วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

fckmerakme : 2 OH GOD! How beautiful HE is!




2

OH GOD! How beautiful HE is!



                “เคะพ่องงงงงง!” ด้วยความปรี๊ดแตก แบคฮยอนก็ถึงกับลุกขึ้นตะโกนเสียงดัง (ตามปกติที่มันชอบทำ) คนแถวนั้นจึงมองมากันใหญ่เพราะประโยคที่ตะโกนมันไม่ธรรมดาอ่ะดิ๊~

                “อะแฮ่มแคะพ่อง! กูไม่ได้แคะขี้มูก สัส!” ด้วยความเขินอายจึงเปลี่ยนสระเอ เป็น สระแอ แทน -*- แต่นั่นยิ่งทำให้ชานยอลฮาหนักไปอีก

                “ฮ่าๆๆๆ ก็ได้ครับก็ได้ เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลาเนอะ ^__^

                “ใช้เวลาหาเตี่ยมึงสิครับ เรื่องแบบนี้มันถูกกำหนดมาจากเบื้องบนแล้วว่าใครมันจะเป็นฝ่ายไหนต่างหาก” ว่าพลางตักต๊อกโบกกีเข้าปาก โดยไม่รู้เรื่องเลยว่ามีใครกำลังนินทาถึง...

                “มึง... กูไม่รู้ว่าไอ้หมาแบคมันบ้าหรือมันควายวะ มันบอกว่าไม่ชอบไอ้เอ๋อนั่น แต่แม่งก็ยังนั่งร่วมโต๊ะได้ตั้งนาน” เซฮุนผู้ยืนมองเหตุการณ์ตั้งแต่แรกแอบกระซิบกับไคเบาๆ

                “เออมันบ้า แต่ก็ไม่แน่หรอก มันอาจจะถูกใจไอ้เอ๋อนี่โดยไม่รู้ตัวแล้วก็ได้ ฮ่าๆๆๆ” เมื่อไค, เซฮุนและคยองซูซื้ออาหารเสร็จก็รีบมานั่งที่โต๊ะทันที ไม่ใช่อะไร... อยากจะรู้ว่าไอ้สองคนนี้มันจะจีบกันอีกนานไหม

                “ไอ้สัสชานยอล กูบอกมึงแล้วว่ากูเป็นเมะไงวะ กูบอกมึงรอบที่ร้อยแล้วเนี่ย” ประโยคแรกที่ได้ยินจากปากแบคฮยอนก็เกือบเอาทำขำกลิ้ง เพื่อนเหี้ยทั้งสามไม่เข้าใจเลยว่า คนที่ความอดทนน้อยอย่างแบคฮยอนทำไมถึงได้นั่งกับคนบ้าๆ บอๆ อย่างชานยอลได้นานขนาดนี้

                “ผมก็จะพูดไปเรื่อยๆ อ่ะครับ จนกว่าแบคฮยอนจะใจอ่อน ^^” 

                “พวกมึงจะจีบกันอีกนานมั้ยวะ?” ไคถามด้วยน้ำเสียงขำๆ

                “นานครับ จะจีบจนกว่าแบคฮยอนจะเป็นเคะ” ชานยอลตอบยิ้มๆ 

                “โถ ไอ้หอยสังข์ชานยอล ชาตินี้กูไม่มีวันจะเป็นเคะ และแม้ว่าจะต้องมีเหตุการณ์ที่ทำให้กูต้องเป็นเคะ กูก็จะไม่เป็นให้มึง เข้าใจ๊?” แบคฮยอนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เขาคงจะชินเสียแล้วที่จะต้องตอบชานยอลด้วยประโยคซ้ำๆ ซากๆ

                “เออ กูลืมบอกมึงว่ากูชื่อไค นี่ชื่อโด้หรือคยองซู แล้วไอ้ห่าหน้าหล่อนี่ก็ชื่อเซฮุน” ไคแนะนำตัว ชานยอลมองทุกคนยิ้มๆ ก่อนจะเมมโมรี่ชื่อเพื่อนใหม่อย่างรวดเร็ว

                “เอ่อ... ชานยอล ^^ กินข้าวด้วยได้ปะวะ?” จู่ๆ บรรยากาศรอบโต๊ะก็พลันเงียบไปเมื่อได้ยินเสียงเล็กๆ แต่ทำเป็นเข้มของบุคคลผู้มาใหม่ ตัวเล็กๆ ที่มาพร้อมกับตากลมโตนั่นทำให้ทุกคนหยุดจับจ้องทันที 

                กูดูปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นเคะ!!

                “อ้าว! พี่ลู่หาน! โหย ทำไมเมื่อเช้าเราไม่มาพร้อมกันล่ะเนี่ย? นั่งเลยพี่ๆ นี่เพื่อนใหม่ผม” ชานยอลต้อนรับเป็นอย่างดีแบบนี้ ยิ่งทำให้คนทั้งโต๊ะสงสัยหนักขึ้น

                “สวัสดีทุกคน พี่ชื่อเสี่ยวลู่หานนะ อยู่ปีสี่ คณะนิเทศ ^^” บุคคลผู้มาใหม่แนะนำตัวกับทุกคน ทุกคนจึงแนะนำชื่อตัวเองอีกครั้ง

                “พี่เป็นอะไรกับไอ้ฟันเยอะหรอครับ?” แบคฮยอนถาม

                “แน่ะ อีแรดนี่ ปากบอกว่าเกลียดมันแต่เสือกซะจริง” ไคแซว แต่พอคนอื่นได้ยินก็นึกขึ้นได้ว่าจริงของไอ้ไคมัน

                “ฮ่าๆๆ แฟนมึงหรอวะชาน? พอดีว่าพี่เป็นเพื่อนบ้านน่ะ เป็นคนจีนแต่ว่ามาเรียนที่นี่ตั้งแต่มัธยม ก็เลยไปโรงเรียนพร้อมชานยอลมัน” เนื่องด้วยความที่เป็นคนไม่ซีเรียสจึงมองว่าเพื่อนใหม่ชานยอลก็คือน้องๆ คนใหม่ของเขาเอง ทำให้ทุกคนรู้สึกสบายใจที่ได้รู้จัก แต่มีอยู่คนนึงเนี่ยสิ...

                “แล้วพี่มานั่งด้วยทำไม?” เซฮุนนั่นเอง เขาพูดด้วยประโยคที่ไม่มีคำหยาบแต่มันไม่มีความสุภาพเลยแม้แต่น้อย และนั่นทำให้ทุกคนหันไปมองหน้ามันด้วยความตกใจ แต่ลู่หานกลับพูดออกมาอย่างยิ้มแย้มหน้าตาเฉย

                “ฮ่าๆๆ พี่เห็นว่าวันนี้เป็นวันเรียนวันแรกของน้องข้างบ้าน พี่ก็เลยอยากมาทำความรู้จักเพื่อนๆ มันน่ะ กินข้าวกันๆ เย้!” ลู่หานลงมือกินข้าวในจานตัวเองทันทีโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

                “มึงพูดแบบนั้นได้ไงไอ้ฮุน ถ้าพี่เค้าไปแล้วกูจะเตะปากมึง” คยองซูกระซิบ

                “ไม่ใช่อย่างนั้น!” เซฮุนร้องลั่น ทำเอาทุกคนตกใจอีกครั้งว่ามันจะปากหมาอะไรอีก “กูแค่ถามพี่เค้าว่าที่เค้ามานั่งด้วยน่ะเพราะสนใจกูรึเปล่า แค่นั้นเอง”

                เหวอหนักกว่าเดิมอีก ไอ้สัสฮุนนนน!!!

                “เอ่อ... เซฮุนครับ นี่พี่ข้างบ้านผมนะ ใจเย็นๆ ไว้ก่อน อย่าพึ่งเงี่ยน” ชานยอลหันมาบอกเซฮุน

                “สัส กูยังไม่เงี่ยน แต่ดีละ กูจะไปรับไปส่งมึงทุกวันเลย บ้านมึงอยู่ไหนบอกกูมาไอ้ชานยอล” เซฮุนพูดด้วยน้ำเสียงเพลย์บอยสุดๆ ทำเอาลู่หานเฉหน้าไปอีกทางด้วยความอยากจะอ้วกแตก

                “ไอ้โง่เซฮุน มึงมีรถไง๊สัส?” ไคเตือนสติ เขาพึ่งจะอายุสิบแปดหมาดๆ แต่เรื่องการหัดขับรถนี่ยังไม่ได้เริ่มหัดเลยด้วยซ้ำ 

                “เออน่ะ เดี๋ยวกูนั่งแท๊กซี่ไปส่ง” เซฮุนยังคงตอบหน้าตาย 

                “เอ่อชานยอล พี่ว่าพี่ไปก่อนดีกว่านะ ^^; เดี๋ยวจะเป็นการรบกวนเพื่อนมึงเปล่าๆ” ลู่หานเตรียมลุกขึ้น แต่ก็ถูกเซฮุนจับข้อมือบางไว้ก่อน

                “เดี๋ยว! ผมไปด้วย ~_~” เซฮุนเก๊กหน้าเข้มก่อนจะลุกบ้าง ทำเอาเพื่อนที่เหลือหน้าเหวอกันไปเป็นแถบๆ แม้กระทั่งลู่หานก็หันมาทำหน้าขอร้องทุกคนให้ช่วยเหลือ

                ช่วยพี่ด้วยทู้กค๊นนนนนนเนื่องด้วยไม่อยากจะออกเสียง จึงทำได้ปากออกมาเป็นคำพูดได้แค่นี้

                “เอ่อ ไอ้ฮุน พี่เค้ารีบน่ะ มึงน่ะรีบมากินได้แล้ว” คยองซู (ผู้แสนดี) รีบแกะมือเซฮุนออกจากข้อมือของลู่หานก่อนที่จะกดตัวมันให้ลงมานั่งตามเดิม แต่ ณ ตอนนี้ อีนังโอเซฮุนกลับเป็นดั่งโคลงสอนใจของไทยที่กล่าวไว้ว่า...

ความรักเหมือนโคถึก      กำลังคึกผิขังไว้
ก็โลดจากคอกไป               บ่ ยอมอยู่ ณ ที่ขัง (เกี่ยวไหม?)

                “สัสโด้ ปล่อยกู ไปกันเถอะพี่ลู่หาน พี่กินอะไรเป็นอาหารหรอ ทำไมสวยขนาดนี้ พี่...” แล้วมันก็คว้าข้อมือลู่หานไปเฉยๆ! แล้วก็เดินหายไปด้วยกันทั้งคู่โดยเซฮุนยิงคำถามใส่ลู่หานไม่หยุดหย่อนทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้ตอบซักคำถามเดียว

                “นั่นไง เพราะมึงอีกละไอ้ฟันเยอะ เพราะมึงรู้จักพี่ลู่หาน ทำให้พี่ลู่หานเดินมาโต๊ะนี้แล้วไอ้เซฮุนก็เลยชอบพี่เค้า” แบคฮยอนได้ทีรีบด่าชานยอลก่อน

                “ขอโทษครับ” และนั่นก็ทำให้แบคฮยอนเซ็งตามเคย ไม่ว่าจะด่ามันหรือโบ้ยความผิดอะไรมันก็จะขอโทษตลอด ไม่ได้คิดจะเถียงเล้ยยยยยย -_-;;
 
                ตะดึ๊ง!
 
                “...” เสียงข้อความจากมือถือใครไม่รู้ แต่ทุกคนก็ยังคงไม่สนใจ

                ตะดึ๊ง!
                ตะดึ๊ง!
                ตะดึ๊ง!

                “ของใคร?” คยองซูเงยหน้าจากจานข้าวขึ้นมาถามด้วยความหงุดหงิด ไคจึงหยิบขึ้นมาดู จริงๆ แล้วเขาก็รู้แหละว่าเป็นของเขา แต่ไม่คิดว่ามันจะดังต่อเนื่องขนาดนี้

                “ใครวะ?” แบคฮยอนถามด้วยความช่างเสือก

                “กิ๊กใหม่กู 555” ไคตอบสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนที่จะอ่านข้อความไปยิ้มไป

                “สัส ไม่เคยจะเล่าอ่ะ” แบคฮยอนพูดหน้างอนก่อนที่จะหันไปอีกทาง     
        
                “โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะ ผมมาง้อแล้ว” ชานยอลเอามือไปลูบที่คางของแบคฮยอนอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส

                “โถไอ้นี่ กูงอนไอ้จงอิน ไม่ได้งอนมึงเว้ยยยยย!!” หันไปด่าชานยอลก่อนที่จะไปสนใจไคต่อ “ไอ้สัสจงอิน ตกลงว่าใคร บอกกูมา”

                “โห เรียกชื่อเต็มเลยหรอจ๊ะหมาแบค บอกก็ได้ๆ รุ่นน้องที่โรงเรียนเก่าเราไง ชื่อลีแทมิน” ไคตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน

                “คนนี้จริงจังหรอวะ ยิ้มซะ” แบคฮยอนยังคงถาม

                “ก็ไม่เชิงหรอก เค้าจริงจังกับกูก่อน กูก็เลยต้องจริงจังกลับ -_-^

                “เดี๋ยวนะ ใช่ลีแทมินที่ชอบทำตัวแอ๊บแบ๊วไปวันๆ ปะวะ” 

                “โหย มึงก็พูดซะเค้าเสียเลย น้องเค้าแค่ใสซื่อ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหอะ นี่เค้ายัง   ซิงอยู่เลยนะ เค้าบอกว่ารอกูเป็นคนเปิด อิอิ” ไคพูดก่อนที่จะก้มหน้ามองมือถืออีกครั้ง แล้วก็ลุกพรวดทันที

                “ไปละ วันนี้น้องเค้าเลิกเที่ยง เดี๋ยวกูไปรับก่อน” พูดจบก็ลุกไปทันทีโดยไม่ได้ฟังคำร่ำลาของเพื่อนเลยซักคน

                “โด้ ลีแทมินนี่มันแรดมากเลยไม่ใช่หรอ? ทำไมไอ้ไคมันเอาเข้าไปได้วะ?” เมื่อเพื่อนไม่อยู่ แบคฮยอนก็รีบถามคำถามที่อยากรู้ทันที

                “เฮ้อ... กูบอกไอ้ไคมาล้านรอบละว่าแทมินมันแรด มันไม่ได้ซิงอย่างที่เจ้าตัวบอก แต่มันก็ไม่เชื่อกู” คยองซูพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย แต่ในใจเบื้องลึกของเขานั้น... เจ็บราวกับโดนมีดกรีดแทง

                “ทำไงล่ะ ปล่อยมันไว้อย่างนี้หรอ? กูไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ เคยคบกับคนอื่นก็ทำหน้าเซ็งๆ แต่รอบนี้ยิ้มแย้มแจ่มใส กูกลัวว่ามันจะโดนหลอกอ่ะดิ” แบคฮยอนทำสีหน้าเคร่งขรึม

                “แปะๆๆๆ” เสียงชานยอลปรบมือดังขึ้นแทรกบรรยากาศที่เคร่งเครียด ทำเอาแบคฮยอนต้องหันไปด่า

                “มึงปรบมือทำไมไม่ทราบวะ หัดดูบรรยากาศบ้างดิ๊”

                “ก็แบคฮยอนพูดโคตรเท่เลยอ่ะครับ ผมชอบ ” ชานยอลพูดด้วยน้ำเสียงยิ้มแย้มและเหม่อลอยออกไปบนฟ้าไกลตามสเต็ปเด็กเอ๋อ แบคฮยอนถอนหายใจด้วยความเหนื่อยใจกับความเอ๋อของชานยอล ก่อนที่จะหันไปเครียดกับคยองซูต่อ

                “มึงช่วยปรามๆ มันหน่อยดิวะ”

                “แบค กูปรามมันจนกูจะโดนมันเกลียดอยู่แล้ว ปกติเราต้องนอนด้วยกันทุกคืน แต่หนึ่งเดือนมานี่มันมานอนนับครั้งได้ กูเกือบจะ...” คยองซูเงียบลงทันทีราวกับหลุดพูดอะไรออกมา           

                “เกือบจะอะไร?”

                “เปล่า... ก็แค่เกือบจะด่ามัน แต่กลัวมันด่ากลับแค่นั้นเอง” พูดไปสิคยองซู... ว่าเราเกือบจะร้องไห้ที่ต้องนอนคนเดียวแบบนั้น ทำไมไม่พูดล่ะ

                “เออแล้วไป... อย่าไปด่ามันมากเลย คนมีความรักบังตาก็อย่างนี้แหละ เฮ้อ” แบคฮยอนว่าพลางเขี่ยต๊อกโบกกีเล่น เรื่องของไคทำให้เขาเครียดและเริ่มขี้เกียจจะเรียนวิชาตอนบ่ายเสียแล้ว

                “โด้ กูกลับก่อนแล้วกันนะ มึงนั่งเรียนกับไอ้ฟันเยอะไปละกัน” 

                “อือ” แบคฮยอนเองก็ไม่ได้สังเกตว่าคยองซูเงียบลงไปถนัดตา เขาจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างเมื่อยล้าและสะพายกระเป๋าใบเก่งออกไปจากโต๊ะ

                “ไปด้วยยยยยย!” เสียงของไอ้เอ๋อจอมกวนประสาทดังขึ้น พร้อมกับเกาะหลังแบคฮยอนอย่างน่ารัก

                “มึงไปเรียนกับไอ้โด้มันดิวะ เดี๋ยวมันเหงา กูอุตส่าห์ไว้ใจมึงนะชานยอล” แบคฮยอนตัดสินใจลองพูดประโยคน่ารักๆ ใส่ชานยอล อยากรู้ว่าปฏิกิริยาตอบรับจะเป็นอย่างไร

                “แบคฮยอนไว้ใจผมด้วยหรอ O[]O!!? จริงอ่ะ!! จริงๆ นะ” นั่นไง... กูว่าแล้วว่าไอ้ชานยอลมันต้องคล้อยตาม ถ้าเช่นนั้นก็ต้องเล่นต่อ...

                “เออดิ กูไว้ใจมึง ไปเรียนกับมันเดี๋ยวนี้เลย”

                “ไม่ต้องหรอกแบค กูเรียนคนเดียวได้ เดี๋ยวเซฮุนมันก็คงจะมาเรียนแหละ ชานยอล มึงไปกับแบคมันเหอะ” แล้วคยองซูผู้แสนดีก็กลายเป็นสัสโด้ของแบคฮยอนอีกครั้ง -_-^ หลังจากได้ยินคำพูดของคยองซู แบคฮยอนก็ชักสีหน้าทันที

                “ก็ได้ ในเมื่อคยองซูขอมา ผมก็จัดให้ ไปกันเถอะครับแบคฮยอน” ชานยอลดันหลังแบคฮยอนที่กำลังเซ็งเป็ดให้ออกตัวเดิน และเมื่อทั้งคู่เดินออกไปไกลจนลับสายตาแล้ว คยองซูก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่... จะทำยังไงดี? เขาจะทำยังไงกับรักครั้งนี้ดี

                เพื่อนรัก รักเพื่อน แบบนี้เนี่ย!!



มาพูดด้านลู่หานกันบ้าง...

                เอาล่ะ ผมออกตัวก่อนเลยว่าผมเป็นรุ่นพี่... ที่ถึงแม้จะจน กินแกลบไม่เว้นแต่ละวัน แต่หน้าตาผมก็น่ารักราวกับตุ๊กตาเท็ดดี้แบร์นะครับ เอาเถอะ เห็นอย่างนี้ ผมก็เป็นผู้ชายทั้งแท่ง! มีบ้างที่ผมจะเผลอใจไปชอบผู้ชายด้วยกันเอง - / / - แต่ผมไม่เคยโดนแบบนี้นี่หว่า -O-!!

                “ตกลงว่าพี่กินอะไรเป็นอาหาร ผมถามพี่เป็นรอบที่ร้อยแล้วนะ” ไอ้โอเซฮุน ผู้ชายหื่นกามข้างๆ ผมเนี่ย ตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับมันเมื่อสิบห้านาทีที่แล้ว มันก็เอาแต่ตั้งคำถามกวนประสาท+หื่นจิตตลอดเวลา         

                “กูกินข้าว” 

                “โถ ขึ้นกูมึงอีกแล้วอ่ะ เดี๋ยวตีปากแตกเลยนะ ไม่ดีไม่เอา อย่าพูด ><” มันทำหน้าแอ๊บแบ๊วควีโยมี ซึ่งมันคงคิดว่าจะทำให้ผมใจเต้นแรงขึ้นมาได้บ้าง แต่ก็ไม่เลย! เพราะผมทำเก่งกว่าไง หึหึ

                “โอ๊ย กูจะไปเรียน อย่ามาเกาะกูแบบนี้ กลับไปเรียนได้แล้วมึงอ่ะ ไอ้ห่านี่” ผมพยายามทำตัวแมนให้มากที่สุด ถึงมันจะหล่อ, ดูดี, เด็กกว่า (อันนี้สำคัญ) ซักแค่ไหน แต่ผมก็รู้สึกว่ามันค่อนข้างบ้ามากๆ ที่มันมารุกผมหนักขนาดนี้

                “ยอมไปก็ได้ แต่วันนี้ต้องให้ผมไปส่งที่บ้าน” ดูมัน -*-

                “ไปส่งก็ได้ แต่ต้องมีชานยอลไปด้วย” เอาไอ้ชานยอลเป็นไม้กันหมาไปก่อนเนี่ยแหละ ขอโทษนะมึง

                “ถ้ามีชานยอลไปด้วย ต้องมีแบคฮยอนไปด้วย” เอาเข้าไป นี่มึงกะจะให้ครบคู่แล้วมึงจะได้ลวนลามกูถนัดๆ ใช่มั้ย 

                “ถ้ามีแบคฮยอนไปด้วย ต้องมีไคกับคยองซูไปด้วย จบ!” ผมรีบตัดบทก่อนที่จะเดินเข้าห้องเลกเชอร์อย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้มันเข้ามา

                “เรียนถึงกี่โมงอ่ะ!! บอกก่อนเด่ะ!!” ยังจะอุตส่าห์ตะโกนเข้ามาในห้อง

                “เรียนหนึ่งชั่วโมงจ้ะพ่อหนุ่ม” อาจารย์ซึ่งกำลังยืนอยู่หน้าห้องพูดตอบมัน ผมขำด้วยความสะใจ คิดว่ามันจะอายบ้าง ที่ไหนได้ กล่าวขอบคุณอย่างอารมณ์ดีแล้วก็เดินหายไป -*-

                “ไอ้เสี่ยวลู่ มีคนมาจีบมึงหรอวะ 55555 ผู้ชายอีกละ สงสารมึงชิบหาย” เพื่อนผมเอง -*- ชื่อเลย์ครับ แดกได้ อร่อยมาก เคยลองแล้ว เอ๊ยไม่ใช่! มันบอกเองว่ามันอร่อยมาก สาวๆ ลองได้นะจ๊ะ

                “เออดิ เพื่อนใหม่ไอ้ชานยอลมัน วันนี้มึงกลับกับกูด้วยนะ ขอร้อง TT” 

                “ไม่” แล้วมันก็ไม่สนใจอะไรผมอีกเลย ไอ้เลว! TOT



1 ชั่วโมงผ่านไป

                หวังว่ามันคงจะไม่มาหรอกนะ... 

                “จ๊ะเอ๋! สาวสวยเลิกเรียนแล้วววว~ ไปกันเหอะ” ไอ้เซฮุนยืนดักรออยู่ข้างประตู ผมซึ่งเปิดประตูเป็นคนแรกก็ต้องเจ๊อะกับมันพอดี

                อ๊ะๆ! บอกก่อนนะ! ที่เปิดประตูเป็นคนแรก ไม่ใช่ว่าผมรีบไปหามันนะ แต่จะรีบหนีต่างหาก!

                “สาวสวยพ่อมึงสิคะ ไหนล่ะเพื่อนมึง ถ้าไม่มาครบทั้งแก๊งค์ กูไม่กลับ อย่าลืม” ผมเตือนสติมัน เนื่องจากมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นใครเลย

                “เออน่ะ เดี๋ยวไปเจอกันที่หน้ามหาลัย รีบไปเหอะ” มันกระชากข้อมือผมแล้วก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินไปทันที ไม่รู้ว่าเอาแรงควายมาจากไหนถึงกระชากผมได้แรงขนาดนี้!!พยายามบิดเท่าไหร่ก็ไม่หลุดด้วยสิ

                “ไหนล่ะเพื่อนมึงงงงงง!” เมื่อมาหยุดที่หน้ามหาลัย มันก็โบกแท็กซี่ทันทีและทำให้ผมต้องตะโกนประโยคข้างต้น

                “บ้านพี่อยู่ไหน”

                “กูไม่บอกกกกก” เป็นจังหวะเดียวกับที่มันเปิดประตูรถและยัดผมเข้าไปนั่งด้านในอย่างรวดเร็ว

                “ไปซองซูอพาร์ตเมนท์ครับ” ห่ะ! มันจะพากูไปไหนวะเนี่ยยยยยย
                

                 เดี๋ยว... ซองซูอพาร์ตเมนท์ ที่เค้าว่าแพงและหรูที่สุดในเกาหลีอ่ะนะ O[]O!!!


                “บ้านมึงอยู่นั่นหรอ?” ผมยังคงช็อคเล็กๆ นี่ผมจะได้ผัวรวยแล้วสินะ เอ๊ย! คือยังไงล่ะ คือคนที่มาจีบผมมันรวยขนาดนี้เลยหรอเนี่ยยยย

                “หึ เดี๋ยวก็รู้” อั๊ยยยยย! มันจะทำให้ผมใจเต้นก็อีตรงคำว่าซองซูอพาร์ตเมนท์เนี่ยล้ะ

                ซักพักใหญ่ รถแท็กซี่ก็มาจอดตรงหน้าอพาร์ตเมนท์หรูสูงเสียดฟ้า ทำเอาผมใจสั่นระริกๆ เอาล่ะ... ถ้ามันไม่มีอะไรกับผมวันนี้ ผมก็จะข่มขืนมันเอง 555555

                “เอ่อ... ห้องมึงอยู่ชั้นไหนวะ” ผมสัมผัสได้ว่าตัวเองค่อนข้างประหม่าเมื่อเห็นตึกสูงเสียดฟ้าแบบนี้ และผมเรียบร้อยขึ้นเยอะเลย TT แต่มันก็ไม่ได้พาผมเข้าไปด้านใน กลับเดินอยู่ริมฟุตบาท

                “เปล่า ไม่ได้อยู่ที่นี่ แค่มาเดินเล่น” 

                อะไรนะะะะะ!! ฝันว่าจะมีผัวรวยได้สลายลงในคำพูดเดียวววว

                “แล้วมึงพากูมาที่นี่ทำไมวะ ห่านี่” แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดอะไรมาก เพราะผมมองว่ามันเป็นเรื่องที่ฮาและปัญญาอ่อนมากกว่า -_-^

                “ก็บอกว่าพามาเดินเล่นไง วิวมันสวยดี ดูข้างทางดิ” อย่างที่มันบอกครับ วิวสวยมาก ต้นไม้, ดอกไม้ อะไรๆ ก็ดูน่ารักไปหมด แน่นอนว่าแถบนี้เป็นย่านคนรวย ทุกสิ่งทุกอย่างประดับประดาด้วยความประณีต มันพาผมเดินมาถึงริมสวนสาธารณะเงียบๆ แห่งหนึ่ง แวะซื้อชานมไข่มุกคนละแก้ว และก็นั่งลงกับพื้นหญ้าสบายอารมณ์

                “ชานมไข่มุกร้านนี้ Recommended by ผมเองเลยนะ” มันพูดก่อนที่จะดูดอึกใหญ่ อย่างที่มันบอกแหละ... อร่อยดี 55555

                “เออ อร่อยดี”

                “ไว้วันหลังมากินอีกมะ”

                “กินอีกพ่อง แถวนี้ไม่ใช่บ้านมึงหรือบ้านกู จะมาอีกทำไมวะ”

                “ก็ไว้กินสาขาอื่นก็ได้ไง -^- เอาเป็นว่า เรามาแต่งงานกันตรงนี้ดีกว่า” มันเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็วก่อนที่จะนอนลงกับพื้น มองท้องฟ้าที่ไร้แสงอาทิตย์มาแยงตา บรรยากาศดีจริงๆ ให้ตายเถอะ

                “แต่งงานอะไรของมึง เราพี่งรู้จักกันแค่หนึ่งชั่วโมง...”

                “สองกว่าแล้วเหอะ”

                “เออนั่นแหละ! ไอ้บ้านี่ กูกลับละ” ผมลุกขึ้นยืน ปัดเศษหญ้าที่ติดกางเกงใส่หน้ามัน แล้วเดินออกมาทันที ครั้งนี้ มันไม่ได้ตามผมแฮะ แต่มันกลับ...

                “เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปรับนะจ๊ะ! ” 

                อึ๋ยยยยย! ขนลุก!


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น