหาก

                “ก็แบคฮยอนบอกว่าเพราะผมอ่ะครับ ตกลงว่าตอนเที่ยงนี้ไปกินข้าวด้วยกันนะครับ ผมไม่กากหรอก อิอิ” นั่นไง แม่งเสือกอ่านข้อความด้วย

                “เออ กูจะไปกินข้าวเที่ยงกับมึง กูอยากกินข้าวเที่ยงกับมึง กูอยากให้มึงเป็นเพื่อนกู เหี้ยจริงชีวิต” แบคฮยอนเริ่มประชดตัวเอง แต่หารู้ไม่ว่า... ไอ้แว่นกลับคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง



เที่ยง

                “เหี้ย นี่ใจคอมึงจะกินข้าวกับกูจริงๆ หรอ กูไม่อยากกินกับไอ้เอ๋ออย่างมึงอ่ะ” แบคฮยอนพูดความในใจออกไปทุกอย่าง แต่นั่นทำให้ชานยอลหัวเราะ

                “ฮ่าๆๆ ผมไม่ได้เอ๋อนะครับ ผมแค่สายตาสั้นเฉยๆ 55555 แล้วผมก็ไม่ได้มีฉายาว่าไอ้เอ๋อด้วย ฉายาผมคือ ฟันเยอะ ครับ” 

                “เออสัส ฉายามึงเป๊ะมาก ยิ้มทีนี่กูนึกว่ามึงมีฟันเป็นร้อย”

                “พอดีตอนเด็กๆ ผมอยากเป็นพรีเซนเตอร์ยาสีฟันน่ะครับ ผมก็เลยดูแลรักษาฟันตัวเองอย่างดี แต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้รับเล่นโฆษณาครับ เขาบอกว่าฟันผมเยอะเกินไป ความจริงฟันผมมันก็สามสิบสองซี่นะครับ” ชานยอลพล่ามยาวๆ แต่แบคฮยอนก็ไม่ได้สนใจ เขารีบซื้อต๊อกโบกกีแล้วหาที่นั่งทันที ชานยอลเลยต้องซื้อต๊อกโบกกีบ้าง

                “เหี้ยๆๆๆ ไม่คิดจะรับโทรศัพท์กูเลยแต่ละคน” แบคฮยอนบ่นอย่างหัวเสีย เพราะโทรไปหาเพื่อนเหี้ยทั้งสามแต่ไม่มีใครรับซักคน

                SURPRISE!!!!!! พวกกูอยู่นี่ คิดถึงพวกกูล่ะสิ อิ๊อิ๊” จู่ๆ ไอ้เพื่อนสามคนก็โผล่หัวมาจากทางด้านหลัง และไอ้คนที่พูดก็คือไอ้จงอินสุดกวนตีน

                “เหี้ย พวกมึงแม่งช้า ไม่มาก็ไม่บอกกูล่วงหน้า”

                “ก็มึงไม่ตอบกูนี่หว่า กูอุตส่าห์ส่งไปถามว่าตื่นรึยัง” โด้เถียง ทำให้แบค ฮยอนเซ็งทันที ที่ไหนได้... ข้อความนั้นไม่ได้จะปลุกมัน แต่เป็นข้อความที่มาทักทายแค่นั้นเอง -_-^

                “เออ ไอ้ห่าแบคฮยอน พวกกูบอกให้หาเพื่อนใหม่ ไม่ใช่ให้หาเมียใหม่ นี่ใคร แนะนำด่วน” เซฮุนพูดขึ้น ทำเอาชานยอลหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง

                “ฮ่าๆๆๆๆ ผมเนี่ยนะเป็นเมียแบคฮยอน! ฮ่าๆๆๆๆ เป็นผัวมากกว่าครับ” 

                “555555555555555” ไอ้เพื่อนเหี้ยทั้งสามหัวเราะเป็นเสียงเดียวกัน แต่แบคฮยอนกลับไม่ขำด้วย

                “พวกมึงขำเหี้ยไรวะ แล้วมึงพูดอะไรไอ้ชานยอล ใครเมียมึง!? หน้าอย่างมึงเนี่ยนะ! ถุยชีวิต” แบคฮยอนด่าขึ้น แต่ก็ไม่ทำให้เพื่อนเหี้ยทั้งสามหยุดหัวเราะได้เลย

                “โคตรฮาเลยว่ะ! เหี้ย กูรับมึงเข้ากลุ่ม มึงเป็นผัวแบคฮยอนได้ พวกกูยินดี! ฮ่าๆๆๆๆๆ ชื่ออะไรนะ” ไคถามขึ้น

                “ปาร์คชานยอลครับ”

                “ฮ่าๆๆๆๆๆ หมาแบค มึงดูชื่อแม่งดิ โคตรจะเนื้อคู่มึงอ่ะ ฮ่าๆๆๆ” ไคยังคงหัวเราะไม่หยุด

                “เนื้อคู่ตรงไหนไอ้สัส แบคฮยอนกับชานยอล พ่องงงงง!

                “ก็อะไรยอนๆ เหมือนกันไง”

                “เหี้ยจงอิน มึงไม่ต้องมาแถ ไปหาอะไรแดกได้ละ” แบคฮยอนโบกมือไล่

                “แน่ะๆ อยากจะอยู่กับผัวสองคนว่างั้นเหอะ เออ! พวกเราไปเว้ย แม่งไม่ อยากให้พวกเราอยู่เป็นก้าง” ไคทิ้งท้ายแล้วรีบเดินหนีไป ส่วนชานยอลนั้นก็โบกมือบ๊ายบายพร้อมกับยิ้มสมายด์ไทยแลนด์

                “บ๊ายบายพวกมันหาพ่อง แล้วไม่ยิ้มซักนาทีปากมึงจะเปื่อยตายใช่มั้ย” แบคฮยอนบ่นหงุดหงิดพลางตักต๊อกโบกกีเข้าปาก

                “ป้อนหน่อยดิครับ” ชานยอลพูดขึ้น ทำเอาแบคฮยอนแทบพุ่งต๊อกโบกกีออกจากปาก

                “แค่กๆๆ ป้อนเนื่องในโอกาสอะไรไม่ทราบวะครับคุณชานยอลลลลล?” แบคฮยอนเริ่มล้อเลียนคำพูดไพเราะของชานยอล หรือเขาติดมันมาแล้วก็ไม่รู้

                “ก็... เพื่อนแบคฮยอนอนุญาตให้ผมเป็นผัวแบคฮยอนแล้วนี่ครับ”

                “โถ ไอ้ซื่อบื้อ มันล้อเล่นน่ะๆๆ มึงอย่าคิดจริงเลยนะ” แบคฮยอนตักต๊อกโบกกีเข้าปากอีกครั้ง แต่ครั้งนี้พุ่งออกมาอย่างจริงจัง เพราะ...


                “แต่ผมคิดจริงนะครับ ผมเมะนะ แบคฮยอนเคะใช่ปะ?”


1 ความคิดเห็น:

  1. น้ำลายแทบพุ่ง 555
    ป๋าชานทำดีๆๆ กร๊ากกกกกกกส์~

    ตอบลบ