วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

fckmerakme : 25 KRIS.




25
KRIS.


หนึ่งเดือนผ่านไป

                เดือนนี้เป็นเดือนพฤศจิกายนครับ มหาลัยเราก็เปิดเทอมได้ซักพักแล้วล่ะครับ และแน่นอนว่าเดือนพฤศจิกายนมีวันเกิดของผู้ชายคนหนึ่ง อิอิ... จะใครซะอีก ก็แฟนผมไง >____<

                คือ... พรุ่งนี้ก็จะถึงแล้วอ่ะ -O-
                แต่ต้องทำเป็นลืมก่อน อิอิ

                “ฮ้าววว~ กูไม่อยากมาเรียนจริงๆ นะเนี่ย” ผมบิดขี้เกียจขณะที่กำลังนั่งเม้าท์มอยกันอยู่ที่โต๊ะกลางโรงอาหารตัวเดิม โด้ไม่อยู่แล้วเหงาขึ้นเยอะเลย แถมไอ้ฮุนก็กวนตีนไม่ค่อยมากเพราะมันต้องใส่หน้ากากปิดใบหน้าตัวเอง เคยไม่ใส่ครั้งหนึ่ง อื้อหืออออ =___= โดนแฟนคลับในมหาลัยรุมทึ้งจนพี่ลู่งอนไปสองชั่วโมง

                “งั้นแบคไม่ต้องมาเรียนหรอก เดี๋ยวชานหาเลี้ยงแบคจนแก่ตายเลย” ชานยอลพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มจริงใจ ค... คือ จะให้กูมีชีวิตอยู่แค่วุฒิม.หกใช่ปะ -_-;

                “ม... ไม่เป็นไรนะ ^^; แบคอยากเรียนหนังสือแล้วล่ะ” ผมตอบ

                “กระแอมครับกระแอม คิมไคสุดหล่อเดินทางมาถึงมหาวิทยาลัยแล้วครับ” จู่ๆ เสียงไอ้ไคก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง มันนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมๆ กับโน้ตบุ๊คแล้วก็กางโน้ตบุ๊คออก

                “โด้นี่นา O_O! เมื่อวานยังคุยไม่เสร็จเลยยยย กูจะคุยยย” ผมร้องลั่นเมื่อเห็นโด้นั่งทำอะไรบางอย่างอยู่บนโต๊ะริมขวามือ คือความจริงแล้วไอ้จงอินเอาโน้ตบุ๊คมา มหาลัยทุกวันแหละครับ -*- ตรงไหนมีรูปลั๊กไฟพี่แกก็รีบเสียบชาร์จแบตทันที เปิดสไกป์ตลอดเวลาด้วย ซึ่งส่วนใหญ่โด้จะหลับอยู่ 

                “ไอ่ห่า เงียบเลยมึง เมียกูอ่านหนังสืออยู่ ใครเสียงดังกูฆ่าทิ้งเลยเอาดิ” คือไอ้หมีควายจงอินจะหวงเมียมากไปมั้ยครับ

                “ฮื่อ...” โด้บิดขี้เกียจอยู่ในจอก่อนจะพับหนังสือเก็บ แล้วหันมาทางจอ “อ้าว! แบค O_O!! อ่านหนังสือเสร็จพอดี มาคุยกันต่อเหอะ”

                “ไรอ่ะ -^- กูอุตส่าห์เดินเงียบๆ ขึ้นรถเงียบๆ หายใจเงียบๆ เสยผมเงียบๆ ไม่อยากรบกวนมึง พออิแบคมานี่มึงหันมาคุยเลยนะ T^T” อีผัวตัวแสบตัดพ้อ ทำหน้าน่ารักแอ๊บแบ๊วอีกต่างหาก

                “ก็นี่มันห้าทุ่มแล้ว! เลิกอ่านหนังสือแล่ว! ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลยนะ ไปเลย อยากคุยกับแบคสองคน” แล้วสุดท้ายมันก็โดนเมียไล่ สมน้ำหน้า!

                “ว้ายยยย ขอยืมเมียชั่วคราวนะคะหนูจงอินน” ผมแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ก่อนจะถือโน้ตบุ๊คออกมาคุยห่างๆ 

                “มีอะไรอีกล่ะ” ผมทักก่อน

                “พรุ่งนี้วันเกิดชานยอลแล้วนิ >____<” อีแรดนี่ ทำอย่างกับว่าชานยอลเป็นผัวตัวเอง

                “แล้วทำไมมมมมม?”

                “ก็ไม่อะไรหรอก แค่อยากจะรู้ว่ามึงมีของขวัญอะไรให้มัน” มันพูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เอาจริงๆ คือตั้งแต่อีห่านี่เสียตัวกับจงอินไปครั้งเดียว มันแรดกว่าผมอีกนะตอนนี้อ่ะ -_-;

                “ก็...” ผมเงียบไปซักพัก
                “...”          

                “กะจะบอกรักมันน่ะ - / / / / / / / -” ความเขินทะลุปรอท TT___TT

                “ฮะ -O-?” ไอ้โด้ทวนถามงงๆ 

                “ก็อย่างที่ได้ยิน เอาจริงๆ ตั้งแต่รู้จักกันมาเรายังไม่เคยบอกรักกันเลย =___=

                “แม้แต่ชานยอลก็ไม่บอกรักมึง?”

                “เออ”

                “นี่มันอะไรวะเนี่ยยยยย O[]O!! ตอนขอเป็นแฟนกันนี่ไม่ได้พูดอะไรเลยไง๊?” โด้ทำสีหน้าตกใจมาก

                “เอออออออ เค้าเรียกว่ารู้ใจซึ่งกันและกันเข้าใจปะะะะ -_-?

                “ล... แล้ว มึงจะบอกรักมันวันเกิดนี้?”

                “อือ ก็... มันให้อะไรกูมาตั้งเยอะตั้งแยะ แต่กูไม่เคยให้อะไรมันเลย ก็เลยซื้อจี้คู่ให้แล้วก็บอกรักมันนั่นแหละ” ผมตอบพลางเกาหัวเขินๆ

                “เหยยยยยย จี้รูปอะไรวะ”

                “จี้มันเป็นตัว B จี้กูเป็นตัว C > / / / / <

                “เหยดดดดด อิแบคทุ่มทุ่นสร้างขนาดนี้ แสดงว่ามึงรักปาร์คชานยอลแล้วจริงๆ ใช่มะ >____<” 

                “อัลไลลลลล~ ก็...” ผมเขินเสียจนต้องก้มลงมองที่คีย์บอร์ดแทน “ก็เออไงงง มึงอย่าถามมากดิ๊ ความจริงแล้วตอนที่มันขอเป็นแฟนนี่กูแค่รู้สึกดีกับมันนะ”

                “...”
                “แต่ทำไปทำมามันกลายเป็นความรักไปแล้วว่ะ - / / / /- โอ๊ยเขินจัง หน้ากูแดงมากใช่มั้ย” ผมพูดไปพูดมาก็ชักจะสำลักความเขินตายห่า ผมเอามือมาถูหน้าตัวเองแก้เขิน แต่โด้กลับหัวเราะลั่น

                “ฮ่าๆๆๆๆ หน้าน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่หูเนี่ย แดงแปร๊ดดดด” 

                “เออออ เอาเป็นว่ามึงไปนอนได้แล้ว กูไม่อยากคุยกับมึงละห่า” ผมรีบบอกปัดไม่อยากคุยกับโด้ 

                “จ้าาาา ฝากบอกจงอินด้วยว่าวันนี้ไม่ต้องโง่เปิดสไกป์อีกนะ กูจะนอน” มันพูดด้วยสีหน้าเซ็งๆ คาดว่าไอ่ห่าไคมันคงจะสั่งให้โด้เปิดสไกป์แม้กระทั่งตอนมันหลับ 

                “เออๆ จะปิดล่ะน้า”

                “เออ” เมื่อมันปิดสไกป์ตัวเองไป ผมก็ปิดสไกป์บ้าง เป็นจังหวะเดียวกับที่ไอ่ไคเดินเข้ามาหา ท่าทางจะยืนมองนานแล้วแต่ไม่อยากเข้ามาเสือกเพราะกลัวโดนโด้ด่า

                “มึงคุยอะไรกับเมียกูบ้าง มีขงมีเขิน อะไรรร โด้มันแนะนำหนุ่มเมกาให้รึไง”

                “ไม่บอกเว่ย! ความลับของเราสองคน” ผมพูดแล้วยื่นโน้ตบุ๊คคืนมัน ก่อนจะกำชับสิ่งที่โด้สั่งทิ้งไว้ มันก็เลยทำหน้าเซ็งจิตเพราะอดดูโด้หลับอีกแล้ว 

                กูว่ามันชักจะเป็นผัวที่โรคจิตยังไงไม่รู้สิ =O= 55555555

**********

                “แบค เดี๋ยวนั่งรอชานตรงนี้นะ พอดีมีปัญหาเรื่องรายงานนิดหน่อย จะไปปรึกษาครูเค้า” เมื่อเลิกเรียนเสร็จ ชานยอลก็จูงผมมานั่งตรงม้านั่งหน้าคณะ ก่อนจะเดินไปที่ห้องพักครู ผมจึงหยิบชีทเรียนขึ้นมาอ่านฆ่าเวลา (แหน่ะ กูอ่านหนังสือเรียนเป็นนะเหวยยยย) 

                “เอ่อ น้องใช่บยอนแบคฮยอนรึเปล่าครับ” ยังไม่ทันจะอ่านประโยคแรกจบ จู่ๆ ก็มีผู้ชายหน้าตาดี ถือว่าหล่อชิบหายเลยแหละ ตัวสูงเป็นเปรต เดินเข้ามาทัก เขาใส่ชุดไปรเวทแต่ดูดีอย่างบอกไม่ถูก

                “อ่า ใช่ครับ มีอะไรหรอครับ”

                “พี่ชื่อคริสนะ ^___^” เขาแนะนำตัวก่อนที่จะส่งยิ้มพิมพ์ใจ “พี่เป็นญาติไอ้ชานยอลมันน่ะ พอดีพี่สืบมาว่ามันมีแฟนแล้วคือน้อง พี่ก็เลยอยากหาอะไรมาเซอร์ไพร์สวันเกิดมันหน่อย”

                “อ่า... เดี๋ยวก่อนครับ แล้วผมจะรู้ได้ไงว่าพี่เป็นญาติมันจริง” อย่างน้อยคนโง่ๆ อย่างผมก็มีตรรกะพอที่จะป้องกันตัวเองจากคนแปลกหน้านะ >___<!!

                “ฮ่าๆๆๆ แฟนน้องเราก็ฉลาดเหมือนกันนะ งั้น...” เขาพูดยิ้มๆ พลางหยิบกระเป๋าตังค์สีดำขลับขึ้นมาและหยิบรูปออกมาจากในกระเป๋า ซึ่งเป็นรูปคู่ของพี่เค้าและชานยอลที่ค่อนข้างจะใกล้ชิดกันมาก แถมยังมีรอยปากกาลายมือชานยอลเขียนไว้ด้านหลังด้วยว่า คนนี้พี่ผม!’

                “โอ้ว หลักฐานแน่นหนาดีครับ ฮ่าๆๆๆ แล้วยังไงต่อครับพี่” ผมเชื่อสนิทใจทันที ก็แหม ถ้าความจริงแล้วไม่ใช่ญาติ อย่างน้อยก็ต้องเป็นคนรู้จักกันแหละ รูปมันใกล้ชิดสนิทสนมซะขนาดนี้

                “คือตอนนี้พี่ยังไม่ได้วางแผนน่ะ เดี๋ยววางแผนเสร็จแล้วพี่จะรีบบอกเลยนะ”

                “แล้วพี่จะบอกผมทางไหน?”

                “งั้นพี่ขอไลน์ได้มั้ย? หรืออะไรก็ได้”

                “เอ่อ ผมมีแค่เบอร์โทรศัพท์ครับ พอดีชานยอลมันซื้อโนเกีย 3310 ให้ผมอ่ะ แหะๆ” ผมพูดเขินๆ พี่คริสหัวเราะนิดๆ ก่อนที่เราจะแลกเบอร์กัน

                “เอาเป็นว่า เรื่องนี้เก็บไว้เป็นความลับนะ พี่พึ่งกลับจากแคนาดา ไม่อยากให้มันรู้ว่าพี่กลับมาแล้ว” พี่คริสกำชับ ผมจึงพยักหน้ารับคำและเราก็บอกลากัน อืม... เป็นการรู้จักคนแปลกหน้าที่รวดเร็วดีนะ หรือเพราะพี่เค้ารู้จักกับชานยอล ทำให้เรารู้สึกสนิทขึ้นมาอัตโนมัติ?

                “แฮ่กๆ ครูไม่อยู่แฮะ ไว้วันหลังชานมาใหม่ดีกว่า” ขณะที่ผมกำลังเหม่อลอยคิดเรื่องพี่คริสอยู่ ชานยอลก็วิ่งเข้ามาพร้อมหอบแฮ่กๆ 

                “อ่า โอเค” ผมตอบเกร็งๆ เพราะนึกถึงเซอร์ไพร์สที่พี่คริสทิ้งไว้ แต่เหมือนมันจะไม่รู้เรื่องอะไร ชานยอลคว้ากระเป๋าของผมไปถือพลางยิ้มให้อย่างใจดี

                เฮ้ออออออ น่ารักอย่างงี้ไม่ให้รักตอบได้ไง > / / / / / <

**********

                “อ่ะ” ผมยื่นป๊อปคอร์นใส่ปากชานยอลขณะที่เรามานั่งดูหนังกันที่บ้านของผม วันนี้แม่ผมไม่อยู่ เหมือนจะไปสัมมนาที่ไหนซักที่ ชานยอลก็เลยมานอนค้างที่บ้าน

                “เมื่อยแขนมั้ย นั่งซะไกลเลย” ชานยอลหันมาพูดเพราะมันนั่งซะริมซ้าย ส่วนผมก็นั่งซะริมขวา

                “ไม่เมื่อยหรอก เอ้า” ผมพูดตอบพลางยื่นป๊อปคอร์นใส่ปากมันอีก แต่ตาก็ยังคงมองไปที่โทรทัศน์ มันจึงเขยิบเข้ามาใกล้ก่อนจะเอาแขนมาพาดไว้บนบ่าของผม

                “แบบนี้ดีกว่าเนอะ ^^” มันพูดก่อนจะหันมายิ้มให้ผม 

                “อือ - / / -” ผมตอบเขินๆ ก่อนจะหยิบป๊อปคอร์นใส่ปากมันอีก

                “อร่อยจังเลยย >___<” ชานยอลพูดก่อนจะกอดผมแน่นขึ้นไปอีกจนสุดท้ายหัวผมก็ไปอยู่ที่อกมันพอดิบพอดี ทำไงดีวะ เขินชิบหายเลย T / / T

                “ชานยอลอ่า... มัน...”

                “หืม? อึดอัดไปหรอ O_O!?” มันร้องลั่นก่อนจะปล่อยผมทันที
                “ป... เปล่า มัน...”
                “...”

                “มันเขินน่ะ T / / / T” ผมตอบพลางทำหน้าจะร้องไห้แต่หน้าร้อนชิบเป๋ง T__T ชานยอลจึงหัวเราะออกมาแล้วกลับมากอดผมเหมือนเดิม

                “ฮ่าๆๆๆๆ คิดว่าชานทำแบบนี้ชานไม่เขินใช่มั้ยหืม - / / -” ชานยอลพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า นี่เราจะเขินกันไปเขินกันมาแบบนี้อีกนานมั้ย 

                ครืดดดดดด
                โทรศัพท์ผมสั่น

            พี่คริส

                “อ๊ะ! ขอออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกแป๊บนึงนะ ไม่ต้องหยุดหนังนะ ดูต่อเลย” ผมพูดพลางลุกขึ้นมาจากโซฟาแล้วเดินออกมาคุยข้างนอก

                “ฮัลโหลครับพี่คริส”

                (อ่า แบคฮยอน พี่นึกอะไรเด็ดๆ ออกแล้วล่ะ) 

                “ว่ามาเลยครับพี่”

                (เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะพาแบคฮยอนมาบ้านพี่นะ ประมาณว่าให้แบคฮยอนหนีมันมาเลย ทำเป็นโกรธกันไปเลยก็ได้ เสร็จแล้วพี่ก็จะให้แม่พี่โทรหามันบอกว่าให้มาที่บ้านพี่คริส พอมันมาถึงเราก็โผล่หน้าออกมาเซอร์ไพร์ส! โอเคมะ?) 

                “อ่า... ตกลงครับ แต่พรุ่งนี้ผมมีเรียนถึงบ่ายสี่นะ” ผมตอบแบบงงๆ เพราะแผนเซอร์ไพร์สนี่ก็ไม่เห็นจะน่าสนใจตรงไหน แต่เอาเถอะ เขาอยากเล่นของเขาล่ะ -_-; ผมก็เลยต้องยอมทำตามอย่างเสียไม่ได้

                (อ่า ดีเลย! เดี๋ยวพี่ขับรถไปรับที่มหาลัยแล้วกันนะ แค่นี้นะ)

                “ครับๆ -_-;” ผมยังคงตอบรับแบบงงๆ นี่ถ้าโด้อยู่เกาหลีผมจะโทรไปปรึกษามันทันที TOT แต่นี่ไม่มีใครเลย ไอ่ห่าจงอินวันๆ ก็เอาแต่เพ้อถึงเมียตัวเอง ไอ่ฮุนไม่ต้องพูดถึง เดี๋ยวนี้คิดถึงคำพูดกวนตีนของมันชิบเป๋ง พี่ลู่หรอ... พี่เค้าจะรู้เรื่องมั้ยเนี่ย -_-; ปรึกษาตัวเองดีกว่า...

                เออ เอาแบบนี้แหละ
                พรุ่งนี้เซอร์ไพร์สชานยอลกับพี่คริสก็ได้วะ




วันรุ่งขึ้น

                วันนี้ชานยอลหยุดเรียนเพราะที่บ้านจัดปาร์ตี้วันเกิดคุณชาย มีแขกรวยๆ มาเยอะแยะมากมาย แล้วงานก็มีตั้งแต่บ่ายโมงยันหนึ่งทุ่ม -_-^ มันโทรมาชวนพวกเราด้วยแต่เนื่องจากความจนเข้าครอบงำเลยไม่กล้าไป ก็เลยจองตัวมันวันพรุ่งนี้แทน ผมเลยไม่ได้ทำตามแผนพี่คริสที่บอกว่าให้ทำเป็นงอนชานยอล แต่ก็เอาเถอะ ผมยิ่งเล่นละครไม่ค่อยเก่งอยู่ เดี๋ยวชานยอลจับไต๋ได้ซวยเลย T^T

                “กูกลับก่อนนะ” ผมบอกไคกับเซฮุนก่อนจะลุกขึ้นยืน 

                “รีบกลับไปอาบน้ำปะแป้ง ผูกโบว์ตัวเองเป็นของขวัญวันเกิดชิมิคร๊ะ?” ไอ่ห่าจงอินทักขึ้น

                “หยาบคายนะมึงงงง -_-^ ไม่มีผูกโบว์อะไรทั้งนั้นแหละ” 

                “แล้วมีอะไรให้มันวะ บอกพวกกูได้ปะ” ไอ่ฮุนหันมาถาม ผมจึงหยิบกล่องจี้ในกระเป๋าแล้วเปิดออก

                “ก็แค่... กูใส่จี้ตัว C มันใส่จี้ตัว B แค่นั้นแหล๊ะะะ~ >___<” ผมพูดก่อนจะรีบปิดกล่องจี้นั้นใส่กระเป๋า

                “โหอีเหี้ย กูยังไม่เห็นแม้กระทั่งประกายเพชรของจี้มึงเลย มึงจะรีบปิดไปไหนเนี่ย!” ไอ่จงอินด่า

                “เออน่ะๆๆๆ รีบไปละ บายๆๆๆ” ผมรีบตอบเพราะตอนนี้ก็สี่โมงเย็นกว่าแล้ว พี่คริสคงจะมารอรับอยู่ที่หน้ามหาลัยแล้วล่ะ ผมจึงรีบเดินออกจากห้องเลคเชอร์และเดินไปที่ลานจอดรถ ก็เห็นพี่เค้ากำลังนั่งใส่แว่นกันแดดอย่างเท่ๆ อยู่ -.,- พวกผู้หญิงนี่เดินผ่านแล้วสกรีมกันลั่น555555

                “เอ่อพี่คริสครับ หวัดดีครับพี่” ผมเดินเข้าไปทักด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ พี่เค้าเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะยิ้มที่ทำให้พวกผู้หญิงแถวนั้นสกรีมหนักกว่าเดิม =[]=

                “แบคฮยอนอ่า ^___^ รีบไปกันเถอะ” พี่คริสตั้งท่าจะเปิดประตูรถให้ผม แต่ผมก็รีบปฏิเสธแล้วเปิดเอง ก่อนจะเข้าไปนั่งในรถหรูที่บอกได้เลยว่า... เป็นรถทางยุโรป T^T โถ รถไอ้ฮุนจากญี่ปุ่นนี่กากขึ้นมาทันใด 

                “แล้วแบคฮยอนมีอะไรให้ชานยอลมันรึเปล่า” เมื่อขับรถออกไปได้ซักพัก พี่เค้าก็เริ่มชวนคุย

                “ก็มีครับ แหะๆ ^^; แต่ผมไม่บอกพี่หรอกนะ ของแบบนี้มันต้องเป็นความลับ” ผมหันกลับไปตอบยิ้มๆ แต่ก็ยังคงรู้สึกเกร็งอยู่ดี หรือเพราะว่าพี่เค้าหล่อเกินไป -_-? ไม่เกี่ยวหรอกเนอะ

                “โอเค...”
                “...”

                “เซอร์ไพร์สที่พี่จะให้ชานยอล พี่ก็บอกแบคฮยอนไม่ได้เหมือนกัน หึ...”

                เหมือนกูจะได้ยินพี่เค้าหัวเราะเย้ยหยันใช่ม้อย TOT?
                ห... หูฝาดม้างงงงงง~

                ซักพักพี่คริสก็มาจอดอยู่ที่หน้าบ้านหรูแห่งหนึ่ง (แต่ก็ยังใหญ่ไม่ถึงครึ่งของชานยอลหรอกนะ แบร่) พี่เค้าตั้งท่าจะวิ่งมาเปิดประตูรถให้อีกแล้วแต่ผมก็เปิดออกไปเอง และยิ้มให้พี่เค้าแบบประมาณว่า อย่ามายุ่งกับผมมากนักเล้ย ผมมีผัวแล้วว5555

                “แม่ นี่แบคฮยอน เพื่อนสนิทชานยอลมันน่ะ ^^” เมื่อเข้าไปในตัวบ้านก็เจอหญิงวัยกลางคนกำลังนั่งถักโครเชต์อยู่บนโซฟาหน้าโทรทัศน์ ผมโค้งคำนับให้แม่พี่คริสครั้งหนึ่งก่อนจะยิ้มให้ แต่ใบหน้าของแม่พี่คริสดูฉงนกับคำว่า ชานยอล

                “ชานยอลหรอลูก O_O? นี่พวกลูก...”

                “เอาหน่าแม่... อย่าไปย้อนความหลังเลย เดี๋ยวผมจะเซอร์ไพร์สวันเกิดมันซักหน่อย ^___^ หาข้าวเย็นให้น้องเค้ากินด้วยนะ” พี่คริสพูดพลางพาผมไปนั่งบนโซฟา ก่อนที่ตัวเองจะเดินขึ้นไปบนห้อง แม่พี่คริสจึงเดินหายเข้าไปในครัว

                มันชักจะนานไปมั้ยนะ -*- ถึงขั้นต้องกินข้าวเย็นที่นี่เลยหรอ
                เอาเถอะ ยังไงปาร์ตี้วันเกิดชานยอลก็เลิกหนึ่งทุ่มอยู่แล้ว




หนึ่งทุ่มกว่า

                ผมยอมรับว่าพี่คริสและแม่พี่คริสชวนผมคุยซะเยอะแยะเหมือนเราสนิทกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน จนผมคุยเพลินและรู้สึกสนิทสนม

                “แบคฮยอนอ่า เล่นเกมกันมั้ย?” หลังจากที่แม่พี่คริสขอตัวไปล้างจาน ซึ่งผมจะตามไปช่วยแล้วนะ! แต่แม่บอกว่าไม่ต้อง ผมก็เลยต้องนั่งแกร่วอยู่ที่ห้องนั่งเล่นกับพี่คริสสองคน               

                “เกมอะไรล่ะครับ?”

**********

            ~ชานยอลอ่า รับโทรศัพท์ด้วยยยยยย รับเลยยยยย~
            ‘Unknown’

                “ใครกัน” ชานยอลในชุดสูทที่หล่อชิบหายวายวอดมองไอโฟนตัวเองงงๆ ก่อนที่จะรีบรับโทรศัพท์เพราะเสียงริงโทนแบคฮยอนกำลังดัง แขกที่มาร่วมงานวันเกิดมองชานยอลด้วยสายตายิ้มๆ แต่ก็ไม่ได้แซวอะไร

                “ฮัลโหลครับ”
                (คิกๆๆๆ พี่คริสอ่ะ... ไม่เอาอย่างนี้สิ ฮ่าๆๆๆๆ) 

                เสียงใคร... คุ้นจัง...

                “ฮัลโหล... นั่นใครครับ...” เขายังคงข้องใจเพราะปลายสายพูดอะไรแปลกๆ
                (พี่คริสสสสส... ไม่เอาตรงนั้นนะ อย่าครับพี่... อื้อหือ...)

                “อะไรวะ” เขาสบถออกมาก่อนที่จะตั้งท่าจะวางสาย แต่ก็ได้ยินคำๆ หนึ่งที่ทำให้หยุดโลกของปาร์คชานยอลได้ทั้งใบ

                (แบคฮยอนอ่า นายคิดดีๆ นะ นายจะเอาตรงนี้จริงๆ หรอ)

                บ... แบคฮยอน!

                (นี่มันครั้งแรกของผมนะ พี่ก็ออมมือให้นิดนึงสิ)

                “บ... แบค! แบค!” ชานยอลตะโกนเรียกชื่อคนรักใส่ไอโฟนอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจแขกเหรื่อที่เริ่มมองชานยอลอย่างประหลาดใจ แบคฮยอนกำลังทำอะไรกับใครอยู่!!? เกิดอะไรขึ้นกันแน่!!?

                (อ่า... ที่แน่ๆ แบคฮยอนก็เลิกเรียกพี่ว่าคริสได้แล้วนะ)

                “...” เขาตั้งใจฟังในสิ่งปลายสายกำลังพูด ซึ่งเหมือนกับหลอกล่อให้เขาฟัง

                (เรียกพี่ว่า อี้ฟาน โอเคมั้ย?)

                อี้ฟาน!!!

                เดี๋ยวก่อน...
                ถ้าอี้ฟานที่เลวสุดขั้วในชีวิตของปาร์คชานยอลก็มีอยู่คนเดียว...

                อู๋อี้ฟาน!!!

                “โธ่เว๊ย!!” เขาตะโกนลั่นอย่างหัวเสีย ป้ามุนอาผู้ซึ่งไม่เคยเห็นคุณชายชานยอลอารมณ์เสียมาก่อนจึงรีบปรี่เข้ามาหา

                “มีอะไรคะคุณชาย”

                “เลิก!!! งานเลี้ยงเลิกได้แล้ว!!” ชานยอลตะโกนลั่นอย่างอารมณ์เสียจนแขกเหรื่อตกใจกันยกใหญ่ ป้ามุนอาจึงรีบยิ้มให้แขกเหล่านั้นก่อนจะพูดว่า

                “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ^^ เชิญตามสบายนะคะ” จากนั้นก็รีบพาชานยอลไปที่ห้องนอนของชานยอลเพื่อให้คุณชายได้สงบสติอารมณ์ แต่เจ้าตัวกลับโมโหงุ่นง่านและอยู่ไม่สุข

                “อี้ฟาน!! อี้ฟานอีกแล้ว! มึงจะมายุ่งอะไรกับชีวิตกูนักหนาวะ”

                “คุณชายพูดไม่ดีเลยค่ะ อย่าพูดแบบนี้สิคะ” ป้ามุนอารีบตักเตือนเมื่อเห็นว่าคุณชายหลุดคำหยาบออกมา

                “ไม่ให้ผมพูดได้ไงครับป้า! ผมไม่เคยแย่งแฟนมันแต่มันก็มาหาว่าผมแย่ง! แล้วนี่อะไร! มันกำลังทำอะไรแบคฮยอนอยู่ก็ไม่รู้” ชานยอลพยายามที่จะระงับอารมณ์ของตัวเองเพราะไม่อยากทำให้ป้ามุนอาผิดหวัง 

                “แล้วคุณชายแบคฮยอนเป็นแฟนกับคุณหนูหรอคะ O_O!?” นั่นไง... เหมือนเขาจะหลุดพูดอะไรออกไป

                “อ่า... ครับ ที่ผมเคยแนะนำป้าว่าไม่ใช่เพื่อนแต่ก็ไม่ใช่แฟนน่ะ ตอนนี้เป็นแฟนกันแล้วครับ” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ชานยอลก็ดูจะสงบลง 

                “ป้าดีใจด้วยนะคะ ^^ แต่คุณชายต้องระงับอารมณ์ก่อนนะคะ รอให้งานวันเกิดเลิกก่อนดีกว่านะ”

                “ก็เรานัดถึงแค่ทุ่มนึงไม่ใช่หรอครับ แล้วนี่ก็ทุ่มกว่าแล้ว เลิกได้แล้วครับ ผมจะไปเอาตัวแบคฮยอนกลับมา” เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก ไม่ว่าแขกเหรื่อจะไฮโซหรือจะเป็นเศรษฐีขนาดไหน แต่ก็ไม่มีใครสำคัญเท่าแบคฮยอน

                “แล้วคุณชายจะไปหาคุณชายแบคฮยอนที่ไหนล่ะคะ”

                “ผมจะดูพิกัด GPS” ชานยอลพูดขึ้นก่อนจะรีบเปิดไอโฟนตัวเองและหาพิกัด GPS ของเบอร์โทรศัพท์ล่าสุดอย่างคล่องแคล่วโดยใช้แอพ Google Latitude

                “คุณชายคะ...”

                “หึ... บ้านมันนี่เอง”


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น