วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

fckmerakme : 28 No more sorry, just say that you love me.




28

No more sorry, just say that you love me.



                “โอ้โห นี่มันงานรวมญาติหรอเนี่ย แล้วชานยอลไปไหน?” เมื่อคยองซูเห็นหน้าทุกคนในหน้าจอ เขาก็ประหลาดใจที่ทุกคนมากันครบแล้วยังมีแม่อิแบคอีก 

                “โด้ แบคมีเรื่องจะเล่า” จงอินรีบพูด จนแบคฮยอนต้องหันขวับเพราะยังไม่ทันบอกเลยว่าจะเล่า

                “เล่าอะไร” 

                แน่นอนว่าน้องหนูแรดแบคของพวกเราไปไหนไม่รอด แค่เห็นหน้าเพื่อนซี้ก็อ้าปากเล่าเป็นฉากๆ โดยไม่สนใจว่าเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างหลังและแม่ตัวเองจะมีสีหน้าอย่างไรกันบ้าง เมื่อเล่าจบ จงอินก็รีบเล่าต่อว่าชานยอลได้รับอุบัติเหตุ และแล้ว... ศรีโดโด้ก็ถูกขงเบ้งเข้าสิงอีกครั้ง

                “เรื่องนี้ทุกคนแม่งก็ผิดหมดนั่นแหละ!!!” 

                “ฮะ? กูก็ผิดหรอ O_O!!” แบคฮยอนร้องลั่นด้วยความตกใจ

                “มึงนั่นแหละตัวดี -_-^ ไอ้ห่าคริสอะไรนั่นมันผิดที่ใช้มึงเป็นเครื่องมือ ชานยอลก็ผิดที่ไม่ฟังห่าอะไรเลย ส่วนมึง! ก็ผิด! ที่เชื่อใจคนอื่นง่ายเกินไปแถมไม่รู้จักอธิบายให้มันเร็วๆ” โด้บ่นอย่างหัวเสีย 

                “หรอ (._.)” 

                “แบค มึงไม่คิดว่ามันแปลกๆ หน่อยหรอเรื่องเนี้ย” โด้ตั้งข้อสังเกต

                “อะไร”

                “ทำไมชานยอลถึงโผล่มาบ้านไอ้คริสนั่นได้ ทั้งที่มึงก็เห็นว่าไอ้คริสไม่ได้โทรศัพท์หาใครเลย...”

                “...”

                “แล้วทำไมชานยอลถึงเข้าใจผิดว่ามึงกับไอ้คริสนั่นมีอะไรกัน...”

                “เออว่ะ...”

                “เออ! เห็นมั้ยเล่า! คนอย่างชานยอลมันไม่ทำอะไรไร้เหตุผลหรอก มันต้องมีอะไรบางอย่าง! ถ้ามันฟื้นก็ค่อยไปถามมันก็แล้วกัน กูไปอ่านหนังสือต่อละ พรุ่งนี้มีเทสต์ย่อย ขอโทษที” เมื่อเห็นว่าแบคฮยอนเริ่มจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง คยองซูจึงรีบบอกลาเพราะเขามีอย่างอื่นที่ต้องทำอีก

                ทุกคนปล่อยให้แบคฮยอนคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมด ก่อนที่จะแยกย้ายไปเรียนหนังสือกัน และสุดท้าย จงอินก็ตัดสินใจว่าจะไปนอนเฝ้าชานยอลและให้ป้ามุนอากลับไปพักผ่อนที่บ้าน

                “เหี้ย ลืมโน้ตบุ๊คได้ไงวะกู -_-; แล้วจะติดต่อหาเมียได้ยังง๊ายยย~” จงอินพึมพำอยู่คนเดียวในห้องพักผู้ป่วยระดับ VIP ของชานยอล ซึ่งตอนนี้ชานยอลยังคงหลับและคิมจงอินของพวกเราก็พูดคนเดียวมานานแล้ว

                “กี่โมงแล้ววะ... สามทุ่ม O_O เหี้ยเมียกู T^T รักนะเด็กโง่วววว~” และดูท่าทางจะเพ้อหนัก -_-;

                “แบค...” แต่จงอินก็ต้องสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงพึมพำเบาๆ ออกมาจากปากเพื่อนที่ยังสลบไม่ได้สติ เขารีบเข้าไปหาและสะกิดชานยอลเบาๆ แต่ร่างสูงที่นอนอยู่บนเตียงก็ยังคงเพ้อไม่ขาดปาก

                “แบค... ชานขอโทษ”

                “ชานยอล! ตื่นเห้ย!!!” จงอินตะโกนลั่นห้องก่อนจะเขย่าตัวชานยอลแรงๆ จนคนถูกเขย่าสะดุ้งเฮือกขึ้นมาจากในภวังค์

                “จงอินอ่า...” เมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นเพื่อนสนิทก็เรียกชื่อออกมาเบาๆ พร้อมรอยยิ้มฝืน

                “เฮ้ออออ โชคดีไม่ความจำเสื่อม -O-;” จงอินพูดกับตัวเองด้วยความโล่งใจ ก่อนจะรีบกดเรียกพยาบาลทันที 

                เมื่อพยาบาลและหมอมาตรวจชานยอลอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก็พบว่าไม่มีอะไรอันตรายร้ายแรง แค่ระบบสมองอาจจะช้าลงนิดหน่อย จึงให้อยู่ที่โรงพยาบาลอีกซักสี่วันและต้องเข้าเฝือกไปอีกหนึ่งเดือน

                “มึง...” เมื่อเห็นว่าหมอและพยาบาลออกไปหมดแล้ว และชานยอลดูมึนงงน้อยลง จงอินก็รีบทักขึ้น “กูรู้เรื่องหมดแล้วนะ เรื่องไอ้แบคอ่ะว่ามึงทำอะไรมันบ้าง”

                “อ่า... ขอโทษนะไค ที่ผมทำแบบนั้น มัน... แย่” ชานยอลพูดพลางหลบตา ยิ่งคิดก็ยิ่งเกลียดตัวเอง

                “ไม่หรอก ถ้ากูเป็นมึงกูก็ทำแบบนั้น =____= ประเด็นก็คือ... ทำไมมึงมาอยู่สภาพนี้ แล้วไอ้คริสมันเลวยังไง มึงต้องเล่าให้หมด ไม่อย่างนั้นอิแรดแบคก็ไม่มีวันเข้าใจมึง” จงอินพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ชานยอลค่อยๆ ย้อนนึกถึงเรื่องราวที่พึ่งเกิด ก่อนจะเล่าให้จงอินฟังอย่างละเอียด

                เมื่อชานยอลเล่าจบ จงอินก็รีบทำการเผยแพร่ต่อทันที เขาโทรประชุมสายบอกลู่หานและแม่แบค ก่อนจะมานั่งยิ้มภูมิใจว่าเรานี่ก็สำคัญเหมือนกันแฮะ ^___^

**********

                “จริงหรอแม่ (._.)” ไม่ทันไร เหยี่ยวสาวขาเม้าท์อย่างแม่อิแบค ก็รีบไปเล่าให้แบคฮยอนฟังต่อ จนแบคฮยอนมีสีหน้าที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

                “แม่ว่าเราไปรุมกระทืบไอ้คริสอะไรนั่นเหอะว่ะ ทำไมมันเลวอย่างนี้วะ เอาลูกกูเป็นนกต่อแล้วรุมทำร้ายลูกเขยกูอีก อุตส่าห์ไม่บอกใครว่าหน้าอย่างนี้ ฉันเทควันโดสายดำนะ สงสัยงานนี้ได้ใช้ฝีไม้ลายมือซะแล้ว” แม่แบคฮยอนนั่งด่าเป็นชุดๆ ก่อนจะถลกแขนเสื้อขึ้นมา 

                “ใจเย็นแม่” แบคฮยอนรีบพูดเพราะรู้ว่านางทำจริงแน่ 

                “เออน่ะ แม่ยังไม่อยากเข้าคุกข้อหาฆ่าคนตายตอนนี้หรอก ขอแม่ใช้ชีวิตแรดๆ อย่างนี้อีกซักปีสองปี แล้วค่อยไปฆ่ามันก็แล้วกัน” 

                “แม่อ่ะ -_-; แล้วแบคจะอยู่กับใคร” แบคฮยอนโผเข้าไปกอดแม่ตัวเอง ความจริงแล้วเขารู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้จะถูกชานยอลทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ แต่เมื่อรู้ว่าคริสเลวเหนือกว่าชานยอลหลายร้อยเท่าก็รู้สึกดีขึ้นมาทันใด

                “นี่... พรุ่งนี้แกไปเยี่ยมมันด้วยนะ”

                “หาาา O[]O!!” แบคฮยอนร้องออกมาลั่นบ้าน

                “จะเอามั้ยกระเป๋านักเรียนตัวเองน่ะ อยู่กับชานยอลไม่ใช่หรอ โง่จริงๆ -_-;” 

                “อ่า... จริงด้วย” 

                “แล้วถ้ามารู้ทีหลังว่าไม่ได้ไปเอาเองนะ...” พูดเสร็จก็เอานิ้วชี้ปาดคอตัวเองให้ดูเป็นตัวอย่าง

                “ครับๆ -_-;” แบคฮยอนรับคำอย่างเสียไม่ได้ 

**********

                จะเข้าไปจริงๆ หรอ T_________T

                ถึงตอนนี้จะไม่ได้โกรธมันแล้ว แต่มันก็รู้สึกแปลกๆ ปะะะะ TOT ใครมันจะมาเข้าใจความรู้สึกของผมกันล่ะ

                “อ้าวววววววววว >O<” จู่ๆ จงอินก็เปิดประตูออกมาจากห้องพักผู้ป่วยที่แบคฮยอนมายืนลังเลอยู่นานสองนานว่าจะเข้าไปดีมั้ย ความจริงจงอินจะไปเรียนที่มหาลัยแล้วต่างหาก แต่บังเอิ๊ญบังเอิญเปิดมาเจอแบคฮยอนเฉยเลย

                “เอ่อ...”

                “จ้าๆ เข้าไปเลยจ้า” จงอินพูดพลางผายมือให้เข้าไปในห้อง ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหูแบคฮยอน “มันตื่นอยู่ หมายถึงมันตื่นนะ แต่น้องชายมันกูไม่รู้”

                “ดอก ไม่ต้องบอกกูเรื่องนั้นหรอก” แบคฮยอนรีบหันไปกระซิบด่าจงอิน ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน แอบยืนอยู่หลังกำแพงแล้วค่อยๆ โผล่หัวไปทีละนิด ก็เห็นว่าชานยอลกำลังนอนดูทีวีอยู่

                โห เข้าเฝือกทั้งแขนทั้งขาจริงๆ ด้วย...

                “บ... แบค O_O!!!!” เพราะแบคฮยอนเอาแต่โผล่มาแค่ตาจนชานยอลสงสัยว่าใครมากันแน่ จึงหันไปมองจนสบตากับแบคฮยอนในที่สุด แต่เจ้าตัวดีก็รีบหลบวืดเข้าไปหลังกำแพง 

                “...”

                “แบคใช่มั้ย!?” ชานยอลร้องถามอีกครั้งด้วยความร้อนรน เขาอยากจะลุกขึ้นมาจากเตียงแล้ววิ่งออกไปดูให้รู้แล้วรู้รอด แต่แค่อ้าปากพูดก็เหนื่อยแล้ว

                “เออออ กูเองงง!! ทำไมมมม” จู่ๆ แบคฮยอนก็เดินออกมาจากกำแพงด้วยสีหน้ากระดากอายนิดหน่อย เขาไม่กล้าแม้แต่จะสบตาชานยอล ก็แหม... แค่ก้าวขาเดินออกมาก็อายจะตายห่าละ ยังจะให้ทำอะไรอี๊ก T^T

                “แบค... แบคมาเยี่ยมผมจริงๆ ด้วย... ผมขอโทษนะแบค ผมขอโทษจริงๆ” ชานยอลพร่ำพูดคำขอโทษโดยไม่กล้ามองหน้าแบคฮยอน ถึงแม้แบคฮยอนจะเดินเข้ามาใกล้เขามากจนสามารถเอื้อมไปจับมือเรียวนั้นได้ แต่เขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะจับเสื้อแบคฮยอน

                “นี่ใช้สรรพนามว่า ผมทำไม!! จะห่างกันเหมือนเดิมใช่มั้ยฮะ!?” เจ้าตัวเล็กพริกขี้หนูอย่างแบคฮยอนพยายามใช้เสียงดังข่ม เพื่อให้ตัวเองดูเหนือกว่า

                “ไม่ครับไม่... ใช้ ชานเหมือนเดิมก็ได้” ชานยอลรีบปฏิเสธพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่ทั้งห้องจะเงียบลงเพราะดูเหมือนแบคฮยอนจะนึกไม่ออกว่าเขามาทำอะไรที่นี่ 

                กูมาทำอะไรที่นี่วะ -*-          
                อ๋อออออออออออ มาเอากระเป๋า!!

                “กู! ไม่ได้มาเยี่ยมมึง! แม่สั่งให้กูมาเอากระเป๋าคืน!! ไปละ” พูดจบก็รีบคว้ากระเป๋าเรียนที่วางเด่นอยู่บนโซฟาแล้วก็วิ่งออกจากห้องไปเลย ซึ่งจงอินก็ยืนรออยู่หน้าห้องนานแล้ว ทั้งสองคนจึงไปเรียนด้วยกันโดยที่จงอินยังไม่อยากแซวอะไรมาก




                “แบค เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปขอโทษชานยอลซะ”
            “หาาาาาา แบคต้องไปอีกหรอ O_O!!!
            “เออ =____=
            “ก็ได้ -_-^

                “แบค >O<!!!” เมื่อเห็นหน้าผู้มาเยี่ยมที่ตัวเองอยากเจอใจจะขาด ชานยอลก็ร้องออกมาด้วยความดีใจ

                “กู... ไม่ได้อยากมาเยี่ยมมึงนะเว้ย!! แม่! แม่สั่งให้กูมา...”
                “...”
                “มา...” เริ่มจะไม่อยากพูดเพราะคำต่อไปเป็นคำที่เขาอยากจะกลืนมันลงไปให้หมด
                “...”
                “มา... ขอโทษมึง” ร่างเล็กก้มหน้ามองพื้น ไม่กล้าแม้แต่จะสบตา ชานยอลจึงถือวิสาสะคว้ามือเล็กมาจับไว้แน่นด้วยมือซ้ายของตัวเอง

                “ไม่ต้องขอโทษเลย ชานผิดเอง ชานขอโทษ”

                “มึงก็หยุดขอโทษกูได้ละ ถ้ากูได้ยินคำขอโทษอีกกูจะหักแขนมึงอีกข้าง” แบคฮยอนสะบัดมือที่ถูกชานยอลจับอย่างเซ็งๆ

                “ครับ จะไม่พูดอีกแล้ว”

                “เออ แค่นี้แหละ กูกลับละ -_-;

                “ฮะ -O-!!?

                “ไม่ต้องมาฮ้งมาฮะอะไรทั้งนั้นแหละ แม่กูสั่งให้มาแค่นี้ กูก็มาแค่นี้ แบร่!” พูดจบก็แลบลิ้นใส่ทีนึง แล้วก็วิ่งหนีออกจากห้องไป 

                เฮ้อ... ถึงจะมาเพราะแม่สั่ง
                แต่อย่างน้อยก็ยอมคุยกับเราแล้ว ^^




                “แบค”
            “อะไรอีกอ่ะแม่ TOT จะให้แบคไปเยี่ยมชานยอลอีกแล้วใช่มั้ย”
            “ไม่ใช่ แค่จะถามว่าชานยอลชอบกินอะไร”
            “อืม... อาหารญี่ปุ่นมั้ง”
            “ถ้าอย่างนั้น... พรุ่งนี้วันเสาร์ มึงว่างทั้งวันใช่มั้ย?”
            “...”
            “มึงก็ไปซื้อซาชิมิตรงห้างโคเอ็กซ์มอลล์ แล้วก็เอาไปให้ชานยอลที ป้อนด้วย”
            “ทำไมต้องป้อนอ่ะ O_O!
            “แล้วถ้ามึงถนัดขวา ต้องมาจับตะเกียบมือซ้ายมึงจะแดกได้มั้ยคะ -_-?
            “ก็ได้ -^- โดนแม่บังคับหรอกนะ ถึงไปอ่ะ”


                “จ๊ะเอ๋!” แบคฮยอนเผลอเล่นกับชานยอลโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว เขาโผล่หัวออกมาจากกำแพงเหมือนครั้งแรกที่มาก่อนจะโชว์กล่องใส่ซาชิมิด้วยใบหน้าภูมิใจสุดๆ

                “แบค >O<!! เอาอะไรมาอ่ะ”

                “คือ... แม่สั่ง! ใช่! แม่กูสั่งว่าให้ซื้อซาชิมิมา แล้วก็... ป้อนด้วย”และก็ไม่รู้ตัวอีกเหมือนกันว่าตัวเองหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อจนคนที่เห็นอมยิ้มออกมา

                “ครับ ^^” 

                “ยิ้มอะไรของมึง!” ร่างเล็กโวยวาย พลางแกะกล่องซาชิมิออก หักตะเกียบ จิ้มปลาดิบบนโชยุพร้อมๆ กับวาซาบิเล็กน้อย ก่อนจะเอาป้อนใส่ปากชานยอลอย่างระวัง แต่คนถูกป้อนยังคงเอ๋อแดก 

                ถ้าคิดว่าแบคฮยอนหายโกรธและลืมเรื่องทุกอย่างแล้ว จะเป็นการเข้าข้างตัวเองไปไหม...

                คิดซะว่า... แบคฮยอนกินยาไม่เขย่าขวดแล้วกัน T^T

                เขาอ้าปากรับซาชิมิที่ถูกป้อนไม่หยุดหย่อน แบคฮยอนเองก็ป้อนไปดูทีวีไปจนลืมทิฐิที่ก่อขึ้นมาในใจ ตอนนี้เขานึกว่าตัวเองแค่มาเยี่ยมแฟนตัวเองที่โรงพยาบาลเท่านั้น

                ครืดดดดดดดดด
                โนเกีย 3310 ของแบคฮยอนสั่น 

                ชานยอลมองมือถือที่แบคฮยอนใช้แล้วก็แอบยิ้มอย่างโล่งใจ อย่างน้อยๆ แบคฮยอนก็ยังใช้ของที่ตัวเองซื้อให้อยู่

                “ว่าไงแม่” แบคฮยอนรับสายแม่ตัวเองอย่างอารมณ์ดี และเมื่อเห็นว่าซาชิมิในกล่องหมดก็คุยโทรศัพท์ไปพลาง เก็บขยะไปพลาง

                (แกเอากุญแจบ้านออกไปรึเปล่า)

                “เปล่าอ่ะ ทำไมหรอ”

                (แม่มีประชุมด่วนว่ะมึง กลับพรุ่งนี้สายๆ แกก็นอนที่โรงพยาบาลกับชานยอลไปเลยแล้วกันนะ)

                “หาาาาาา O[]O!!” แบคฮยอนร้องลั่นห้องจนชานยอลต้องหันไปมอง “นี่เป็นแผนของแม่ใช่มั้ยยยย ตอบแบคคค”

                (เออ แผนกูเองแหละ วันนี้วันเสาร์ พรุ่งนี้วันอาทิตย์ เออดี~ จะได้อยู่ด้วยกันทั้งวัน ไม่ต้องมีข้ออ้างว่าต้องไปเรียนนู่นนี่นั่น แค่นี้น้า~ จะประชุม~) แล้วนางก็วางไป

                “ประชุมอะไรของแม่เนี่ยยย! สมาคมสตรีหญิงเหล็กใช่มั้ยย ฮืออ” แบคฮยอนตะโกนใส่โทรศัพท์ตัวเองอย่างหัวเสีย ก่อนจะหันไปทำตาจิกใส่ชานยอลที่หน้าเอ๋อไม่รู้อิโหน่อิเหน่

                “วันนี้!
                “...”
                “กูจะนอนเฝ้ามึงเอง T^T!!

**********

                “ยังยิงเยาปั๊กกะเป่ายิ้งฉุบ!! แฮ่! กูชนะอีกแล้ว~” คู่ผัวเมียข้าวใหม่ปลามัน (?) หาอะไรเล่นกันโดยใช้อาหารเย็นของชานยอลเป็นตัวตัดสิน ใครเป่ายิ้งฉุบชนะก็ได้กินหนึ่งคำ

                “แหงล่ะ ก็แบคบังคับให้ชานออกเป่ายิ้งฉุบด้วยเฝือกนี่ ถ้าแบคออกกระดาษแล้วแพ้ชานมันก็ยังไงอยู่นะ” ชานยอลพูดด้วยเสียงงอนๆ เพราะเขายังไม่ได้กินมื้อเย็นเลยแม้แต่คำเดียว

                “ก็คนมันหิวอ่ะ -O- อ่ะๆๆๆ เป่าใหม่ๆ ยังยิงเยาปั๊กกะเป่ายิ้ง ฉุบ!” แบคฮยอนจงใจออกกรรไกร ทำให้ชานยอลชนะไปโดยไม่ต้องสงสัย 
 
                “ป้อนด้วยครับ”

                “ทำไมต้องป้อนนน!! ไม่จำเป็น -^-” แบคฮยอนรีบเบือนหน้าหนี

                “นะๆ” ร่างสูงเอาเฝือกมาสะกิด จนแบคฮยอนต้องหันไปปั้นหน้าเซ็งใส่ ก่อนจะตักข้าวใส่ปากชานยอลอย่างระมัดระวัง

                “หายเร็วๆ เลยมึงอ่ะ น่าเบื่อชิบเป๋ง แดกเองก็ได้แต่ไม่ยอมแดกเอง ต้องลำบากกูมานั่งป้อนเนี่ย” 
 
                “บ่นจังเลยคนเนี้ย” ชานยอลใช้มือซ้ายหยิกจมูกแบคฮยอนอย่างหมั่นเขี้ยว 

                “ฮึ่ยยยยย! แดกๆ ไป กูไม่แดกแล้ว” แบคฮยอนจัดการป้อนชานยอลต่อจนหมดจาน ตัวเองก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย จึงโทรศัพท์เรียกจงอินให้หาข้าวมาให้กินหน่อย

                “แบค...” เมื่อเห็นว่าแบคฮยอนคุยโทรศัพท์กับจงอินเสร็จ ก็ดึงแบคฮยอนให้เข้ามานั่งบนเตียงผู้ป่วยของตัวเอง แน่นอนว่าแรดตัวแม่ย่อมขัดขืน แต่ก็ลงมานั่งจุ้มปุ้กข้างๆ อย่างช่วยไม่ได้

                “ไร”

                “เรายังเป็นแฟนกันอยู่ใช่มั้ย...” ร่างสูงถามเสียงแผ่ว หัวใจกระตุกวูบเพราะกลัวกับคำตอบที่อาจจะทำให้ตัวเองผิดหวัง

                “ถามแบบนี้... อยากเลิกรึไง” แบคฮยอนเฉมองไปทางอื่นแทน 

                “เปล่าครับ... แต่ชานกลัวว่าเรื่องที่ผ่านมาจะทำให้แบคผิดหวัง”

                “ใช่ ผิดหวัง... มากเลยด้วย”

                สะอึกเลยแหะ -_-;

                “...”
                “แต่ช่างมันเถอะ มันเป็นแค่ความเข้าใจผิด ใช่ว่ามึงจะอยากทำแบบนั้นซะหน่อย” แบคฮยอนพูดแต่หน้าก็ยังคงมองไปทางอื่น เพราะเขาเขินมากที่มาพูดเรื่องจริงจังแบบนี้ ชานยอลอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะจับคางแบคฮยอนให้หันกลับมามองหน้าตัวเอง

                “ครับ ชานไม่อยากทำเลย”

                “เออ นั่นแหละ - / / / / -” พอโดนบังคับให้สบตา หน้าก็แดงขึ้นมาอีกรอบ “ก็เลิกพูดถึงเรื่องนี้ได้ละ เปลี่ยนเรื่องๆๆๆ”
 
                “จะเปลี่ยนเรื่องได้ไง แบคยังพูดมึงกูกับชานอยู่เลยอ่ะ” แบคฮยอนถึงกับชะงักไปเมื่อได้ยินแบบนั้น มันก็จริงที่เขายังพูดกูมึงใส่ชานยอลอยู่เลย ทั้งที่ตัวเป็นคนบอกชานยอลว่าห้ามใช้คำว่า ผม

                “...”
                “...”

                “เออน่ะๆๆๆ แบคไม่พูดมึงกูแล้ว” 

                “เฮฮฮฮ!” แล้วชานยอลก็ร้องลั่นออกมาด้วยความดีใจ “ว่าแต่... แบคให้อภัยชานแล้วจริงๆ ใช่มั้ย ชานขอโทษนะ”

                “ก็บอกแล้วไงว่าห้ามพูดว่าขอโทษ!! เดี๋ยวจับหักแขนซะเลยนิ -_-” แบคฮยอนพูดขู่ ก่อนจะตั้งท่าหักแขนซ้ายจริงๆ แต่เจ้าตัวดีก็ยื่นแขนซ้ายให้ง่ายๆ

                “หักเลยยยยย แบคจะได้ดูแลชานตลอดเวลาไง” 

                “ไม่หักแล่ว!” แบคฮยอนหันหน้าไปทางอื่น 

                ถึงหน้าจะหันไปทางอื่น แต่ร่างกายก็เลือกที่จะเอนลงมาพิงบนตัวของร่างสูง ก่อนจะซบลงบนไหล่ซ้ายของชานยอลเงียบๆ ผู้ถูกซบได้แต่ยิ้มชอบใจอยู่คนเดียว

                “แบค... ที่แบคถามชานในกล่องใส่จี้น่ะ” 

                O_O!!!” แบคฮยอนเด้งตัวขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อถูกพูดเรื่องจี้ แถมยังเป็นเรื่องคำถามอีก

                “ชานตอบเลยนะว่า ชานก็รักแบค... รักตั้งแต่เจอหน้าแล้ว”

                “บ้า - / / / / - คนห่าอะไรเค้าจะรักกันตั้งแต่เจอหน้า เวอร์จริงๆ” แบคฮยอนตีเข้าที่ไหล่ชานยอลเบาๆ 

                “ชานไม่รู้ว่าชานเห็นแก่ตัวไปมั้ย...”
                “...”
                “แต่ชานอยากได้ยินคำนั้นจากปากแบคจริงๆ ได้มั้ยครับ?”
                “...”
                >____<

                “อือ... แบคก็รักชาน >O<” แบคฮยอนยิ้มจนรอยบุ๋มใต้ตาโผล่ออกมา เขาอ้าแขนกว้างก่อนจะโผกอดชานยอลแล้วซุกหน้าลงไปบนอกแกร่ง “กอดหมีอีกแล้ววววว~ กอดหมีๆ”            

                “ฮ่าๆๆ แล้วเมื่อไหร่เจ้าของจะหอมแก้มหมีซักทีล่ะครับ...” ชานยอลก้มลงมากระซิบที่ข้างหู 

                “เรื่องมากจริงๆ -^-!!” แบคฮยอนบ่นก่อนที่จะยื่นหน้าขึ้นไปหอมแก้มชานยอล ก่อนจะรีบลงมาซุกที่อกอีกรอบด้วยความเขิน 

                เฮ้อ... สัญญาว่าต่อไปนี้ปีศาจชานยอลจะไม่โผล่มาอีกแล้วล่ะ




ที่บ้านตระกูลบยอน...

                “กูจะเอายังไงกับลูกกูดีวะเนี่ย -_-; ทำไมมันโง่อย่างงี้วะ T^T นี่พูดอะไรหน่อยเดียวก็เชื่อแล้วใช่ปะ วันนี้กูนอนคนเดียวก็ได้วะแม่ง ฮือออTOT

                ความจริงชั้นไม่ได้ไปประชุมอะไรหรอกนะ แค่อยากแกล้งลูก แต่แกล้งไปแกล้งมาแม่งเสือกเชื่อ...

                อืม... แบบนี้ก็ดีเหมือนกันเนอะว่ามั้ย?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น