วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

fckmerakme : 14 And let me kiss you...




14
And let me kiss you…



                อีกแค่สิบนาทีก็จะแสดงแล้ววววววว =[]=!!

                ตื่นเต้นมันเป็นอย่างนี้นี่เอง T^T

                ถึงผมจะเป็นแค่นักแสดงตัวสำรองก็เถอะนะ แต่แหม... ฉากที่กูเล่นนี่สำคัญนะเฟร่ยยย!

                “แบคฮยอนครับ” ชานยอลเดินเข้ามาหา ตอนนี้มันใส่คอนแทคเลนส์อยู่ (หล่อเหี้ยๆ) ผมหย็อยๆ ของมันก็ดูดี กูจุนพโยเวอร์ชั่นนี้แม่งหล่อมว้ากกก > / / <

                “ไรรรร - / / -” คือแค่เห็นหน้ามันกูก็เขินแล้วไง

                “ขอกำลังใจหน่อยครับ ^_^

                “เอ่อ... ก็ขอให้มึงจำบทได้ดีๆ นะ แล้วก็ขอให้เล่นฉลุยเลย ไม่มีอะไรมาขัดขวางสมาธิ แล้วก็...”

                “ไม่เอาแบบนี้อ่ะ -_-;” มันขัดขึ้น แล้วก็โน้มตัวลงมาจุ๊บหน้าผากผม “นี่... มันต้องแบบนี้”

                “แบบนี้บ้านพ่อง - / / - ไปไหนก็ไปเลย” ผมทุบกำปั้นลงบนไหล่มันเบาๆ 

                “แบคฮยอนไม่ต้องแต่งหญิงบ่อยก็ได้นะครับ ผมไม่ชอบแบบนี้เท่าไหร่อ่ะ ฮ่าๆๆ ผมชอบแบคฮยอนแบบเคะมากกว่า อิอิ” มันรีเควสมา เออๆๆๆ ถ้ากูเลือกได้กูก็ไม่อยากแต่งเป็นผู้หญิงบ่อยหรอกไอ้ห่า -_-^

                “รู้แล้ววววว มึงไปเตรียมตัวเหอะ”

                “ไฟท์ติ้ง ^^v” มันชูสองนิ้วขึ้นมาแล้ววิ่งไปที่เวที ผมนั่งลงบนเก้าอี้เหมือนเดิมก่อนที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่เพื่อสลัดความตื่นเต้นทิ้ง T^T

                “แรดแบค ไปดูพวกนั้นข้างเวทีกัน” ไคกับโด้เดินเข้ามาชวน ก่อนจะลากผมไป 

                ชานยอลในบทกูจุนพโยดูหล่อและเป๊ะมากกก ผมแอบเห็นผู้ชมด้านหน้าหลายคนทำหน้าฟินกันไปเป็นแถว เซฮุนก็เช่นกัน รายนี้ไม่ธรรมดา เพราะแค่เปิดม่าน ผู้ชมหลายคนก็กรี๊ดแล้ว พี่ลู่หานซึ่งนั่งดูอยู่แถวหน้าสุดก็แอบกรี๊ดอยู่เบาๆ นะ 55555

                 “จันดี ฉันต้องทำยังไง เธอถึงจะรักฉัน” ถึงบทสุดท้ายของไอ้เซฮุนที่ต้องหอมแก้มนางเอกพอดี เสียงของมันนุ่มนวลมาก ใบหน้าของมันดูเศร้าและเจ็บปวดมากจริงๆ แต่ผมแอบเห็นแว๊บๆ ว่ามันมองไปที่พี่ลู่หาน

                “จีฮู... ฉันรักเธอไม่ได้ ฉันรัก... ฉันรักจุนพโยไปแล้ว” นางเอกตอบ

                ต่อไปไอ้เซฮุนมันต้องหอมแก้มนางเอก...

                แต่มันกลับจูบปากเฉย!!!!! =[]=
                หน้าพี่ลู่หานกับพวกผมต่างอยู่ในสภาพช็อคไม่ต่างกัน แต่ผู้ชมคนอื่นเนี่ยสิ... กรี๊ดกันบ้านแตก

                “ถ้าอย่างนั้น ขอฉันดูแลเธอแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ นะ ^^” แล้วมันก็ยิ้มหวาน~ จากนั้นม่านก็ค่อยๆ ปิดลง มันจึงเดินเข้ามาหาพวกเรา

                “ไอ่เหี้ย! ทำแบบนั้นทำไมวะ” ไคเริ่มด่าก่อน

                “ก็กูอยากรู้ว่าพี่ลู่จะทำหน้ายังไง สุดท้ายแล้วพี่เค้าก็ช็อค นี่แสดงว่าพี่เค้าสนใจกูอยู่เหมือนกันนะเนี่ย” มันตอบด้วยรอยยิ้มที่ซื่อบื้อมาก -*- 

                “โถถถถถถ ไอ้เด็กน้อยยยยย ยิ่งทำแบบนี้พี่ลู่เค้ายิ่งเมินมึงงงง” ไอ้ไคพูดเซ็งๆ แต่หน้าเซฮุนกลับยิ้มสบายใจมาก

                “มึงไม่รู้อะไรหรอกไค กูว่าพี่เค้าต้องกำลังร้อนใจ คงอยากจะหาเรื่องกูมากละตอนนี้ ฮ่าๆๆ โอเค บทกูหมดละ รอดูอีแรดแบคโดนผัวจูบบนเวทีดีกว่าาาาา~” มันแซวหน้าตาเฉย หลังจากนั้นไม่นาน พี่สต๊าฟก็เรียกให้ผมไปเตรียมคิว 

                ตอนนี้จะบอกว่ามือสั่นมากก็ว่าได้ T^T ตอนนี้ทำได้แค่รอม่านเปิดเท่านั้น ผมต้องยืนหันหลังให้ชานยอล และ ณ ตอนนี้เราสองคนก็เงียบกริบ มันก็คงอยากจะทำสมาธิ ผมเองก็เช่นกัน

                และแล้ว... ม่านก็เปิดออก
                อ่ะโห... แสงไฟสปอร์ตไลท์กับสายตานับร้อยที่กำลังมองมา

                ขากูสั่นนนนนน TTOTT       
                แล้วไอ้ชานยอลก็จับแขนผมเบาๆ       

                “แกกกกก นั่นนางเอกคนเดิมหรอวะ ไปทำอะไรมา สวยขึ้น” แอบได้ยินเสียงผู้ชมด้านล่างกำลังชมผมอยู่ ฮ่าๆๆๆ อึนเฮเอ๋ย แกไม่น่าเกิดเป็นผู้หญิงเลยเจงๆ -*-

                “ชั้นว่าไม่ใช่ว่ะ เงียบก่อนซิ ดูไปก่อน” เสียงเพื่อนนางตอบ 

                สายตาของชานยอลตอนนี้ดูเศร้ายิ่งกว่าวันซ้อม ดูเหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกของกูจุนพโยแตกสลายไปหมดแล้ว แม้ในละครจะจบสวยงาม แต่ในละครเวทีของเราจะจบแค่นี้ พระเอกกับนางเอกยังไม่ได้บอกรักกันด้วยซ้ำ แต่ผู้กำกับบอกว่าจะปล่อยให้มันเป็นปริศนาค้างคาใจไปอย่างนี้แหละ     

                ผมมองตามันด้วยความรู้สึกของบยอนแบคฮยอน ไม่ใช่ความรู้สึกกึมจันดี 

                ผมรู้ว่ามันคิดยังไงกับผม แต่ผมก็เอาแต่วิ่งหนี

                ผมหลับตาลงช้าๆ พร้อมที่จะให้มันทำทุกอย่าง
                มันดึงตัวผมเข้าไปใกล้ ก่อนจะประทับริมฝีปากผมอย่างแผ่วเบา

                ...

                แต่มันไม่หยุดอยู่แค่นั้นอ่ะเด่ะะะะะ =[]=!!

                ลิ้นร้อนรุกเข้ามาในปากผมเสียดื้อๆ ก่อนที่จะใช้ลิ้นนั้นควานหาความหวานในปากผม เหี้ย! นี่มันอะไร! นี่มันคือ French kiss ชัดๆ!! นี่เรายังไม่เคยทำอะไรแบบนี้กันมาก่อนเลยนะไอ่บร้าาาา!! O / / O

                “อ๊ายยยยยยยยยยยย >O<” เสียงผู้ชมด้านล่างส่งเสียงร้องกันยกใหญ่ ทำเอาผมหน้าแดงขึ้นมาซะงั้น - / / -

                “อื้อ...” ผมเริ่มส่งเสียงประท้วงว่าให้หยุด แต่มันก็ยังคงเล่นลิ้นต่อไป เหี้ย! ทำไมโปรอย่างนี้ แบคเหนื่อยนะคะ T^T                

                จะว่าไป...

                ทำไมม่านไม่ปิดซักที -O-!!!

                ระหว่างที่ลิ้นผมกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับลิ้นของมัน -_-; ผมก็บังคับให้ตัวเองลืมตาขึ้นมาจนได้ (หลังจากที่หลับตาเคลิ้มอยู่นาน T^T) ก็เห็นไอ้ตัวเสือกจอมแซวกำลังยืนหัวเราะอย่างมีความสุข

                เหี้ยไค!!
                กำลังยืนหัวเราะขำกลิ้ง จับคันโยกที่ไว้คุมม่านอยู่เฉยๆ

                ปิดม่านเถ๊อะสายตาผมที่มองไปหาไคบอกได้แค่นี้ T^T แต่ดูเหมือนมันจะแปลเป็น อย่าพึ่งปิดนะตัวเอง -_-; ก็เลยยังคงยืนหัวเราะอย่างมีความสุข

                เอาวะ... ขุดควานหาความแรดในตัวขึ้นมา
                เราต้องเล่นต่อเอง!! (ความแรดกูยังต้องขุดอีกใช่ปะ ไม่ใช่ว่ามีอยู่แล้ว 55555)

                “อื้อ...” ผมทุบไหล่ชานยอลเบาๆ เป็นการท้วงว่าเหนื่อย มันเองก็ยอมถอนริมฝีปากแต่โดยดีพร้อมรอยยิ้มมีชัย ตอนนี้ผมหอบเหนื่อยอย่างกับไปวิ่งมาสิบกิโล -*- (ตอนนี้ม่านก็ยังไม่ปิด)

                “บ้า...” ผมแกล้งทำตัวสะดีดสะดิ้งเหมือนหญิงสาว ก่อนที่จะทุบไหล่มันเบาๆ แล้ววิ่งหนีหายเข้าไปหลังเวที ด้วยความสามารถในการแสดงของชานยอลจึงแกล้งทำเป็นยิ้มเท่ๆ แล้วก็วิ่งตามผมมา

                แล้วเหี้ยไคก็ปิดม่านซักที -_-^

                เสียงปรบมือด้านนอกดูยิ่งใหญ่มาก ทุกคนออกไปโค้งคำนับผู้ชมกัน (ยกเว้นผม) และตอนจบชานยอลก็เดินกลับมาหน้าระรื่น ยิ้มจนแก้มจะแตกไปถึงหูอยู่ละสัส

                “เขินจังครับ > / / <” ดูแม่งพูดดดดดดดด!!

                “เหี้ยมึงอ๊ะ! ทำแบบนี้ทำไมมมม กูอายคนอื่นนะเว้ย TOT!” ผมทุบที่อกมัน (เริ่มจะสะดิ้งขึ้นทุกวัน)

                “แหมแบคฮยอนล่ะก็...”
                “...”
                “ถ้าไม่มีครั้งแรก มันจะมีครั้งต่อไปมั้ยล่ะครับ”

                “ฮะะะะะ =[]=!! ข้ออ้างเหี้ยมาก!” ผมยืนโวยวาย

                “พอมีครั้งแรกแล้ว ครั้งต่อไปก็จะได้เป็นแค่เรื่องปกติไงครับบบบ~ ดีมะ?” 

                แสดงว่ากูต้องทำใจยอมรับว่า
                ต่อจากนี้ชานยอลจะ French kiss ใส่กูเมื่อไหร่ก็ได้ 

                เพราะมันเป็นเรื่องปกติงั้นสิ -O-!!

**********

                “ฉลองงงงงงงงงงงง!!!” เสียงของผู้กำกับดังลั่นภัตตาคารหรู ลู่หานที่ยืนอยู่ข้างเพื่อนผู้กำกับนั้นก็ยิ้มหัวเราะมีความสุขเพราะละครเวทีประสบความสำเร็จมาก บัตรขายเต็มทุกที่นั่งและเมื่อละครจบแล้ว ตัวเอกของละครก็เริ่มมีแฟนคลับและมีคนมาขอถ่ายรูปด้วย หลังจากทำทุกอย่างเสร็จ เพื่อนผู้กำกับคนนี้ก็ลากสต๊าฟและนักแสดงทุกคนเกือบหนึ่งร้อยชีวิตมาเลี้ยงทันที

                “กินให้เต็มที่เลยนะเว้ยยยยยย! ใครกินไม่เต็มที่กูจะเตะก้นนนนน! ฮ่าๆๆๆ” เสียงผู้กำกับคนเดิมยังคงประกาศลั่น ลู่หานหัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะนั่งลง โต๊ะของลู่หานมีแต่เพื่อนร่วมรุ่นที่เป็นแม่งานทำละครเวทีในครั้งนี้ซึ่งไม่ค่อยสนิทกับเขามากนัก เลย์กับจงแดก็ไปนั่งกับแก๊งค์อื่น ส่วนแก๊งค์หลังห้องก็นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ เขานี่เอง

                “อึนเฮแม่งเสียใจมากอ่ะชานยอล แม่งแทบร้องอ่ะ ดูหน้าแม่งดิ ฮ่าๆๆๆ” ไคหัวเราะ เมื่อเห็นอึนเฮมองมาทางชานยอลอย่างเจ็บปวด ตอนนี้อึนเฮรู้ดีแล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างชานยอลกับแบคฮยอนเป็นอย่างไร จึงทำได้แค่มองเท่านั้น

                “ช่างเค้าเถอะครับ ว่าแต่แบคฮยอนทำไมไม่กินผัก?” ชานยอลพูดขึ้นก่อนจะตักผักมาไว้ในจานของแบคฮยอน

                “ไม่อาวววววว TOT เอาออกปายยยยย” แบคฮยอนงอแง ก่อนที่จะเหวี่ยงผักไปไว้ในจานของไค

                “กูเกี่ยวเหี้ยไรอีกล่ะเนี่ยยยยยย!” ไคหันมาโวย

                “ให้โด้มันแดกเด่ะ ตัวแดกผักไม่ใช่หรอมันน่ะ” แบคฮยอนแนะนำ แต่ไคก็ไม่ได้ฟังคำพูดนั้นกลับหยิบผักขึ้นมาแดกเองหน้าตาเฉย

                “กูไม่ให้โด้กินของที่มึงไม่กินหรอกไอ้แรดแบค ชิ -^-!” ไคพูดด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง แต่แบคฮยอนก็ไม่สนใจ หาเนื้อหนังที่เป็นโปรตีนกินต่อ

                ลู่หานได้ยินบทสนทนาทั้งหมด เขาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย อยากจะไปนั่งกับเลย์และจงแด แต่แม่งก็ไม่ต้อนรับ หาว่าลู่หานเป็นพวกคนใหญ่คนโต -O- อยากจะนั่งกับน้องที่สนิทแต่ก็มี... โอเซฮุนประดับโต๊ะอยู่ด้วย -_-; 

                ออกไปสูดอากาศข้างนอกดีกว่า

                “พี่ลู่ไปไหนวะ” เซฮุนพึมพำกับตัวเองเมื่อเห็นลู่หานลุกออกจากโต๊ะและเดินออกไปนอกร้าน 

                “ไอ้ฮุน หยุดเลย” คยองซูรีบขวางเมื่อเห็นเซฮุนกำลังจะลุกตาม
 
                “ทำไมอีกอ่ะโด้” 

                “ถ้ามึงจะไปแค่โฉบๆ แซวๆ พี่ลู่ล่ะก็ หยุดซะ ขอความจริงใจหน่อยได้มะ”   คยองซูพูดด้วยจริงจัง เซฮุนเองก็ถึงกับชะงัก ใช่... เขากะจะแค่ไปแซวพี่ลู่เท่านั้น

                “แล้วมันหนักหัวมึงหรอโด้” เขาตอบกลับ คยองซูส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะพูดต่อ

                “ไม่หนักหัวกูหรอก แต่มันจะหนักหัวพี่ลู่มากกว่าน่ะ” เซฮุนถึงกับชะงักอีกครั้ง ก็เขาไม่อยากให้พี่ลู่ต้องมาหนักอกหนักใจเพราะเขานี่นา แล้วสิ่งที่เค้าทำทั้งหมด... ทั้งหยอกเล่น ทั้งแซว ทั้งพูดจีบแบบนี้มันหนักหัวพี่ลู่งั้นหรอ?

                “แล้วกูต้องทำยังไง” เขาเอ่ยปากถาม

                “ก็ทำให้มันจริงจังไงห่า” ไครีบตอบช่วยเมียตัวเอง ส่วนแบคฮยอนที่นั่งเงียบมานานก็ได้แต่แอบด่าไคในใจว่า ทีมึงยังไม่จริงจังกับโด้เลย ยังมีหน้ามาแนะนำคนอื่น

                “เออ กูจะทำให้มันจริงจัง”
                “...”

                “กูก็อยากทำมานานแล้วเหมือนกัน” เซฮุนพูดทิ้งท้ายก่อนที่จะเดินออกไปนอกร้าน ก็เหลือบไปเห็นลู่หานกำลังยืนเงยหน้าเหม่อมองดวงจันทร์อยู่ รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของลู่หานยิ่งทำให้เซฮุนอยากจะทำให้มันจริงจังมากขึ้นอยากให้พี่ลู่มาอยู่ข้างเขาตลอดไป

                “พี่ลู่...” เขาเป็นฝ่ายเอ่ยปาก ลู่หานหันมามองอย่างตกใจ ก่อนที่จะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

                “อะไร”

                “ทำไมช่วงนี้เมินผมจัง” เขาถามก่อนที่จะหลบตาลงต่ำเพราะเขินที่จะสบตา

                “ก็ไม่ได้อยากจะเมินอะไรร้อกกกก~ บางคนมันเล่นละครเกินบท สั่งให้มันหอมแก้ม มันเสือกจูบปาก ก็แค่นั๊นนนนน~” ลู่หานขึ้นเสียงสูง แสดงให้เห็นว่ากำลังงอนเรื่องที่เขาเล่นเกินบทอยู่จริงๆ เซฮุนจึงยิ้มออกมาได้

                “แน่ะ พี่สนใจผมด้วยหรอ *_*” 

                “ไม่ต้องมาพูดอย่างนี้เลยนะ!

                “ก็ตอนนั้นอ่ะ ผมอยากจูบพี่ลู่ม๊ากมากกกก แต่ข้างหน้าผมมันเป็นอึนเฮ ให้ผมทำไงอ๊ะ” เซฮุนพยายามพูดให้เป็นปกติ คือทำตัวแอ๊บที่สุด ทั้งที่ความจริงแล้วเขาอยากจะกอด อยากจะจูบ อยากจะทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาสามารถทำได้ แต่ก็ต้องหักห้ามใจ ทำตัวแอ๊บเด็กต่อไป

                “ย๊าาาา! พูดพล่อยๆ อย่างนี้ได้ไงฟะ คราวหลังถ้ามีอารมณ์อยากจูบก็มาหากูนี่! อย่าไปเดือดร้อนคนอื่นสิวะ... อ๊ะ!” ลู่หานนึกขึ้นได้ตอนจบว่าตัวเองเผลอพูดอะไรบ้าๆ ออกไปอีกแล้ว แต่มันจะบ้าได้ยังไงในเมื่อมันเป็นความในใจของเขาจริงๆ นี่นา

                “หรอครับ...” เซฮุนยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนที่จะเดินมาประชิดตัวลู่หานเสียจนหนีไปไหนไม่ได้
                “...”

                “ว้า~ ตอนนี้ผมอยากจูบพี่ลู่แล้วอ่ะ ผมต้องเดินไปจูบอึนเฮมั้ย” เขาเอียงคอถามอย่างน่ารัก ลู่หานได้แต่ก้มหน้านิ่ง ทั้งหน้าและหูแดงไปหมดแล้ว 

                “...”
                “ไม่ต้องสินะ” 

                ไม่ต้องรอให้พูดจบ ริมฝีปากหนาก็ลงมาแนบชิดกับริมฝีปากเล็กของลู่หานทันที แขนสองข้างของลู่หานโอบรอบคอเซฮุนอัตโนมัติราวกับโหยหามานาน ลิ้นร้อนแทรกเข้ามากวาดหาความหวานจากริมฝีปากเล็ก ลิ้นเล็กจูบตอบอย่างไม่ประสีประสา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เซฮุนรำคาญใจ กลับชอบใจด้วยซ้ำ จึงยิ่งตวัดลิ้นมากขึ้นเพื่อแกล้งคนตัวเล็ก ตอนนี้หากลู่หานระเบิดกลายเป็นทุ่งโกโก้ครั้นช์เพื่อหนีริมฝีปากซุกซนนี้ได้ เขาก็อยากจะทำเพราะเขาเขินเสียจนตัวจะแตกอยู่แล้ว 
 
                “อื้อ...” ตอนนี้ทำได้แค่ทุบอกคนตรงหน้าเบาๆ อย่างขัดใจ นี่มันหน้าภัตตาคารนะ! มาทำอะไรแบบนี้ก็ไม่รู้!

                ก็ขัดขืนไปอย่างนั้นแหละ
                เพราะตอนนี้หัวใจของเสี่ยวลู่หานกำลังเรียกร้องหาคนตรงหน้า

                มันเต้นแรง ไม่เป็นจังหวะ ทั้งหวิว ทั้งโหวง
                เหมือนหัวใจมันกำลังจะหลุดออกมาจากอกเสียให้ได้

                แบบนี้ มันคือความรักใช่รึเปล่านะ...

                “หึ” เซฮุนหัวเราะในลำคอก่อนจะดึงพี่ลู่ของเขาให้เข้ามากระชับกับตัวมากขึ้น ก่อนที่จะจูบหนักมากยิ่งขึ้นไปอีก ยิ่งคนตัวเล็กขัดขืนนิดๆ ก็ยิ่งเพิ่มความหอมหวานมากขึ้นเท่านั้น เมื่อเห็นพี่ลู่หายใจไม่ทันจึงถอนริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่ง แต่ก็ยังกดแช่ริมฝีปากอยู่นิ่งๆ เพราะไม่อยากจะหยุดจูบเลยจริงๆ 

                “ปล่อยซี่” สุดท้าย เมื่อปากเป็นอิสระ ลู่หานก็รีบพูดเพราะเซฮุนยังกอดตัวเองไว้แน่น 

                “เป็นแฟนกันนะ” เซฮุนกระซิบข้างหูเบาๆ 

                “ฮะ O[]O!!?” ลู่หานถึงกับร้องออกมาลั่นเมื่อได้ยินประโยคที่ทั้งน่ายินดี แต่ก็น่าตกใจอีกเช่นกัน

                “ผมรู้แค่ว่าผมรักพี่ลู่ ที่ผ่านมาพี่อาจจะมองว่าผมเอาแต่หยอด ไม่จีบจริงจังซักที แต่สำหรับผมมันเรียกว่าจีบนะ ผมจีบจริงจังนะพี่ลู่” เซฮุนจ้องหน้าลู่หานเสียจนลู่หานเหลือตัวเล็กนิดเดียว เขาไม่คาดฝันเลยว่าชีวิตนี้จะกลายเป็นฮุนฮาน อุตส่าห์ทำตัวแมนเพราะอยากเป็นฮานฮุนมาตั้งนาน T^T

                แต่สุดท้ายก็แพ้ราบคาบ

                “พี่ว่า...” ลู่หานเปลี่ยนสรรพนามเรียกตัวเองเสียดื้อๆ เพราะรู้สึกว่าอยากจะพูดดีๆ กับเซฮุนขึ้นมา 

                “ครับ?”

                “คือ...” เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี พึ่งโดนจูบมาแล้วยังมาโดนขอเป็นแฟนอีก 

                ที่แน่ๆ นั่นจูบแรกของเขาเลยนะ TOT
                แต่ก็เอาเหอะ... มันเป็นจูบแรกกับคนที่ตัวเองรักนี่นา

                “ถ้าพี่ยังไม่แน่ใจในตัวผม เราลองคบกันดูก่อนก็ได้นะ”
                “...”
                “ถึงวันที่พี่รับปริญญาเมื่อไหร่ ถ้าพี่รักผมก็คบกันต่อไป ถ้าไม่รักผมก็เลิกกัน” 

                ข้อเสนอของโอเซฮุนดูน่าสนใจ
                ตอนนี้ เขาพูดได้เต็มปากว่าเขารักโอเซฮุนแล้วจริงๆ

                แต่...
                เขากำลังจะเรียนจบและต้องไปทำงาน

                ส่วนโอเซฮุนก็กำลังเรียนอยู่ปีหนึ่งเท่านั้น
                ชีวิตของเด็กคนนี้อาจจะมีใครอีกก็ได้ 

                อาจจะมีคนที่เหมาะสมกว่ารุ่นพี่อย่างเขา

                “ลองดูมั้ยครับ” เซฮุนยังคงกระซิบถาม
                “...”
                “เป็นแฟนกันนะพี่ลู่”

                เอาวะ! ถ้าไม่เสี่ยงแล้วจะมีรักได้ยังไง!

                “อื้อ” ลู่หานตอบก้มหน้านิ่ง 

                “เย้!!!!!!” เซฮุนร้องดีใจอย่างกับเด็กๆ เขาอุ้มลู่หานขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนแล้วเหวี่ยงไปรอบๆ อย่างมีความสุข ก่อนที่จะหยุดเหวี่ยงไปมาแล้วยิ้มมองคนตัวเล็กที่กำลังหัวเราะคิกคักทั้งที่หน้าแดงก่ำ

                “ไรรรรรร - / / -” ลู่หานยิ่งหน้าแดงเขินหนักเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นรอยยิ้มนั้น... รอยยิ้มที่ต่อจากนี้ เซฮุนจะยิ้มให้เขาแค่คนเดียว

                “ผมรักพี่ลู่จัง” พูดจบก็ก้มหน้าลงมาหอมแก้มอีก             
                “อือ เหมือนกันแหละ - / / -


                เฮ้ออออ... ถ้าจะบอกรักมันคงต้องบอกมันแบบนี้ไปก่อนแหละนะ
                ก็คนมันเขินนี่หว่า!!
           

1 ความคิดเห็น: