28
No more sorry, just say that you love me.
“โอ้โห
นี่มันงานรวมญาติหรอเนี่ย แล้วชานยอลไปไหน?” เมื่อคยองซูเห็นหน้าทุกคนในหน้าจอ
เขาก็ประหลาดใจที่ทุกคนมากันครบแล้วยังมีแม่อิแบคอีก
“โด้ แบคมีเรื่องจะเล่า”
จงอินรีบพูด จนแบคฮยอนต้องหันขวับเพราะยังไม่ทันบอกเลยว่าจะเล่า
“เล่าอะไร”
แน่นอนว่าน้องหนูแรดแบคของพวกเราไปไหนไม่รอด
แค่เห็นหน้าเพื่อนซี้ก็อ้าปากเล่าเป็นฉากๆ
โดยไม่สนใจว่าเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างหลังและแม่ตัวเองจะมีสีหน้าอย่างไรกันบ้าง
เมื่อเล่าจบ จงอินก็รีบเล่าต่อว่าชานยอลได้รับอุบัติเหตุ และแล้ว...
ศรีโดโด้ก็ถูกขงเบ้งเข้าสิงอีกครั้ง
“เรื่องนี้ทุกคนแม่งก็ผิดหมดนั่นแหละ!!!”
“ฮะ? กูก็ผิดหรอ O_O!!” แบคฮยอนร้องลั่นด้วยความตกใจ
“มึงนั่นแหละตัวดี -_-^
ไอ้ห่าคริสอะไรนั่นมันผิดที่ใช้มึงเป็นเครื่องมือ
ชานยอลก็ผิดที่ไม่ฟังห่าอะไรเลย ส่วนมึง! ก็ผิด! ที่เชื่อใจคนอื่นง่ายเกินไปแถมไม่รู้จักอธิบายให้มันเร็วๆ”
โด้บ่นอย่างหัวเสีย
“หรอ (._.)”
“แบค มึงไม่คิดว่ามันแปลกๆ
หน่อยหรอเรื่องเนี้ย” โด้ตั้งข้อสังเกต
“อะไร”
“ทำไมชานยอลถึงโผล่มาบ้านไอ้คริสนั่นได้
ทั้งที่มึงก็เห็นว่าไอ้คริสไม่ได้โทรศัพท์หาใครเลย...”
“...”
“แล้วทำไมชานยอลถึงเข้าใจผิดว่ามึงกับไอ้คริสนั่นมีอะไรกัน...”
“เออว่ะ...”
“เออ!
เห็นมั้ยเล่า! คนอย่างชานยอลมันไม่ทำอะไรไร้เหตุผลหรอก
มันต้องมีอะไรบางอย่าง! ถ้ามันฟื้นก็ค่อยไปถามมันก็แล้วกัน
กูไปอ่านหนังสือต่อละ พรุ่งนี้มีเทสต์ย่อย ขอโทษที”
เมื่อเห็นว่าแบคฮยอนเริ่มจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง
คยองซูจึงรีบบอกลาเพราะเขามีอย่างอื่นที่ต้องทำอีก
ทุกคนปล่อยให้แบคฮยอนคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมด
ก่อนที่จะแยกย้ายไปเรียนหนังสือกัน และสุดท้าย
จงอินก็ตัดสินใจว่าจะไปนอนเฝ้าชานยอลและให้ป้ามุนอากลับไปพักผ่อนที่บ้าน
“เหี้ย ลืมโน้ตบุ๊คได้ไงวะกู -_-;
แล้วจะติดต่อหาเมียได้ยังง๊ายยย~”
จงอินพึมพำอยู่คนเดียวในห้องพักผู้ป่วยระดับ VIP ของชานยอล
ซึ่งตอนนี้ชานยอลยังคงหลับและคิมจงอินของพวกเราก็พูดคนเดียวมานานแล้ว
“กี่โมงแล้ววะ... สามทุ่ม O_O
เหี้ยเมียกู T^T รักนะเด็กโง่วววว~” และดูท่าทางจะเพ้อหนัก -_-;
“แบค...”
แต่จงอินก็ต้องสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงพึมพำเบาๆ
ออกมาจากปากเพื่อนที่ยังสลบไม่ได้สติ เขารีบเข้าไปหาและสะกิดชานยอลเบาๆ
แต่ร่างสูงที่นอนอยู่บนเตียงก็ยังคงเพ้อไม่ขาดปาก
“แบค... ชานขอโทษ”
“ชานยอล! ตื่นเห้ย!!!”
จงอินตะโกนลั่นห้องก่อนจะเขย่าตัวชานยอลแรงๆ
จนคนถูกเขย่าสะดุ้งเฮือกขึ้นมาจากในภวังค์
“จงอินอ่า...” เมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นเพื่อนสนิทก็เรียกชื่อออกมาเบาๆ
พร้อมรอยยิ้มฝืน
“เฮ้ออออ โชคดีไม่ความจำเสื่อม -O-;” จงอินพูดกับตัวเองด้วยความโล่งใจ ก่อนจะรีบกดเรียกพยาบาลทันที
เมื่อพยาบาลและหมอมาตรวจชานยอลอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ก็พบว่าไม่มีอะไรอันตรายร้ายแรง แค่ระบบสมองอาจจะช้าลงนิดหน่อย
จึงให้อยู่ที่โรงพยาบาลอีกซักสี่วันและต้องเข้าเฝือกไปอีกหนึ่งเดือน
“มึง...”
เมื่อเห็นว่าหมอและพยาบาลออกไปหมดแล้ว และชานยอลดูมึนงงน้อยลง จงอินก็รีบทักขึ้น
“กูรู้เรื่องหมดแล้วนะ เรื่องไอ้แบคอ่ะว่ามึงทำอะไรมันบ้าง”
“อ่า... ขอโทษนะไค ที่ผมทำแบบนั้น
มัน... แย่” ชานยอลพูดพลางหลบตา ยิ่งคิดก็ยิ่งเกลียดตัวเอง
“ไม่หรอก
ถ้ากูเป็นมึงกูก็ทำแบบนั้น =____= ประเด็นก็คือ...
ทำไมมึงมาอยู่สภาพนี้ แล้วไอ้คริสมันเลวยังไง มึงต้องเล่าให้หมด
ไม่อย่างนั้นอิแรดแบคก็ไม่มีวันเข้าใจมึง” จงอินพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ชานยอลค่อยๆ
ย้อนนึกถึงเรื่องราวที่พึ่งเกิด ก่อนจะเล่าให้จงอินฟังอย่างละเอียด
เมื่อชานยอลเล่าจบ
จงอินก็รีบทำการเผยแพร่ต่อทันที เขาโทรประชุมสายบอกลู่หานและแม่แบค
ก่อนจะมานั่งยิ้มภูมิใจว่าเรานี่ก็สำคัญเหมือนกันแฮะ ^___^
**********
“จริงหรอแม่ (._.)” ไม่ทันไร เหยี่ยวสาวขาเม้าท์อย่างแม่อิแบค ก็รีบไปเล่าให้แบคฮยอนฟังต่อ
จนแบคฮยอนมีสีหน้าที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“แม่ว่าเราไปรุมกระทืบไอ้คริสอะไรนั่นเหอะว่ะ
ทำไมมันเลวอย่างนี้วะ เอาลูกกูเป็นนกต่อแล้วรุมทำร้ายลูกเขยกูอีก
อุตส่าห์ไม่บอกใครว่าหน้าอย่างนี้ ฉันเทควันโดสายดำนะ สงสัยงานนี้ได้ใช้ฝีไม้ลายมือซะแล้ว”
แม่แบคฮยอนนั่งด่าเป็นชุดๆ ก่อนจะถลกแขนเสื้อขึ้นมา
“ใจเย็นแม่”
แบคฮยอนรีบพูดเพราะรู้ว่านางทำจริงแน่
“เออน่ะ
แม่ยังไม่อยากเข้าคุกข้อหาฆ่าคนตายตอนนี้หรอก ขอแม่ใช้ชีวิตแรดๆ
อย่างนี้อีกซักปีสองปี แล้วค่อยไปฆ่ามันก็แล้วกัน”
“แม่อ่ะ -_-;
แล้วแบคจะอยู่กับใคร” แบคฮยอนโผเข้าไปกอดแม่ตัวเอง
ความจริงแล้วเขารู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
ถึงแม้จะถูกชานยอลทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ
แต่เมื่อรู้ว่าคริสเลวเหนือกว่าชานยอลหลายร้อยเท่าก็รู้สึกดีขึ้นมาทันใด
“นี่...
พรุ่งนี้แกไปเยี่ยมมันด้วยนะ”
“หาาา O[]O!!” แบคฮยอนร้องออกมาลั่นบ้าน
“จะเอามั้ยกระเป๋านักเรียนตัวเองน่ะ
อยู่กับชานยอลไม่ใช่หรอ โง่จริงๆ -_-;”
“อ่า... จริงด้วย”
“แล้วถ้ามารู้ทีหลังว่าไม่ได้ไปเอาเองนะ...”
พูดเสร็จก็เอานิ้วชี้ปาดคอตัวเองให้ดูเป็นตัวอย่าง
“ครับๆ -_-;” แบคฮยอนรับคำอย่างเสียไม่ได้
**********
จะเข้าไปจริงๆ หรอ T_________T
ถึงตอนนี้จะไม่ได้โกรธมันแล้ว
แต่มันก็รู้สึกแปลกๆ ปะะะะ TOT ใครมันจะมาเข้าใจความรู้สึกของผมกันล่ะ
“อ้าวววววววววว >O<” จู่ๆ
จงอินก็เปิดประตูออกมาจากห้องพักผู้ป่วยที่แบคฮยอนมายืนลังเลอยู่นานสองนานว่าจะเข้าไปดีมั้ย
ความจริงจงอินจะไปเรียนที่มหาลัยแล้วต่างหาก
แต่บังเอิ๊ญบังเอิญเปิดมาเจอแบคฮยอนเฉยเลย
“เอ่อ...”
“จ้าๆ เข้าไปเลยจ้า”
จงอินพูดพลางผายมือให้เข้าไปในห้อง ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหูแบคฮยอน “มันตื่นอยู่
หมายถึงมันตื่นนะ แต่น้องชายมันกูไม่รู้”
“ดอก ไม่ต้องบอกกูเรื่องนั้นหรอก”
แบคฮยอนรีบหันไปกระซิบด่าจงอิน ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน
แอบยืนอยู่หลังกำแพงแล้วค่อยๆ โผล่หัวไปทีละนิด ก็เห็นว่าชานยอลกำลังนอนดูทีวีอยู่
โห เข้าเฝือกทั้งแขนทั้งขาจริงๆ
ด้วย...
“บ... แบค O_O!!!!” เพราะแบคฮยอนเอาแต่โผล่มาแค่ตาจนชานยอลสงสัยว่าใครมากันแน่
จึงหันไปมองจนสบตากับแบคฮยอนในที่สุด แต่เจ้าตัวดีก็รีบหลบวืดเข้าไปหลังกำแพง
“...”
“แบคใช่มั้ย!?” ชานยอลร้องถามอีกครั้งด้วยความร้อนรน
เขาอยากจะลุกขึ้นมาจากเตียงแล้ววิ่งออกไปดูให้รู้แล้วรู้รอด
แต่แค่อ้าปากพูดก็เหนื่อยแล้ว
“เออออ กูเองงง!!
ทำไมมมม” จู่ๆ
แบคฮยอนก็เดินออกมาจากกำแพงด้วยสีหน้ากระดากอายนิดหน่อย
เขาไม่กล้าแม้แต่จะสบตาชานยอล ก็แหม... แค่ก้าวขาเดินออกมาก็อายจะตายห่าละ
ยังจะให้ทำอะไรอี๊ก T^T
“แบค... แบคมาเยี่ยมผมจริงๆ
ด้วย... ผมขอโทษนะแบค ผมขอโทษจริงๆ” ชานยอลพร่ำพูดคำขอโทษโดยไม่กล้ามองหน้าแบคฮยอน
ถึงแม้แบคฮยอนจะเดินเข้ามาใกล้เขามากจนสามารถเอื้อมไปจับมือเรียวนั้นได้
แต่เขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะจับเสื้อแบคฮยอน
“นี่ใช้สรรพนามว่า ‘ผม’ ทำไม!! จะห่างกันเหมือนเดิมใช่มั้ยฮะ!?” เจ้าตัวเล็กพริกขี้หนูอย่างแบคฮยอนพยายามใช้เสียงดังข่ม
เพื่อให้ตัวเองดูเหนือกว่า
“ไม่ครับไม่... ใช้ ‘ชาน’ เหมือนเดิมก็ได้” ชานยอลรีบปฏิเสธพร้อมรอยยิ้ม
ก่อนที่ทั้งห้องจะเงียบลงเพราะดูเหมือนแบคฮยอนจะนึกไม่ออกว่าเขามาทำอะไรที่นี่
กูมาทำอะไรที่นี่วะ -*-
อ๋อออออออออออ มาเอากระเป๋า!!
“กู! ไม่ได้มาเยี่ยมมึง! แม่สั่งให้กูมาเอากระเป๋าคืน!! ไปละ”
พูดจบก็รีบคว้ากระเป๋าเรียนที่วางเด่นอยู่บนโซฟาแล้วก็วิ่งออกจากห้องไปเลย
ซึ่งจงอินก็ยืนรออยู่หน้าห้องนานแล้ว
ทั้งสองคนจึงไปเรียนด้วยกันโดยที่จงอินยังไม่อยากแซวอะไรมาก
“แบค
เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปขอโทษชานยอลซะ”
“หาาาาาา แบคต้องไปอีกหรอ O_O!!!”
“เออ =____=”
“ก็ได้ -_-^”
“แบค >O<!!!” เมื่อเห็นหน้าผู้มาเยี่ยมที่ตัวเองอยากเจอใจจะขาด
ชานยอลก็ร้องออกมาด้วยความดีใจ
“กู...
ไม่ได้อยากมาเยี่ยมมึงนะเว้ย!! แม่! แม่สั่งให้กูมา...”
“...”
“มา...”
เริ่มจะไม่อยากพูดเพราะคำต่อไปเป็นคำที่เขาอยากจะกลืนมันลงไปให้หมด
“...”
“มา... ขอโทษมึง”
ร่างเล็กก้มหน้ามองพื้น ไม่กล้าแม้แต่จะสบตา
ชานยอลจึงถือวิสาสะคว้ามือเล็กมาจับไว้แน่นด้วยมือซ้ายของตัวเอง
“ไม่ต้องขอโทษเลย ชานผิดเอง
ชานขอโทษ”
“มึงก็หยุดขอโทษกูได้ละ
ถ้ากูได้ยินคำขอโทษอีกกูจะหักแขนมึงอีกข้าง” แบคฮยอนสะบัดมือที่ถูกชานยอลจับอย่างเซ็งๆ
“ครับ จะไม่พูดอีกแล้ว”
“เออ แค่นี้แหละ กูกลับละ -_-;”
“ฮะ -O-!!?”
“ไม่ต้องมาฮ้งมาฮะอะไรทั้งนั้นแหละ
แม่กูสั่งให้มาแค่นี้ กูก็มาแค่นี้ แบร่!” พูดจบก็แลบลิ้นใส่ทีนึง แล้วก็วิ่งหนีออกจากห้องไป
เฮ้อ... ถึงจะมาเพราะแม่สั่ง
แต่อย่างน้อยก็ยอมคุยกับเราแล้ว ^^
“แบค”
“อะไรอีกอ่ะแม่ TOT
จะให้แบคไปเยี่ยมชานยอลอีกแล้วใช่มั้ย”
“ไม่ใช่ แค่จะถามว่าชานยอลชอบกินอะไร”
“อืม... อาหารญี่ปุ่นมั้ง”
“ถ้าอย่างนั้น... พรุ่งนี้วันเสาร์
มึงว่างทั้งวันใช่มั้ย?”
“...”
“มึงก็ไปซื้อซาชิมิตรงห้างโคเอ็กซ์มอลล์
แล้วก็เอาไปให้ชานยอลที ป้อนด้วย”
“ทำไมต้องป้อนอ่ะ O_O!”
“แล้วถ้ามึงถนัดขวา
ต้องมาจับตะเกียบมือซ้ายมึงจะแดกได้มั้ยคะ -_-?”
“ก็ได้ -^- โดนแม่บังคับหรอกนะ ถึงไปอ่ะ”
“จ๊ะเอ๋!” แบคฮยอนเผลอเล่นกับชานยอลโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว เขาโผล่หัวออกมาจากกำแพงเหมือนครั้งแรกที่มาก่อนจะโชว์กล่องใส่ซาชิมิด้วยใบหน้าภูมิใจสุดๆ
“แบค >O<!! เอาอะไรมาอ่ะ”
“คือ... แม่สั่ง!
ใช่! แม่กูสั่งว่าให้ซื้อซาชิมิมา แล้วก็...
ป้อนด้วย”และก็ไม่รู้ตัวอีกเหมือนกันว่าตัวเองหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อจนคนที่เห็นอมยิ้มออกมา
“ครับ ^^”
“ยิ้มอะไรของมึง!” ร่างเล็กโวยวาย พลางแกะกล่องซาชิมิออก หักตะเกียบ
จิ้มปลาดิบบนโชยุพร้อมๆ กับวาซาบิเล็กน้อย ก่อนจะเอาป้อนใส่ปากชานยอลอย่างระวัง
แต่คนถูกป้อนยังคงเอ๋อแดก
ถ้าคิดว่าแบคฮยอนหายโกรธและลืมเรื่องทุกอย่างแล้ว
จะเป็นการเข้าข้างตัวเองไปไหม...
คิดซะว่า...
แบคฮยอนกินยาไม่เขย่าขวดแล้วกัน T^T
เขาอ้าปากรับซาชิมิที่ถูกป้อนไม่หยุดหย่อน
แบคฮยอนเองก็ป้อนไปดูทีวีไปจนลืมทิฐิที่ก่อขึ้นมาในใจ
ตอนนี้เขานึกว่าตัวเองแค่มาเยี่ยมแฟนตัวเองที่โรงพยาบาลเท่านั้น
ครืดดดดดดดดด
โนเกีย 3310 ของแบคฮยอนสั่น
ชานยอลมองมือถือที่แบคฮยอนใช้แล้วก็แอบยิ้มอย่างโล่งใจ
อย่างน้อยๆ แบคฮยอนก็ยังใช้ของที่ตัวเองซื้อให้อยู่
“ว่าไงแม่”
แบคฮยอนรับสายแม่ตัวเองอย่างอารมณ์ดี
และเมื่อเห็นว่าซาชิมิในกล่องหมดก็คุยโทรศัพท์ไปพลาง เก็บขยะไปพลาง
(แกเอากุญแจบ้านออกไปรึเปล่า)
“เปล่าอ่ะ ทำไมหรอ”
(แม่มีประชุมด่วนว่ะมึง
กลับพรุ่งนี้สายๆ แกก็นอนที่โรงพยาบาลกับชานยอลไปเลยแล้วกันนะ)
“หาาาาาา O[]O!!” แบคฮยอนร้องลั่นห้องจนชานยอลต้องหันไปมอง “นี่เป็นแผนของแม่ใช่มั้ยยยย
ตอบแบคคค”
(เออ แผนกูเองแหละ วันนี้วันเสาร์
พรุ่งนี้วันอาทิตย์ เออดี~ จะได้อยู่ด้วยกันทั้งวัน
ไม่ต้องมีข้ออ้างว่าต้องไปเรียนนู่นนี่นั่น แค่นี้น้า~
จะประชุม~) แล้วนางก็วางไป
“ประชุมอะไรของแม่เนี่ยยย!
สมาคมสตรีหญิงเหล็กใช่มั้ยย ฮืออ”
แบคฮยอนตะโกนใส่โทรศัพท์ตัวเองอย่างหัวเสีย
ก่อนจะหันไปทำตาจิกใส่ชานยอลที่หน้าเอ๋อไม่รู้อิโหน่อิเหน่
“วันนี้!”
“...”
“กูจะนอนเฝ้ามึงเอง T^T!!”
**********
“ยังยิงเยาปั๊กกะเป่ายิ้งฉุบ!! แฮ่! กูชนะอีกแล้ว~”
คู่ผัวเมียข้าวใหม่ปลามัน (?) หาอะไรเล่นกันโดยใช้อาหารเย็นของชานยอลเป็นตัวตัดสิน
ใครเป่ายิ้งฉุบชนะก็ได้กินหนึ่งคำ
“แหงล่ะ
ก็แบคบังคับให้ชานออกเป่ายิ้งฉุบด้วยเฝือกนี่
ถ้าแบคออกกระดาษแล้วแพ้ชานมันก็ยังไงอยู่นะ” ชานยอลพูดด้วยเสียงงอนๆ
เพราะเขายังไม่ได้กินมื้อเย็นเลยแม้แต่คำเดียว
“ก็คนมันหิวอ่ะ -O-
อ่ะๆๆๆ เป่าใหม่ๆ ยังยิงเยาปั๊กกะเป่ายิ้ง ฉุบ!” แบคฮยอนจงใจออกกรรไกร ทำให้ชานยอลชนะไปโดยไม่ต้องสงสัย
“ป้อนด้วยครับ”
“ทำไมต้องป้อนนน!!
ไม่จำเป็น -^-” แบคฮยอนรีบเบือนหน้าหนี
“นะๆ” ร่างสูงเอาเฝือกมาสะกิด
จนแบคฮยอนต้องหันไปปั้นหน้าเซ็งใส่ ก่อนจะตักข้าวใส่ปากชานยอลอย่างระมัดระวัง
“หายเร็วๆ เลยมึงอ่ะ
น่าเบื่อชิบเป๋ง แดกเองก็ได้แต่ไม่ยอมแดกเอง ต้องลำบากกูมานั่งป้อนเนี่ย”
“บ่นจังเลยคนเนี้ย”
ชานยอลใช้มือซ้ายหยิกจมูกแบคฮยอนอย่างหมั่นเขี้ยว
“ฮึ่ยยยยย!
แดกๆ ไป กูไม่แดกแล้ว” แบคฮยอนจัดการป้อนชานยอลต่อจนหมดจาน
ตัวเองก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย จึงโทรศัพท์เรียกจงอินให้หาข้าวมาให้กินหน่อย
“แบค...”
เมื่อเห็นว่าแบคฮยอนคุยโทรศัพท์กับจงอินเสร็จ
ก็ดึงแบคฮยอนให้เข้ามานั่งบนเตียงผู้ป่วยของตัวเอง แน่นอนว่าแรดตัวแม่ย่อมขัดขืน
แต่ก็ลงมานั่งจุ้มปุ้กข้างๆ อย่างช่วยไม่ได้
“ไร”
“เรายังเป็นแฟนกันอยู่ใช่มั้ย...”
ร่างสูงถามเสียงแผ่ว หัวใจกระตุกวูบเพราะกลัวกับคำตอบที่อาจจะทำให้ตัวเองผิดหวัง
“ถามแบบนี้... อยากเลิกรึไง”
แบคฮยอนเฉมองไปทางอื่นแทน
“เปล่าครับ...
แต่ชานกลัวว่าเรื่องที่ผ่านมาจะทำให้แบคผิดหวัง”
“ใช่ ผิดหวัง... มากเลยด้วย”
สะอึกเลยแหะ -_-;
“...”
“แต่ช่างมันเถอะ
มันเป็นแค่ความเข้าใจผิด ใช่ว่ามึงจะอยากทำแบบนั้นซะหน่อย”
แบคฮยอนพูดแต่หน้าก็ยังคงมองไปทางอื่น เพราะเขาเขินมากที่มาพูดเรื่องจริงจังแบบนี้
ชานยอลอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะจับคางแบคฮยอนให้หันกลับมามองหน้าตัวเอง
“ครับ ชานไม่อยากทำเลย”
“เออ นั่นแหละ - / / / / -”
พอโดนบังคับให้สบตา หน้าก็แดงขึ้นมาอีกรอบ “ก็เลิกพูดถึงเรื่องนี้ได้ละ
เปลี่ยนเรื่องๆๆๆ”
“จะเปลี่ยนเรื่องได้ไง
แบคยังพูดมึงกูกับชานอยู่เลยอ่ะ” แบคฮยอนถึงกับชะงักไปเมื่อได้ยินแบบนั้น
มันก็จริงที่เขายังพูดกูมึงใส่ชานยอลอยู่เลย
ทั้งที่ตัวเป็นคนบอกชานยอลว่าห้ามใช้คำว่า ‘ผม’
“...”
“...”
“เออน่ะๆๆๆ แบคไม่พูดมึงกูแล้ว”
“เฮฮฮฮ!” แล้วชานยอลก็ร้องลั่นออกมาด้วยความดีใจ “ว่าแต่...
แบคให้อภัยชานแล้วจริงๆ ใช่มั้ย ชานขอโทษนะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าห้ามพูดว่าขอโทษ!! เดี๋ยวจับหักแขนซะเลยนิ -_-” แบคฮยอนพูดขู่
ก่อนจะตั้งท่าหักแขนซ้ายจริงๆ แต่เจ้าตัวดีก็ยื่นแขนซ้ายให้ง่ายๆ
“หักเลยยยยย
แบคจะได้ดูแลชานตลอดเวลาไง”
“ไม่หักแล่ว!” แบคฮยอนหันหน้าไปทางอื่น
ถึงหน้าจะหันไปทางอื่น
แต่ร่างกายก็เลือกที่จะเอนลงมาพิงบนตัวของร่างสูง
ก่อนจะซบลงบนไหล่ซ้ายของชานยอลเงียบๆ ผู้ถูกซบได้แต่ยิ้มชอบใจอยู่คนเดียว
“แบค...
ที่แบคถามชานในกล่องใส่จี้น่ะ”
“O_O!!!” แบคฮยอนเด้งตัวขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อถูกพูดเรื่องจี้
แถมยังเป็นเรื่องคำถามอีก
“ชานตอบเลยนะว่า ชานก็รักแบค...
รักตั้งแต่เจอหน้าแล้ว”
“บ้า - / / / / -
คนห่าอะไรเค้าจะรักกันตั้งแต่เจอหน้า เวอร์จริงๆ” แบคฮยอนตีเข้าที่ไหล่ชานยอลเบาๆ
“ชานไม่รู้ว่าชานเห็นแก่ตัวไปมั้ย...”
“...”
“แต่ชานอยากได้ยินคำนั้นจากปากแบคจริงๆ
ได้มั้ยครับ?”
“...”
“>____<”
“อือ... แบคก็รักชาน >O<” แบคฮยอนยิ้มจนรอยบุ๋มใต้ตาโผล่ออกมา
เขาอ้าแขนกว้างก่อนจะโผกอดชานยอลแล้วซุกหน้าลงไปบนอกแกร่ง “กอดหมีอีกแล้ววววว~ กอดหมีๆ”
“ฮ่าๆๆ
แล้วเมื่อไหร่เจ้าของจะหอมแก้มหมีซักทีล่ะครับ...” ชานยอลก้มลงมากระซิบที่ข้างหู
“เรื่องมากจริงๆ -^-!!” แบคฮยอนบ่นก่อนที่จะยื่นหน้าขึ้นไปหอมแก้มชานยอล
ก่อนจะรีบลงมาซุกที่อกอีกรอบด้วยความเขิน
เฮ้อ...
สัญญาว่าต่อไปนี้ปีศาจชานยอลจะไม่โผล่มาอีกแล้วล่ะ
ที่บ้านตระกูลบยอน...
“กูจะเอายังไงกับลูกกูดีวะเนี่ย -_-;
ทำไมมันโง่อย่างงี้วะ T^T นี่พูดอะไรหน่อยเดียวก็เชื่อแล้วใช่ปะ
วันนี้กูนอนคนเดียวก็ได้วะแม่ง ฮือออTOT”
ความจริงชั้นไม่ได้ไปประชุมอะไรหรอกนะ
แค่อยากแกล้งลูก แต่แกล้งไปแกล้งมาแม่งเสือกเชื่อ...
อืม...
แบบนี้ก็ดีเหมือนกันเนอะว่ามั้ย?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น