วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

fckmerakme : 24 You’re the best thing I never knew I needed.




24

You’re the best thing I never knew I needed.



ณ สนามบินนานาชาติอินชอน

                “มันต้องมาสิ... มันต้องมา...” คยองซูพึมพำกับตัวเองเบาๆ พลางกอดตุ๊กตาหมีตัวนั้นราวกับกลัวว่ามันจะหายไป พวกเขานั่งรออยู่ที่ม้านั่งแถวเกท G เผื่อว่าจงอินมาจะได้เจอทันที แบคฮยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะมาตบบ่าแล้วนั่งลงข้างๆ

                “ใช่ มันต้องมา ไคมันไม่ใช่คนแบบนั้น” 

                “แต่เมื่อวาน... มันไม่ได้กลับมานอนที่ห้องนะแบค” คยองซูพูดพลางมองหน้าเพื่อนรักด้วยแววตาเป็นกังวล “มันคงจะโกรธมาก โกรธมากที่สุดในชีวิตมันแล้ว”

                “อืม... ไม่เป็นไร เราทำดีแล้ว” แบคฮยอนเมื่อเข้าโหมดจริงจังก็ค่อนข้างจะพึ่งพาได้เหมือนกัน ชานยอลได้แต่ยืนมองตาปริบๆ เพราะไม่รู้จะปลอบอย่างไร ส่วนเซฮุนนั้นไม่ขอมาส่งเพราะกลัวสนามบินแตก -_-^ แต่ก็ยังอุตส่าห์ขับรถมาส่งคยองซูถึงสนามบิน ด้านพี่ลู่ก็ติดประชุมละครเวที คนที่มาส่งก็เหลือแค่ชานยอลกับแบคฮยอนเท่านั้น        
 
                ความเงียบเข้าปกคลุมคนทั้งสาม เขาคิดไม่ผิดจริงๆ ที่บอกให้จงอินมาตอนสิบเอ็ดโมง ความจริงแล้วไฟล์ทออกบ่ายสอง แต่เขารู้ว่ามันต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็เลยเผื่อเวลามาเยอะ

                ตึก... ตึก... ตึก...
                คิดไปเองรึเปล่านะว่าเสียงหัวใจของเราตรงกับเสียงฝีเท้าที่กำลังก้าวเข้ามา

                “อ่า... แขกพิเศษมาแล้ว กูไปก่อนนะ ^_^ สู้ๆ” แบคฮยอนเงยหน้ามองผู้มาใหม่ก่อนจะลุกขึ้นแล้วลากชานยอลให้เดินออกไป เพื่อให้คนทั้งสองได้อยู่ตามลำพัง

                “จ... จงอิน O_O” คยองซูถึงกับลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นจงอินที่อยู่ในสภาพเพลียเต็มที่ ขอบตาดำคล้ำและยังบวมเหมือนผ่านสมรภูมิรบมา เขาขยี้ตาตัวเองเหมือนยังไม่ตื่นดีนักก่อนจะยิ้มเกร็งให้คยองซู

                “เมื่อคืนไปนอนที่ไหนมา! กินข้าวเย็นรึเปล่า กินอิ่มมั้ย?” ร่างเล็กถามเป็นชุดด้วยความเป็นห่วง

                “เปิดโรงแรมนอน กินรามยอนคัพ” จงอินตอบด้วยน้ำเสียงงัวเงียๆ เขาพึ่งนอนตอนตีห้าเพราะตอนกลางคืนมัวแต่คิดเรื่องของคยองซูจนนอนไม่หลับ

                “รามยอนน่ะถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องกิน ผงชูรสมันเยอะ เดี๋ยวหัวจะล้านเอา...” ร่างเล็กค่อยๆ เสียงแผ่วลงเพราะรู้สึกว่าตัวเองชักจะพูดมากเกินไป คนฟังอาจรำคาญ

                “เออน่ะ จะกินเท่าที่จำเป็น” 

                “อืม...” เมื่อเจอกับประโยคที่ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ คยองซูก็ทำได้แค่ก้มหน้ามองพื้น “ขอบคุณที่มานะ”

                “ไม่ได้อยากจะมานักหรอก” ร่างสูงพูดพลางเฉมองไปทางอื่นอย่างเซ็งๆ

                “ก็พอจะรู้... แฮะๆ” คยองซูถึงกับสะอึกเมื่อร่างสูงพูดแบบนั้น         

                “ที่มาก็แค่อยากจะมาฟังคำตอบ... คือ... กูมีคำถามอยู่ในหมีนั่นน่ะ” จงอินชี้ไปที่ตุ๊กตาหมีอัดเสียงได้ตัวนั้นที่คยองซูถืออยู่ เขาไม่คิดจะสบตากับคยองซูเลยแม้แต่น้อย...

                ไม่ใช่ว่าโกรธ...
                แต่กลัวว่าถ้าสบตาแล้วจะหวั่นไหว จนต้องออกปากรั้งไม่ให้ไป

                “หมีหรอ...” คยองซูทำหน้าฉงน “กูฟังแล้วไม่เห็นมีอะไรเลย เป็นเสียงซ่าๆ”

                “ฮะ -O-?” จงอินถึงกับงง เขาแน่ใจว่าเขากดหูซ้ายแน่นนี่หว่า
                “จริงๆ นะ” ร่างเล็กยืนยัน

                “เอามานี่ดิ๊ เอามาฟัง” จงอินคว้าตุ๊กตาหมีไปพลางกดหูขวา ก่อนจะเงี่ยหูฟัง

                กู... กูก็รักมึง รักมาตั้งแต่ม.สี่แล้ว นานกว่ามึงอีกนะ...

            O_O!!” จงอินถึงกับงงกับประโยคแรกที่ได้ยินเพราะมันเป็นเสียงของคยองซูที่อัดทับเสียงเก่าของเขา จงอินจ้องหน้าคยองซูเหมือนต้องการคำอธิบาย แต่คยองซูก็ได้แต่ยิ้มแล้วพยักเพยิดให้ฟังต่อ


                ถึงมึงจะมีแฟนกี่สิบคน กูก็ไม่โกรธ แต่จู่ๆ กูก็อยากหนีมึงขึ้นมา ขอโทษนะ ที่กูทำสำเร็จ กูได้หนีมึงจริงๆ แล้ว แต่ทำไมมึงมาขอกูเป็นแฟนเฉยเลยล่ะเนี่ย... อืม... ถ้าฟังจบแล้วก็บอกกูหน่อยนะ จะได้รู้ว่าฟังจบแล้ว
  

                “ฟ... ฟังจบแล้ว O_O” จงอินหันมาบอกคยองซูด้วยแววตาที่ยังประหลาดใจ

                “อืม... ถ้ามึงไม่โกรธกู ยังอยากเป็นแฟนกับกูอยู่...”
                “...”

                “กูก็ตกลง” คยองซูยังคงก้มหน้างุดเพราะกลัวกับผลที่จะตามมา เขาไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี่จะทำให้จงอินเปลี่ยนใจรึเปล่า แต่ที่แน่ๆ ขอสารภาพรักก่อนไปก็ยังดี

                “เดี๋ยวนะ... คือ... นี่เราใจตรงกันหรอ คือเราจะเป็นแฟนกันจริงๆ หรอ O_O” ร่างสูงยังคงเหวอกับความจริงที่เกิดขึ้น คยองซูจึงยิ้มแห้งๆ ก่อนจะค่อยๆ พูด

                “ก็ถ้ามึงไม่ได้โกรธกู... กูก็ตกลง”

                “โกรธเหี้ยอัลไลลล T___T” ร่างสูงทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “ดีใจที่สุดในโลกเลยต่างหาก!

                “จริงหรอ O_O! ไม่ได้โกรธกูเลยหรอ?” ร่างเล็กเงยหน้าถาม

                “จะโกรธทำไม T^T? กูแค่เสียใจเพราะไม่รู้ว่ากูอยู่ในฐานะไหนสำหรับมึง...” ร่างสูงเงียบไปก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้แล้วคว้าร่างเล็กมากอด

                “แต่ตอนนี้รู้แล้ว ^____^
                “...”

                “เป็นแฟนกันไง~ เนอะ~” จงอินซุกหน้าลงบนคอร่างเล็กก่อนจะหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข
                “อื้ม >____<

For the ending of my first begin...
And for the rare and unexpected friend...
For the way you’re something that I never choose...
But at the same time something I don’t wanna lose...
And never wanna be without ever again
สำหรับตอนจบของการเริ่มต้นครั้งแรกของฉัน
สำหรับเพื่อนที่หายากและไม่คาดคิดว่าจะมาเป็นเพื่อนกัน
สำหรับ เธอคนที่ฉันไม่คิดจะมอง
แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็เป็นคนที่ฉันไม่อยากจะสูญเสีย
และไม่อยากจะอยู่โดยไม่มีเธออีกแล้ว


                “อ่า... ชานยอลกับแบคก็อยู่หรอ -O- อายจัง” เมื่อลืมตาและเงยหน้าขึ้นมาก็เจอชานยอลกับแบคฮยอนที่ยืนมองด้วยแววตาปีติยินดีที่สุด

                “ถ้าพวกมันไม่มาแล้วกูจะมากับใครเล่า -_-^” คยองซูมองหน้าจงอินเซ็งๆ ก่อนจะผละออกจากอ้อมกอดแล้วเดินไปหาแบคฮยอนพร้อมรอยยิ้มสดใส

                “กูทำสำเร็จแล้วนะ ฝากบอกแม่มึงด้วย >___<

                “เออน่ะ กูว่าป่านนี้แม่กูรู้แล้วแหละ นางคงแอบล่องหนมาส่งมึง ฮ่าๆๆๆ” แบคฮยอนพูดติดตลก ก่อนจะเลื่อนมือมาจับมือคยองซู “นี่... พวกกูกลับก่อนนะ พวกมึงจะได้อยู่ด้วยกันสองคน”

                “ฮะ O_O? ไม่เอาอ่ะ ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันก่อนสิ” คยองซูรบเร้าแต่แบค ฮยอนก็ส่ายหน้า

                “ไม่ได้ๆ มึงไม่เห็นหรอ ไอ่ไก่ดำมันจะเอาเขาขวิดพวกกูอยู่ละ -_-^ เอาเป็นว่า พวกกูไปแล้วนะ ^^ ตั้งใจเรียนนะมึง สไกป์มาหากูด้วยน้า” แบคฮยอนผละมือออกก่อนจะโบกมือบ๊ายบาย

                “อ... อืม ชานยอลดูแลแบคด้วยนะ ^___^ อย่าให้มันแรดมาก” คยองซูพูดพร้อมเสียงหัวเราะ

                “โอเคครับ” ชานยอลพูดทิ้งท้ายก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกไป คยองซูจึงเดินกลับไปหาจงอินที่ยืนเหม่อมองเพดานสนามบินมาอยู่นานแล้ว

                “นี่! เอาหมีคืนมาด้วย” คยองซูทวง

                “ทำไมต้องคืน? กูไม่ให้เว่ยยยยยย~ จะนั่งฟังเสียงมึงบอกรักกูทั้งวันทั้งคืน นี่กูยังจำประโยคแรกได้อยู่เลยนะ กู... กูก็รักมึง รักมาตั้งแต่ม.สี่แล้ว นานกว่ามึงอีกนะ... โอ๊ย > / / / < พูดเองก็เขินเองว่ะห่า ฮือออ” จงอินทำตัวเหมือนพวกโรคจิตสองบุคลิก โดยการทำตัวเป็นนักเลงเลวๆ ทำไปทำมาก็เป็นพวกมุมิ ซักพักก็ร้องไห้ ทำเอาคยองซูหัวเราะลั่น

                “ฮ่าๆๆ เอออ จะฟังอะไรก็ฟังงง - / / / -”

                “นี่! เอาริลัคคุมะที่กูให้ไปด้วยรึเปล่า” ร่างสูงช่วยเข็นรถใส่กระเป๋า โดยใต้รักแร้ข้างซ้ายก็หนีบหมีไว้แน่น

                “เอาไปดิ”

                “อันนั้นน่ะ... ถือว่าเป็นตัวแทนกูแล้วกันนะ อิอิ - / / / -” พูดเองก็เขินเอง
 
                “แหยะ -_-^ ริลัคคุมะเนี่ยนะตัวแทนมึง? คราวหลังซื้อหมีควายตัวดำๆ มาแทนเถอะ จะได้นึกภาพคิมจงอินได้” คยองซูพึมพำเบาๆ ก่อนจะทำหน้าอนาถ

                =____= เอออออ ก็ด้ายย คราวหลังจะซื้อหมีควายตัวดำๆ! งอนแล่ว!” ร่างสูงทำเป็นเชิดหน้าใส่ แต่คยองซูก็ไม่สนใจกลับมองหาร้านอาหารเที่ยงแทน
            
                “จะกินร้านไหน” คยองซูหันมาถาม

                “ไม่ยู๊! จะกินอะไรก็กิน! งอนอยู่! -^-” 

                “งั้นเอาร้านนี้ อยากกินอะไรเกาหลีๆ ก่อนไป” คยองซูชี้ไปที่ร้านอาหารเกาหลีดั้งเดิม ก่อนจะช่วยลากรถเข็นของตัวเองให้ไปถึงร้านไวๆ

                “บิบิมบับกับกิมจิสองเซทครับ” คยองซูสั่งทันทีที่ก้าวเข้าไปในร้าน 

                “เฮ้ยยย กูไม่ได้อยากกินบิบิมบับซักกะหน่อยอ่ะ T____T” จงอินรีบแย้ง แต่ก็ไม่ได้ขอเปลี่ยนเมนูอะไรมากมาย เขาเดินเข้าไปนั่งตรงข้ามกับคยองซูก่อนจะยิ้มบางๆ

                “เฮ้ออออออ~ รักมึงจัง นี่ไม่เคยรักใครเลยนะ ขนาดชอบยังไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อนเลย” จงอินพูดออกมายิ้มๆ ทำเอาคยองซูเขินหน้าแดงเมื่อได้ยินแบบนั้น

                “บ้า - / / - ก็เวอร์ไป”

                “ไม่เวอร์นะ! กูชอบแอบมองมึงตอนหลับ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องแอบมองตอนหลับ ตอนตื่นไม่คิดจะมอง...”
                “...”
                “แต่ตอนนี้รู้แล้วล่ะ ^^ กูคงไม่อยากให้มึงรู้ตัวว่ากูมองมึงอยู่...”
                “...”

                “กูอาจจะชอบมึงมาตั้งแต่แรกแล้วก็ได้นะ”

                “อือ (_ / / / _)” ร่างเล็กก้มหน้าเล็กน้อยก่อนจะใช้มือขวาเคาะบนโต๊ะเบาๆ เพื่อแก้อาการเขิน แต่ร่างสูงกลับยิ้มเบาๆ แล้วคว้ามือนั้นมาแนบแก้มตัวเอง

                “คู่เราอาจจะไม่มีแหวนรวยๆ เหมือนคู่ห่าสองคู่นั้น แต่เดี๋ยวกูจะทำงานพาร์ทไทม์ซื้อแหวนให้นะ” ร่างเล็กถึงกับหลุดขำกับประโยคที่เหมือน เป็นแฟนคนจน ต้องทนหน่อยน้องมากๆ =[]=!!

                “ฮ่าๆๆๆๆๆ ไม่เห็นต้องทำงานเลย! เดี๋ยวกูซื้อให้”

                “กูรู้ว่าบ้านมึงรวย -*- แต่กูต้องเป็นคนซื้อให้มึงสิ! ไม่งั้นกูก็จะขอชานยอลซักแสนสองแสน เดี๋ยวมันก็เซ็นเช็คให้กู เชื่อดิ” จงอินยังคงกุมมือเล็กนั้นไว้แน่น แต่คนตัวเล็กกลับยิ้มแล้วเปลี่ยนเป็นฝ่ายกุมมือจงอินแทน

                “ไม่ต้องซื้ออะไรให้ทั้งนั้นแหละ แค่มีมึงอยู่ก็พอแล้ว ^___^” 

                เป็นจังหวะเดียวกับที่อาหารมาเสิร์ฟพอดี ทั้งสองคนยังคงขายขนมจีบให้แก่กัน คิมจงอินผู้เสี่ยวแดกก็ยิงมุกเสี่ยวไม่หยุด แต่ศรีโดโด้ก็ยิงมุกนางเอกกลับ และเมื่อข้าวเริ่มหมด...

                “เออนี่ ไอ่ห่าจงอิน”

                “โห เรียกผัวได้เถื่อนมาก =___= มีอะไร”

                “เรามาทำอะไรแบบที่แฟนเค้าทำกันมั้ย...” คยองซูวางช้อนลงบนจาน มองจงอินด้วยสายตาที่ลึกซึ้งจนคนถูกมองตกใจ

                “อะไร O_O แฟนกันเค้าต้องทำอะไรกัน!?

                “ก... ก็... แบบนั้นไง - / / / / / - อย่าให้กูพูดเยอะได้มั้ยฮะ” ร่างเล็กเกาหัวแกรกๆ เพราะความเขิน 

                “แบบนั้นมันแบบไหน O_O!!? แบบจุดจุดจุดอ่ะนะ!?” จงอินกระซิบถามด้วยเสียงที่ประหลาดใจ 

                “เอออออ ย... อย่างน้อยก็ขอซักทีนึงก่อนไปเรียนต่อไง อย่าพูดมากได้มั้ยยยย เขินเป็นนะเว่ย” คยองซูเอามือปิดหน้าตัวเองเพราะความเขินทะลุขึ้นหัว แต่จงอินกลับหัวเราะเบาๆ ก่อนจะแกะมือเล็กที่ปิดหน้าตัวเองอยู่อย่างเบามือ

                “นี่...” เขากระซิบ “แล้วจะไม่ไปเจ็บบนเครื่องบินหรอ”

                “โอ๊ยยยย -O- เจ็บก็ช่างแม่งดิ ทนๆ เอาได้น่า”

                “แล้วจะเอาตรงไหน ตรงนี้?”

                “พ่องงง =[]=!! มาเอาอะไรในร้านอาหารเล่า!” ร่างเล็กถึงกับหายเขินเมื่อจงอินพูดอะไรอนาถขนาดนั้น “มันก็มีโรงแรมของสนามบินอยู่แถวนี้เนี่ย ก็ไปที่นั่นก็ได้ไง”

                “อ่ออออ โอเค ไปกัน ^____^” ร่างสูงลุกขึ้นยืนก่อนจะจ่ายตังค์ค่าอาหารให้ แล้วลากรถเข็นกระเป๋าออกมาจากร้าน

                “โรงแรมอยู่ทางนู้น” คยองซูชี้ไปที่ทางออก จงอินจึงหัวเราะลั่น

                “ฮ่าๆๆๆ นี่อย่าบอกนะว่านัดให้มาก่อนสามชั่วโมงเพราะจะได้มีเวลามาทำแบบนี้ แหม่ มีการศึกษาสถานที่อย่างดีด้วยแฮะ” 

                “นี่! O / / / / O ไม่ได้นัดล่วงหน้าเพราะจะมาทำอะไรแบบนี้ซักหน่อย! แล้วก็ไม่ได้ศึกษาสถานที่ล่วงหน้าด้วย! ป้ายตัวเท่าควายไม่เห็นก็ตาบอดละ =O=!! ตกลงว่าจะไปหรือไม่ไปฮะ?” ร่างเล็กขู่

                “ไปจ้ะ > / / / <




โรงแรมสนามบินนานาชาติอินชอน

                “จะเข้าห้องแล้วนะ แน่ใจนะ” จงอินถามขณะที่กำลังไขกุญแจเข้าไปในประตูห้อง ร่างเล็กแอบสั่นเบาๆ ด้วยความหวาดเสียว... ไม่น่าทำตัวกร่างเลยเรา ดูสิ พอถึงเวลาสั่นงกๆ เลย T^T

                “เออน่ะ” คยองซูตอบปัด เขาไม่อยากให้จงอินรู้ว่าตัวเองเริ่มกลัวขึ้นมาหน่อยๆ แต่คาสโนว่าระดับพ่ออย่างคิมจงอินมีหรือจะไม่รู้ เขาดันให้คยองซูเดินเข้าห้องไปก่อน ส่วนตัวเองก็เข็นกระเป๋าเดินทางของคยองซูเข้ามาในห้อง ร่างเล็กถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งบนเตียงใหญ่ 

                “ไปอาบน้ำดิไป” จงอินพูดขณะที่กำลังวุ่นอยู่กับการเก็บกระเป๋าเข้าห้อง     คยองซูจึงลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะความตื่นเต้น แล้วรีบวิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำทันที จงอินเห็นภาพนั้นที่หางตาก็เผลอหลุดหัวเราะออกมา... โด้เอ๊ย น่ารักชิบเป๋ง

                จงอินเลือกที่จะนั่งรออยู่บนเตียง เขาได้ยินเสียงสายน้ำในห้องน้ำดังเป็นระยะๆ จนในที่สุดมันก็เงียบไป แล้วก็ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำ คยองซูซึ่งอยู่ในสภาพผ้าคลุมอาบน้ำสีขาวก็เดินออกมาเงียบๆ

                “มานั่งนี่” จงอินออกคำสั่งก่อนจะตบที่เตียงเบาๆ บริเวณข้างซ้ายของตน ร่างเล็กจึงเดินมานั่งลงข้างๆ 

                แน่ใจนะร่างสูงถามย้ำอีกครั้ง คยองซูได้แต่นั่งพยักหน้าหงึกๆ อยู่บนเตียง ขาเริ่มสั่นขึ้นมานิดๆ เพราะความกลัวจนจงอินต้องนั่งลงข้างๆ แล้วกอดเบาๆ

                “...”
                ค่อยๆ แล้วกันนะ
                “...”

                กูจะทะนุถนอมมึงที่สุดจงอินพูดพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น คนตัวเล็กจึงพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะพูดเสียงแผ่ว

                ฝากตัวด้วยนะ

                ร่างสูงหัวเราะในลำคอก่อนจะจูบปากเรียวแบบไม่ใส่ใจนัก คนตัวเล็กจึงผลักไหล่ร่างสูงทิ้งอย่างหัวเสีย

                “นี่จูบแรกกูนะ ทำดีๆ เด่ะ” คยองซูพูดตัดพ้อเบาๆ จงอินจึงก้มลงก็ประทับปากลงบนริมฝีปากเล็กอย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อยหนักหน่วงขึ้น ลิ้นหนารุกเข้ามาในโพรงปากเล็กก่อนจะกวาดหาความหวานไปจนหมดสิ้น ลิ้นเล็กตอบรับอย่างไม่ประสีประสา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผู้ที่มีประสบการณ์รู้สึกเซ็งเลยแม้แต่น้อย กลับมีรอยยิ้มบางผุดขึ้นบนใบหน้าและใช้ลิ้นตวัดเกี่ยวความหวานไปเรื่อย 

                “อื้อ...” ร่างเล็กทุบอกแกร่งเป็นการประท้วงว่าหายใจไม่ทัน ร่างสูงจึงยอมหยุดแล้วค่อยๆ ผละออกช้าๆ

                “ทำไมครับ กูจูบเลวไปหรอ”

                “เออดิ!” 

                “ถ้างั้นก็เลิกจูบเถอะ ทำอย่างอื่นดีกว่า” จงอินจับให้คยองซูนอนลงบนเตียงช้าๆ มือหนาไม่ได้อยู่เฉย เพราะกำลังปลดเสื้อคลุมอาบน้ำนั่นอย่างรวดเร็วจนเห็นเรือนร่างขาวนวลเนียน คนตัวเล็กถึงกับหน้าแดงขึ้นมาดื้อๆ เพราะอายที่ร่างกายตัวเองกำลังเปลือยเปล่า 

                “อยากฟัง... พูดอะไรซักอย่างสิ” ร่างสูงกระซิบขึ้นเบาๆ 

                “ไม่... อ๊ะ” ไม่ทันขาดคำปฏิเสธของคยองซู ร่างสูงก็ใช้ปากกดไปทั่วร่างกายจนเกิดเป็นรอยกลีบกุหลาบแดงไปทั่ว แต่ร่างเล็กยังคงเขินอายที่จะครางอะไรแบบนั้น จึงได้แต่กลั้นเสียงไว้ 

                “จิ๊” จงอินส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอด้วยความหงุดหงิด ถ้าคนข้างล่างไม่ครางอะไรเลยมันก็ไม่สนุกน่ะสิ... ไม่ได้การละ ต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด 

                “อ๊ะ... อืม” ลิ้นซุกซนเริ่มเลียไปทั่วยอดอกแข็งสีชมพู ก่อนจะดูดเบาๆ เพื่อให้คนตัวเล็กเสียวซ่าน แผ่นอกเล็กแอ่นขึ้นมารับสัมผัสได้เป็นอย่างดี “จงอินอ่า... จงอิน...”               
  
                “หึ...” ผู้ถูกเรียกหัวเราะในลำคอเบาๆ เขารู้สึกดีจริงๆ ที่ร่างเล็กเรียกชื่อเขาออกมาแบบนั้นจึงค่อยๆ เลื่อนตัวลงไปด้านล่าง มือหนาลูบที่สะโพกมนเบาๆ โดยที่ปากก็ยังคงโลมเลียหน้าท้องแบนของคยองซูอย่างกระหาย

                “อื้อ... จั๊กจี๋อ่ะ คิก” ร่างเล็กหลุดหัวเราะออกมาเมื่อจงอินจูบเบาๆ ที่เอว ยิ่งจงอินค่อยๆ เลื่อนตัวลงไปด้านล่างมากเท่าไหร่ คยองซูก็ได้แต่หลับตาปี๋ด้วยความเขิน

                “พร้อมแล้วมั้งเนี่ย” จงอินมองแก่นกายของคยองซูเล็กน้อย ก็เห็นว่ามันพร้อมที่จะปลดปล่อยแล้ว

                “ย... อย่าแกล้งนะ...” คยองซูรีบพูดดัก เพราะแอบกลัวว่าจงอินจะแกล้งด้วยการปล่อยให้อยากแล้วจากไป

                “จะแกล้งได้ยังไงครับ...”
                “...”

                “กูพร้อมก่อนมึงอีก” พูดไม่ทันจบประโยคร่างสูงก็ใช้ลิ้นร้อนตวัดไปทั่วที่สะดือเพื่อเรียกความเสียวซ่านให้กับคนตัวเล็กมากขึ้นไปอีก มือหนากอบกุมแก่นกายของคนตัวเล็กไว้เบาๆ ก่อนที่จะใช้ปากจูบซับไปทั่ว มืออีกข้างใช่ว่าจะว่าง กลับบีบคลึงสะโพกมนอย่างไม่เบาแรง จนคนตัวเล็กต้องบิดเร่าไปมาด้วยความเสียว ร่างสูงจับส่วนนั้นเข้าไปในปากตัวเองก่อนจะใช้ปากรูดขึ้นลง

                “อื้อ... จ... จงอินอ่า” คยองซูครางออกมาเบาๆ เพราะความเสียวซ่าน มือเล็กจับกลุ่มผมของจงอินไว้เหมือนหาที่ยึดเหนี่ยว ร่างสูงทั้งดูดทั้งเลียจนเกิดเสียงจ๊วบจ๊าบดังลั่นห้อง ในที่สุดคยองซูก็กระตุกน้ำรักออกมาเต็มปาก แต่ใช่ว่าจะรังเกียจ จงอินกลับกลืนกินไปจนหมดสิ้น 

                “เอาล่ะนะ” จงอินพูดเบาๆ เป็นการบอกล่วงหน้าว่าที่ทำทั้งหมดยังไม่ใช่เป้าหมายหลัก แต่สิ่งที่กำลังจะทำต่อไปนี้ต่างหากคือของจริง

                ร่างสูงถอดเข็มขัด ปลดซิปกางเกงตัวเองและร่นมันลงไปกองที่เข่าอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะค่อยๆ ใช้แกนกายตัวเองแตะสัมผัสเบาๆ ที่ปากทางรัก จับสะโพกมนให้ตั้งขึ้น แล้วค่อยๆ ใช้ส่วนหัวเข้าไปทีละนิด          

                “อึก...” คยองซูถึงกับตัวเกร็งกับขนาดและความจุกที่เกิดขึ้น สำหรับครั้งแรก... มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย

                “ต่อมั้ย” ร่างสูงเริ่มลังเลเมื่อเข้าไปได้เกือบครึ่งทาง เขาไม่อยากให้คยองซูเจ็บตัวแม้เพียงวินาทีเดียว แต่คนตัวเล็กกลับมีรอยยิ้มผุดพรายบนใบหน้าก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นๆ

                “อื้ม...” เพราะรักแท้ๆ ไม่อย่างนั้นคยองซูไล่เตะกลับบ้านไปนานแล้ว ร่างสูงได้ยินดังนั้นจึงค่อยๆ สวนลึกเข้าไปอีก แต่ยังไม่กล้ากระแทกเพราะกลัวว่าคนตัวเล็กจะเจ็บ จึงแช่ไว้อย่างนั้นเพื่อให้ร่างกายของคยองซูปรับสภาพ จนกระทั่งเขาสัมผัสได้ว่าปากทางรักของร่างเล็กเริ่มขยายตัว จึงเริ่มกระแทกเบาๆ

                “อ๊ะ... อ๊ะ... อึ้ก” ร่างเล็กครางออกมาตามจังหวะกระแทกของจงอินเพราะความเสียวซ่าน ร่างสูงก็เสียวมากไม่แพ้กัน จึงได้แต่ซี้ดปากเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์ 

                ฝ่ามือหนาบีบคลึงสะโพกมนอย่างหมั่นเขี้ยว ท่อนเนื้อเริ่มซอยถี่ขึ้น แรงขึ้นเสียจนคยองซูอยู่ไม่สุข นิ้วเล็กถูกนำมากัดไว้ที่ปากเพื่อกลั้นเสียง แต่ยิ่งจงอินเห็นแบบนั้นกลับรู้สึกว่าคนตัวเล็กเซ็กซี่บาดใจเหลือเกิน จึงกระแทกลงไปจนมิดด้าม 

                “ล... ลึก... อึก... ลึกอีก” เมื่อคนตัวเล็กขอมา ร่างสูงก็จัดไป เขากระแทกลงไปตามจุดกระสันลึกขึ้นเรื่อยๆ จนตัวเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายเสียวซ่านมากกว่าอีก

                “อ่า.... โด้... อีกนิดนะ” เขาครางต่ำในลำคอก่อนจะกระแทกลงไปไม่ยั้ง มือหนาบีบสะโพกมนเสียจนเป็นรอยแดง ช่องทางคับแคบนั้นตอดรัดแท่งเอ็นของเขาดีเสียจนเขาแทบคลั่ง 

                “ร... อึก... เร็วอีก... อ้ะ” ไม่รู้ว่าตอนนี้ใครเป็นฝ่ายที่เชี่ยวประสบการณ์กันแน่ เพราะคยองซูได้แต่สั่งให้จงอินทำตามความปรารถนาของตัวเอง ร่างสูงยิ้มอย่างพอใจก่อนจะทำตามคำสั่งโดยการเร่งความเร็วและแรงจนคนตัวเล็กเสียวซ่าน มือเล็กขยุ้มผ้าปูที่นอนเสียจนยับยู่ยี่ 

                “อ่า... โด้เอ๊ย...” จงอินแทบจะสบถออกมากับความเสียวซ่านที่ตัวเล็กมอบให้ จนในที่สุดเขาก็กระตุกเกร็งและปล่อยน้ำรักขุ่นเข้าไปในช่องทางรักนั้นจนหมด แต่คนตัวเล็กที่ปลดปล่อยไปแล้วครั้งหนึ่งกลับยังค้างคาซะอย่างนั้น

                “อือ... จงอินอ่า กูยัง...”

                “รู้แล้วครับ” ร่างสูงกระแทกย้ำๆ อีกและมือหนายังช่วยรูดรั้งขึ้นลงอย่างเร็ว
                “จ... จงอิน จงอิน...”

                “ครับ... จะมาแล้วครับ...” ร่างสูงตอบก่อนที่มือหนาจะรูดรั้งไม่หยุดหย่อน

                “จ... จงอิน... ม... ไม่ไหวแล้ว “ สุดท้ายน้ำรักของคยองซูก็ถูกปลดปล่อยออกมาเปรอะมือของจงอิน แน่นอนว่าเขาไม่อยู่เฉย ร่างสูงเลียน้ำรักที่เปรอะมือตัวเองอย่างอารมณ์ดีก่อนจะลงไปเลียที่หน้าท้องแบนราบอีกครั้ง

                “อื้อ... อะไรอีกล่ะ จะเอาอีกรอบหรอ” ร่างเล็กโวยวาย แต่จงอินกลับยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะค่อยๆ โลมเลียไต่ระดับขึ้นมาจนถึงต้นคอขาว

                “เปล่า เค้าเรียกว่าปิดท้าย” ร่างสูงกระซิบแหบพร่าก่อนจะฝังรอยกลีบกุหลาบที่ต้นคอขาว แบบที่เรียกว่าถ้าไม่ได้ใส่ผ้าพันคอปิดล่ะก็ เห็นชัดเด่นมาแต่ไกลเลยทีเดียว
 
                ร่างสูงไต่ระดับขึ้นมาอีกก่อนที่จะจุมพิตเบาบางที่เรียวปากสวย ลิ้นร้อนไม่ได้รุกล้ำปากเรียวแต่อย่างใด แค่เพียงเท่านี้ร่างเล็กก็ยิ้มออกมาพร้อมน้ำตาที่เอ่อคลอ...

                ขอบคุณนะที่ทำซะเบาเลย... เกร็งน่าดูเลยสิ คิก

                กูจงใจปล่อยในนั้น... เผื่อมีฝรั่งมาเอามึง มันจะได้รู้ซะบ้างว่าตรงนี้มีเจ้าของแล้วหลังจากที่เสร็จสิ้นทุกอย่าง ร่างสูงก็นอนลงข้างคนตัวเล็กก่อนจะกระซิบขึ้น

                 แล้วมึงคิดว่ากู... จะให้คนอื่นทำรึไงร่างเล็กยังคงหอบเหนื่อยเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มบางให้จงอินเป็นการขอบคุณที่เขาทะนุถนอมและทำอย่างเบามือตามคำพูดที่ให้ไว้ รู้มั้ย... นี่เก็บไว้ให้มึงคนเดียวเลยนะ

                จะดีใจดีมั้ยเนี่ยจงอินเกาหัวเซ็งๆ
                ไมอ่ะ

                ก็เพราะเป็นครั้งแรกกูเลยต้องกลั้นใจทำเบาๆ ถ้ามึงเชี่ยวกว่านี้กูจัดท่าพิสดารไปละ    
         
                จ้าๆ งั้นกูไปฝึกปรือกับหนุ่มเมกาดีมะคยองซูพูดขู่พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

                พ่องงงงงงและแน่นอนว่าร่างสูงไม่ยอมเด็ดขาด ไว้มึงกลับมาเมื่อไหร่นะ ถึงเจ็บจนตัวจะระเบิด ร้องไห้น้ำตาไหลบอกให้กูหยุด กูก็จะไม่ยั้งมือเลยคอยดู

                “จ้าๆ ^^” ร่างเล็กตอบพร้อมรอยยิ้มหวาน ก่อนจะเหลือบไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังห้อง “อีชิบหายยยย! บ่ายโมงแล้วว อีกชั่วโมงนึง ใส่เสื้อผ้าเร็วววว”

                “คร้าบบบ =____=” ร่างสูงรีบลุกขึ้นจากเตียงพร้อมๆ กับคยองซู ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเสื้อผ้าตัวเองยังอยู่ครบ แม้ท่อนล่างจะกรอมอยู่ที่ปลายเข่าก็เถอะ เขาใส่กางเกงอย่างคล่องแคล่วก่อนจะมองร่างเล็กที่กำลังวุ่นวายกับการใส่เสื้อผ้า ไหนจะต้องหาผ้าพันคอมาปิดรอยแดงที่คออีก

                “ไม่ต้องปิดร้อกกกก โชว์เล้ยยยย” 

                “ไม่ปิดได้ไง! แล้วดูดิ๊! จะทำไว้ทำไมเยอะแยะเนี่ย -_-;” ร่างเล็กรีบเปิดกระเป๋าลากที่ไว้ใส่เสื้อกันหนาวก่อนจะหยิบผ้าพันคอมาได้ผืนหนึ่ง แต่จงอินก็เดินเข้ามาคว้าผ้าพันคอไปพันคอตัวเองเฉย

                “เก๊าหนาววววว~ จู่ๆ เก๊าก็อยากหาอะไรมาพันคออ่ะ” พลางพูดอะไรเลี่ยนๆ แก้ตัวอีกต่างหาก         
      
                “ไม่เป็นไร มีอีก” คยองซูตอบแบบไม่ยี่หระ ก่อนจะค้นเจอผ้าพันคออีกผืนในกระเป๋า แต่ร่างสูงก็คว้าไว้ทันก่อนจะเอามาผูกเอว

                “คือช่วงนี้มันมีเทรนด์ใหม่เป็นช่วง Summer จาก Chanel น่ะ เอาผ้าพันคอผูกเอวนี่เท่สุดๆ >O<

                =_____=
                “ไม่ต้องพันหรอกน้า T____T เค้าอยากอวดคนอื่นอ่ะว่าคนนี้เมียเค้า เค้าจองแล้ว หวงด้วย” สุดท้ายจงอินก็พูดความจริง คยองซูจึงถอดผ้าพันคอที่พันอยู่ที่คอและเอวของร่างสูงออกแล้วเก็บใส่กระเป๋าตัวเองอย่างเหนื่อยใจ

                “เออๆๆ” ทั้งคู่ช่วยกันลากกระเป๋าและข้าวของออกจากห้อง ก่อนจะเดินออกจากโรงแรมและเดินกลับที่สนามบิน แต่เพียงแค่ก้าวเข้าไปข้างในก็ได้ยินเสียงประกาศ

                Attention please, Asiana Airlines
            Flight OZ541 to Frankfurt, It's now boarding at gate G,
            Please board at gate G, Thank You.

                “ง่ะ เรียกซะแล้ว” คยองซูถึงกับบ่นเบาๆ นี่พึ่งบ่ายโมงกว่าๆ เอง...

                “อะไร มันไปแฟ๊งเฝิดๆ ซักอย่างไม่ใช่ไง๊” ร่างสูงหันมาบ่นก่อนจะช่วยลากรถเข็นใส่กระเป๋าไปหาที่นั่งกันเงียบๆ สองคน

                “ฮ่าๆๆ แปลออกด้วยหรอ ก็นั่นแหละ ต้องไปลงที่ Frankfurt ก่อนแล้วค่อยไปต่อ” คยองซูพูดตอบยิ้มๆ อย่างน้อยก็ดีใจที่จงอินพอจะฟังรู้เรื่องบ้าง ทั้งคู่นั่งลงบนเก้าอี้ก่อนจะเหม่อมองออกไปด้านนอกกระจกบริเวณที่เป็นลานจอดเครื่องบินพอดี 

                “มานี่” จงอินพึมพำเบาๆ ก่อนจะคว้าเอวร่างเล็กมาแนบด้านข้าง คยองซูจึงซบลงที่ไหล่ของจงอินอย่างเหนื่อยล้า 

                “จงอินอ่า...”
                “นี่ ฟังดีๆ นะ กฎในการอยู่ต่างประเทศของคยองซูเมียจงอิน” จงอินเริ่มพูดอะไรแผลงๆ จนคนตัวเล็กกลอกตาเซ็งๆ แต่หูก็ตั้งใจฟัง

                “กฎไรอีกล่ะ”
                “ห้ามหาผัวหรือกิ๊กใหม่ให้ตัวเองหรืออิแบคหรือพี่ลู่โดยเด็ดขาด”
                =______=
                “ห้ามกินข้าวไม่ตรงเวลา... ห้ามนอนผิดเวลา ห้ามตื่นสายจนเกินไป...”           
                “...”
                “ห้ามป่วย ห้ามทำตัวเองเป็นแผล ห้ามท้อ ห้ามหมดหวัง”
                “...”
                “เปิดสไกป์ทั้งวันทั้งคืน เปลืองไฟก็ช่างแม่ง เปิดให้กูเห็นว่ามึงทำอะไรอยู่ อ่านหนังสืออยู่ กินข้าวอยู่ ดูทีวีอยู่ อะไรก็ได้”
                “อือ”

                “สุดท้าย... ตั้งใจเรียน... นะ” จงอินพูดทิ้งท้ายก่อนจะลูบหัวคยองซูเบาๆ ทั้งคู่เลือกที่จะไม่มองหน้ากันและมองไปที่ลานจอดเครื่องบินด้านนอกดีกว่า คยองซูปล่อยให้น้ำตาไหลลงไปตามแรงโน้มถ่วงโลกก่อนจะเช็ดมันออกลวกๆ ร่างสูงรู้ดีว่าคนที่อยู่ในอ้อมแขนกำลังร้องไห้แต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดถึงมัน

            Attention please,
            This is a Final Call of Asiana Airlines
            Flight OZ541 to Frankfurt
            It's now boarding at gate G, Please board at gate G,
            Immediately, Thank You.

                “นี่ก็เรียกเมียกูจังง ไฟน่งไฟน่อลห่าอะไรล่ะ มึงแอบชอบเมียกูใช่มั้ย อีดอกส์ตอบบบ” จงอินด่าประชาสัมพันธ์เอาฮา แต่คยองซูไม่ฮาด้วย เขารีบปาดน้ำตาทิ้งและลุกขึ้นยืน 

                “ไปกันเถอะ”

                “อืม” ร่างสูงลุกขึ้นยืนบ้างและเดินเข็นรถเข็นไปที่เกท G ทั้งคู่ตกอยู่ในความเงียบก่อนที่จะเดินมาถึงเกท G อย่างเร็วเสียจนอยากหยุดเวลาไว้นานๆ

                “ห้ามร้องไห้นะ” จงอินรีบสั่งล่วงหน้า คยองซูจึงเม้มปากก่อนจะกลอกตาขึ้นไปบนเพดานเพื่อกลั้นน้ำตาสุดชีวิต พลางหายใจเข้าออกเป็นจังหวะและไม่มองหน้าจงอิน ร่างสูงมองความพยายามในการกลั้นน้ำตาของคนตรงหน้าก็นึกขำ แต่ก็ขำไม่ออกเพราะตัวเองก็เริ่มอยากจะร้องไห้บ้างเหมือนกัน

                “มานี่... มากอดทีนึง” จงอินกวักมือเรียกคยองซูที่ยืนมองเพดานสนามบิน คนตัวเล็กจึงเดินเข้าไปหาแต่สายตาก็ยังไม่อยากมองจงอินอยู่ดี แขนเล็กๆ ทั้งสองข้างกอดแผ่นหลังจงอินเสียแน่น หน้าเรียวซุกลงบนไหล่ของร่างสูงก่อนจะกัดปากตัวเองเพื่อกลั้นน้ำตา

                “กูรักมึงนะ” จงอินพูดประโยคเรียกน้ำตาและถึงแม้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะให้คนตัวเล็กร้องไห้อีกครั้ง แต่มันก็ได้ผลแล้วตอนนี้ เพราะร่างเล็กสะอื้นเบาๆ ไหล่เล็กเริ่มไหวไปมา

                “เฮ้อ... ร้องจนได้สินะ” จงอินพูดพร้อมรอยยิ้มกว้าง เขาลูบหัวคนตัวเล็กอย่างเบามือ

                “ฮึก... ฮึก... ฮือออออ ฮือออออออออออ” ร่างเล็กเริ่มร้องไห้เสียงดังจนคนหันมามอง แต่จงอินก็ทำได้แค่ยิ้มให้ผู้คนเหล่านั้นก่อนจะพูดว่า

                “ไม่มีอะไรครับ เมียผมจะไปเรียนต่อเมืองนอก Harvard เลยนะ! ฮ่าๆๆๆๆ” คยองซูได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตาและใช้กำปั้นเล็กทุบไหล่แกร่งเบาๆ เขาค่อยๆ ผละออกจากอ้อมกอดก่อนจะเขย่งตัวขึ้นไปจูบเบาๆ ที่ปากหนา 

                “เยอะนะมึง เดี๋ยวนี้เยอะนักนะ” จงอินกัดฟันพูดอย่างหมั่นเขี้ยว นี่ถ้าไม่เห็นว่าเครื่องบินจวนจะออกล่ะก็ ป่านนี้จับจูบแบบดูดดื่มให้คนทั้งสนามบินหันมามองละ =___=

                “ติดไอ้แบคมาอ่ะ (._.)” ร่างเล็กโยนให้คนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ไปเฉยๆ จนจงอินหัวเราะออกมา

                “ฮ่าๆ เออ ก็คงจะอย่างนั้นแหละ แต่แหม... อีแบคมันยังรั้งไม่ให้ผัวทำอะไรมัน แต่เมียกูนี่แนะนำทุกอย่างเลยนะคะ ทั้งโรงแรม ทั้งท่า ฮ่าๆ”

                “ไอ่ห่า เขินนะเว่ย - / / / / -” น้ำตาของคยองซูเริ่มหายไปจนเขาเองก็รู้สึกดี มันจะเรียกว่าเป็นโชคดีมั้ยนะที่มีแฟนที่วันๆ ฮาอย่างเดียวขนาดนี้ ทำให้เรื่องเศร้ากลายเป็นตลกได้ภายในพริบตาเดียว

                “อืม ไปได้ละ กูจะเดินไปเลยนะ ไม่หันกลับมามองด้วย” จงอินรีบบอกก่อนจะดันให้ร่างเล็กเข้าไปในเกท คยองซูลากรถเข็นเข้าไปพลางเดินคอตกก่อนจะแอบเหล่มองจงอินครั้งหนึ่ง และก็พบว่าจงอินเดินออกไปเลยจริงๆ มือขวาที่จับแขนตุ๊กตาหมีไว้ข้างหนึ่งราวกับเป็นฆาตกรโหดเหี้ยมทำเอาคยองซูหลุดขำออกมาเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไปด้านใน...

                บ๊ายบายนะ
                สัญญาว่าจะตั้งใจเรียน จะไม่ทำให้การจากลาครั้งนี้ต้องเสียเปล่า




ด้านจงอิน

                “ผมมาหาครูพีทครับ” ผมพูดขึ้นก่อนจะเท้าแขนแบบหาเรื่องที่เคาท์เตอร์สถาบันสอนพิเศษ อิเจ๊หน้าเคาท์เตอร์คงจำผมไม่ได้แล้วแต่ผมยังจำความเสือกของนางได้เป็นอย่างดี -_-^

                “โผมอยู่นี่ มีอารายครับ?” เสียงชาวต่างชาติพูดภาษาเกาหลีแปร่งๆ ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ผมจึงหันไปหาก็เจอครูปีเตอร์หรือครูพีทที่หล่อเหลาเอาการ เอาจริงๆ คือหล่อกว่ากูอีก โด้แม่งตาบอดรึไงวะ เป็นกูกูเอาครูทำผัวละ =O= ไม่มาเอาไอ้กากคิมจงอินหรอก -*-

                “เอ่อ ผมชื่อไคครับ เป็นรูมเมทของคยองซู” ผมแนะนำตัวก่อนจะโค้งให้อย่างนอบน้อม

                “รูมเมท? โอ้ววววว O_O! เธอกับคยองซูปายถึงหนายแล้วล่ะ”

                “ฮะ? ก็... แหะๆ เปลี่ยนจากรูมเมทกลายเป็นแฟนกันไปแล้วล่ะครับ ^^” ผมเกาหัวแก้เขิน ว่าแต่ครูรู้เรื่องแบบนี้ได้ไง -_-? อยากจะถามใจจะขาด แต่ครูพีทก็เดินเข้ามาหาผมซะงั้น แถมคว้าผมไปกอดอีก

                Oh My God! You know? I’ve been waiting for this day for so long! I... I... just oh... Oh my KyungSoo, I... I’m so proud of him! Lucky in game and finally, Lucky in love as well!!” เอิ่มมมมม ครูพูดเหี้ยอะไรครับ แปลไม่ออกครับ กูรู้แค่ว่าครูพูดถึงเมียผมครับ =____=

                “อ่า คือผมแปลไม่ออกครับครู”
                “อ่าว -O-

                “ผมมาเพื่อจะบอกว่า...”
                “...”
                “ด้วยสมองกากๆ ควายๆ ของผมนี้...”
                “...”
                “ช่วยทำให้ผมสอบ TOEFL แล้วได้คะแนนดีๆ บ้างได้มั้ยครับ?”


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น