วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

fckmerakme : 17 KIM MIN SEOK.




17

KIM MIN SEOK.



                ตึก... ตึก... ตึก...
                เสียงฝีเท้าของคนสองคนที่เดินอยู่ริมฟุตบาทดังยิ่งกว่าเสียงของผู้คนที่เดินผ่านไปมาเสียอีก

                “...” ความเงียบเท่านั้นที่ปกคลุม เมื่อคนหนึ่งไม่คิดอยากจะคุย อีกคนก็ไม่รู้ว่าจะคุยอย่างไร

                “...” จู่ๆ ร่างสูงก็หยุดเดิน ร่างเล็กที่กำลังเดินตามต้อยๆ ถึงกับชะงักและสงสัยว่าทำไมพี่ไคถึงหยุดเดินเสียดื้อๆ

                “แทมิน”
                “...”

                “พี่กลับก่อนนะ แทมินก็เดินเล่นไปจนครบสองชั่วโมงแล้วค่อยกลับไปหาพวกนั้นแล้วกัน” ไคตั้งท่าจะเดินไปเลยโดยไม่ฟังคำบอกลา แทมินจึงรีบคว้าข้อมือไว้

                “เดี๋ยวครับ... ทำไมถึง...”
                “...”

                “พี่ไค...” เขาเงยหน้ามองร่างสูงด้วยสายตาที่อ่อนแอ เดิมทีแทมินเป็นคนที่ค่อนข้างปล่อยเนื้อปล่อยตัว มีใครมากี่คนก็ได้หมด แต่ตอนนี้... อยากหยุดอยู่ที่พี่ไคคนเดียว แล้วทำไมพี่ไคถึงเป็นแบบนี้

                “หืม” โชคดีที่เขายังตอบรับ...

                ไม่ไหวแล้ว...
                ถ้าพี่เค้าไม่อยากอยู่กับเรา เราก็ไม่ควรจะทำตัวทุเรศแบบนี้...

                “เราเลิกกันเถอะครับ เพราะผมเกลียดพี่ ผมเบื่อพี่ ผมมีแฟนใหม่แล้ว ฮึก...” เพียงแค่พูดไม่กี่คำ น้ำตามันก็ก่อตัวขึ้น จมูกรั้นแสบไปหมด “ผมเบื่อที่จะตามง้อพี่แล้ว... ผมเบื่อ ฮึก... ผม...”

                “ขอโทษ” คำพูดที่ได้รับมา มันไม่ได้ทำให้รู้สึกดีเลยแม้แต่น้อย

                “พี่ไม่ต้องมาขอโทษผมหรอก... พี่จะไปไหนก็ไปเถอะ ต่อจากนี้เราไม่ต้องมาเจอกันอีกแล้ว ไม่มีอีกแล้ว!” แทมินพยายามพูดด้วยน้ำเสียงดุดันและโมโห เพราะไม่อยากให้พี่ไครู้ว่า...

                ที่พูดมาน่ะ... มันไม่จริง
                ที่พูดมาน่ะ... มันไม่ใช่

                ยังรัก... ยังรักพี่ไคอยู่เลย

                “ดูแลตัวเองด้วยนะ” ไคลูบหัวคนตัวเล็กเบาๆ ก่อนที่จะเดินจากมาเงียบๆ เขารู้แล้วว่า การอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่ โดคยองซูนั้น มันไม่มีความสุขเลยซักนิด มันทั้งน่าเบื่อและน่ารำคาญ



                ไคเดินแวะเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต ซื้อของสดที่อยากจะเอากลับไปทำเป็นมื้อเย็น ก่อนที่จะแวะซื้อเค้กสองชิ้นและนั่งรถประจำทางกลับคอนโด เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้คยองซูไปเรียนถึงหกโมง

                “เอาไงดีวะเนี่ย” เขาพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่จะเกาหัวยืนมองอาหารที่ซื้อมา

                นี่กะจะให้โด้ทำให้กินซะเดี๋ยวนี้...
                ส่งไลน์ไปบอกมันดีกว่า


                คิดถึงนะเว้ย กลับมาเร็วๆ มาทำกับข้าวให้กูกินด่วนเลย

                เชี่ยยยยยยยยยยย!! ลบก่อนลบบบบบบ
                เอาใหม่!

                กลับมาเร็วๆ มาทำกับข้าวให้กูกินด่วนเลยสัสโด้

                เฮ้ออออออออ *ปาดเหงื่อ* เกือบลบไม่ทัน       
                ซักพัก...

                Read                                                                                                         
                กลับมาเร็วๆ มาทำกับข้าวให้กูกินด่วนเลยสัสโด้

                เย่! รี้ดแล้วววว >O<
                ...             

                ทำไมมึงรี้ดแล้วมึงไม่พิมพ์ตอบเล่าโว้ยยยยยยยยยย!!
                แงงงงงงงง TOT ตอบดิว้า



                เขานั่งกอดเข่าคุดคู้อยู่บนโซฟาก่อนที่จะฆ่าเวลาอีกสี่ชั่วโมงไปกับการดูทีวีที่ไม่เห็นจะสนุกซักกะนิด นั่งรอดูโทรทัศน์พลางดูไอโฟนพลาง คนที่รอให้ตอบไลน์ก็ไม่ตอบซักที ตอนนี้ก็แค่ดูโทรทัศน์รอคยองซูกลับมาเท่านั้น และแล้ว... ก็หกโมงเย็น

                “...” เขานั่งจ้องเข็มวินาทีเดินติ๊กติ๊กทีละนิดอย่างหงุดหงิด ที่ผ่านมาเดินเร็วอย่างกับแสง ทีวันอย่างนี้แม่งเดินช้าชิบหายวายวอด ขอให้พ่อมึงตายไอ้ห่าเข็มวินาที

                “โด้จ๋า หกโมงหนึ่งนาทีแล้วนะ T^T” 

                ก็รู้ว่ามันเลิกหกโมงเย็น แต่มันเรียนที่ไหนก็ไม่รู้

                คราวก่อนก็กลับมาเกือบสองทุ่ม 

                หิวจุง...

                ปึงงงงงงงง!!

                เสียงประตูเปิด O_O!!

                “แฮ่กๆๆๆ” คยองซูที่หน้าแดงเพราะเลือดสูบฉีดกำลังยืนหอบอยู่หน้าประตูห้อง ทำเอาไคเด้งพรวดจากโซฟาวิ่งไปหาทันที

                “อ่า... พอดีครูพีทเค้าเห็นที่มึงส่งมาน่ะ เค้าก็เลยให้เลิกก่อนครึ่งชั่วโมง แฮ่ก... เหนื่อยว่ะ ไหน... จะให้กูทำอะไรกิน” คยองซูยังคงปาดเหงื่อแต่ก็รีบมองหากับข้าวทันที

                “เอ่อ... ให้มึงหายเหนื่อยก่อนก็ได้ เดี๋ยวไปเอาน้ำมาให้กิน” ไคตั้งท่าจะเดินไป แต่คยองซูก็ขัดไว้

                “ไม่ต้องหรอก ^^ ทำเลยดีกว่า” คยองซูเดินปรี่ไปที่ตู้เย็น ในนั้นมีของหลายชนิด แต่ที่เด่นที่สุดคือไก่หนึ่งตัวเต็มๆ วางคู่เห็ดหอมแห้งเหมือนจงใจให้มันอยู่ติดกัน 

                ก็ซุปไก่ใส่เห็ดหอมมันของโปรดของเค้าเองนี่นา

                “มีไก่กับเห็ดหอมด้วยแฮะ ^^ นานๆ จะได้กินไก่ทั้งตัว ขอบคุณนะ จะทำให้อร่อยเลย” คยองซูพูดขอบคุณแต่สายตาก็ไม่ได้มองมาทางไค เขายังคงรู้สึกประหม่าและเขินที่ร้องไห้ในวันนั้น ไคเองก็เข้าใจ จึงเดินไปหยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่

                “กูอยากช่วย จะได้เสร็จไวๆ”
                “ถ้างั้น... ล้างนี่ก่อนเลย”

                บนโต๊ะมีทั้งซุปไก่ใส่เห็ดหอม, ต๊อกโบกกีคยองซูเวอร์ชั่น, คิมบับห่อสาหร่ายและกิมจิ ทั้งสองคนยิ้มให้มื้ออาหารสุดอลังการก่อนที่จะลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อย

                “ทำไมมึงกลับมาเร็วนักล่ะ” คยองซูเอ่ยปากขึ้น ขณะที่กำลังตักซุปใส่ปาก

                “ก็มันไม่มีอะไรให้ทำนี่หว่า” ไคตอบเซ็งๆ เขาไม่อยากบอกคนตรงหน้าว่าที่กลับมาเร็วเพราะอะไร

                “งั้นแสดงว่าพวกนั้นเดทกันเสร็จแล้วสิ ลองโทรไปแซวพวกมันดิมะ” คยองซูมีสีหน้าที่อยากจะโทรไปถามสุดๆ 

                “ไม่ต้องเลยยยย อยู่เฉยๆ แดกข้าวไปเลยมึงอ่ะ” ไครีบยึดโทรศัพท์ของคยองซูไว้ข้างตัว ก็ถ้าโทรไปถามปั๊บ ก็รู้ความจริงที่เขากลับมาก่อนกำหนดน่ะสิ

                “ก็ได้ -^-” 

                “วันนี้ไปเรียนอะไรมาบ้าง มาสอนกูซิ” ไคถามขึ้น เขาอยากให้คยองซูรู้ว่าตอนนี้ สำหรับเขาแล้ว ครูพีทก็คือครูคนหนึ่งจริงๆ ไม่ใช่อย่างที่เคยเผลอหลุดปากด่าออกไป คยองซูเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็กระตือรือร้นหยิบหนังสือเรียนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

                “นี่ไง ครูเค้าสอนเรื่องการพูดน่ะ ก็แค่ฝึกความมั่นใจที่จะพูด อย่าไปกลัวว่าจะผิด แต่วันนี้ก็พูดแกรมม่าผิดไปเยอะเลยแหละ ครูเค้าก็บอกว่าฝรั่งเค้าไม่สนใจหรอกว่าเราจะพูดผิดยังไง ขอแค่ออกมาโดยรวมรู้เรื่องก็พอ” คยองซูอธิบายยาว เพราะเขาเองก็อยากให้ไคเก่งภาษาอังกฤษซักที

                แต่ดูเหมือนว่า...
                ไคจะไม่ได้สนใจหนังสือเลยแม้แต่น้อย

                แต่กลับนั่งมองคนตัวเล็กอธิบายเจื้อยแจ้ว

                “อืม หรอ”

                “นี่! มองหนังสือสิ! จะฟังมั้ยเนี่ย!” เมื่อรู้ตัวว่าถูกมองมาตลอด จึงรีบเปลี่ยนเรื่องและหลบตา 

                “ฟังจ้ะ” ร่างสูงตอบหวานๆ ก่อนที่ตัวเองนั่นแหละจะเป็นฝ่ายแก้มแดงขึ้นมา

                “ก็นั่นแหละ ไหนลองคุยกับกูเป็นภาษาอังกฤษซิ” 

                นั่นไง... เล่นของยากอีกละไอ้โด้ -*-

                “ไม่เอาาาา กูพูดไม่เป็น” เขาปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นสายตาดุๆ กำลังจ้องมา จึงต้องพูดอย่างเสียไม่ได้ “เอ่อ... I miss you so much. จุ๊บๆ”

                “ดีๆ ดิวะ -_-^ กูรู้ว่ามึงพูดได้ ตอนนี้คิดอะไรอยู่ก็พูดออกมาเลย” คยองซูคะยั้นคะยอ

                ตอนนี้คิดอะไรอยู่งั้นหรอ...

                “อืม...”
                “...”
                I want... You and I...” เขาชี้ไปที่คนตัวเล็กแล้วชี้กลับมาที่ตัวเอง
                “...”
                stay... together... like this
                “...”

                “ได้มั้ย” สายตาที่เขามองมาที่คยองซูคือความจริงใจที่อยากจะสื่อออกไปทั้งหมด แน่นอนว่าคยองซูไม่สามารถมองดวงตาที่จริงจังนั้นได้นาน จึงรีบหลบตาทันที

                “ท... ทำไมถามแบบนี้วะแม่ง ก็ต้องได้ดิ”
                “...”
                “ก็เราเป็นเพื่อนกันนิ”


คนหนึ่งอยากจะเปลี่ยนสถานะจากความเป็นเพื่อนเป็นแฟนอย่างจริงจัง...

แต่อีกคนก็ตั้งปราการหนาแน่น เพียงเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะแค่เล่นๆ กับตนเท่านั้น...


**********


                “ชานยอล วันนี้กูไปนอนบ้านมึงนะ” ผมพูดขึ้นในขณะที่เรากำลังเดินเล่นอยู่ริมถนน ผมยอมรับว่าช่วงนี้ผมออกจากบ้านกับชานยอลบ่อยขึ้น และเราก็ดูคุยกันรู้เรื่องมากขึ้นด้วย

                “ครับ เดี๋ยวผมโทรไปบอกคนให้เตรียมบ่อน้ำพุร้อนไว้ดีมะ?”

                “ไม่ต้อง -_-; แค่ไปอาบน้ำแล้วก็นอนเว้ย!” ผมพูดเซ็งๆ ในกระเป๋าสะพายด้านหลังของผมมีชุดนอน, ชุดที่จะใส่พรุ่งนี้แล้วก็แปรงสีฟันพร้อม มันโทรศัพท์นิดหน่อยเหมือนจะเรียกให้คนขับรถมารับ แล้วก็มารับภายในห้านาที -O-!!

                “ทำไมคนขับเค้ามารับเร็วจังวะ” ผมเปรยเบาๆ เมื่อขึ้นรถลีมูซีน (เออ อ่านไม่ผิดหรอก ลีมูซีน 5555555) ชานยอลหยิบช็อกโกแลตให้ผมกินก่อนจะตอบ

                “เค้าขับรถตามผมตลอดเวลาแหละ ถ้าผมไม่โทรเรียกเค้าก็ไม่มารับหรอก” 

                เอริ่มมมมม... แม่จ๋า แบคอยากได้แบบนี้บ้างอ่ะแม่ TOT


                ซักพักใหญ่เราก็ไปถึงที่บ้าน ไม่ใช่! คฤหาสน์ชานยอล ความหรูยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ต่างจากครั้งที่แล้วคือลีมูซีนไปส่งถึงหน้าประตูบ้าน เราก็เลยไม่ต้องเดินมาราธอนกันเหมือนคราวที่แล้ว -O-

                “อ้าวคุณชาย ^O^ พาคุณชายแบคฮยอนมาด้วยหรอคะ รีบๆ เลยค่ะ วันนี้มีเซอร์ไพร์สนะคะ” ป้ามุนอาออกมาต้อนรับเรา ก่อนที่จะทำสีหน้าปลื้มอกปลื้มใจ แต่ไม่ได้ปลื้มผมหรอก... กำลังปลื้มเซอร์ไพร์สอยู่ต่างหาก

                “เซอร์ไพร์สอะไรครับป้ามุนอา” ชานยอลถามหน้างง

                “เข้าไปดูเองสิคะ เค้ามารอนานแล้วนะคะ >O<” ป้ามุนอาทำหน้าตื่นเต้นมาก ทำเอาชานยอลเกาหัวงงแดก พวกเราจึงเดินเข้าไปในห้องรับแขกก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งหันหลังให้อยู่

                “สวัสดีครับ” ชานยอลทัก ร่างนั้นจึงหันมามองตามเสียงเรียก...

                “ชานยอลอ่า ^_^” หน้ากลมๆ ที่คล้ายซาลาเปานั้นยิ้มออกมาซะหล่อเลย -*-

                “พี่มินซอก O[]O!! พี่มินซอกจริงๆ หรอเนี่ยยยย >O<!!” ชานยอลรีบวิ่งโผเข้ากอดผู้ชายคนนั้นที่ชื่อมินซอกอะไรซักอย่างเนี่ยแหละ! ก่อนที่จะมองหน้าพี่มินซอกอย่างละเอียดแล้วก็กอดแล้วกอดอีก

                “ฮ่าๆๆๆ คิดถึงพี่มากรึไงฮะไอ้เด็กบ้า” พี่มินซอกคนนั้นหัวเราะก่อนที่จะหันมามองผม ผมจึงโค้งเก้าสิบองศาให้       

                “สวัสดีครับ ผมชื่อบยอนแบคฮยอนครับ” ผมแนะนำตัว 

                “หวัดดี พี่ชื่อคิมมินซอกนะ ^^ เป็น... เป็นอะไรกับชานยอลดีวะ  -_- เป็นเหมือนเพื่อนมันแล้วกัน ^O^!!” พี่มินซอกตอบอย่างเฟรนด์ลี่ ก่อนจะหันไปกระทุ้งศอกใส่ชานยอลเบาๆ “แน่ะ ใครวะ แฟนหรอ”

                “เปล่าพี่ เพื่อนผม ฮ่าๆๆ” 

                โถอีเหี้ยยยยยยยยย!!!
                ร้อยวันพันปีแนะนำกูว่า ไม่ใช่เพื่อน แต่ก็ไม่ใช่แฟนตลอด!!

                แล้วนี่อะร๊ายยยย มึงตัดกูเหลือแค่ความเป็นเพื่อนใช่มั้ย =[]=!!!

                “ฮ่าๆๆๆ เพื่อน! ครับพี่ ใช่ครับพี่ เพื่อน!!!” ผมเน้นคำว่าเพื่อนใส่หน้าไอ้ชานยอล แต่ดูเหมือนตอนนี้พี่มินซอกกำลังดึงดูดความสนใจจากมันได้มากกว่าผม T^T

                “พี่มาไงเนี่ย O_O! ผมโคตรจะคิดถึงอ่ะ” ชานยอลหันไปคุยกับพี่ มินซอก ก่อนที่จะพาเดินไปที่ห้องทานอาหาร ผมมองตามอย่างหงุดหงิดก่อนที่จะวางกระเป๋าสะพายไว้ข้างโซฟาห้องรับแขกแล้วเดินตามไปเงียบๆ

                “ก็ป๊ากับม๊าแกน่ะสิ รบเร้าพี่ให้มาให้ได้ บอกว่ามาดูชานยอลมันหน่อย ป่านนี้หลงระเริงไปไหนแล้วก็ไม่รู้ พี่ก็เลยต้องบินมาดูให้เห็นกับตาว่าไอ้ชานยอลของพี่มันเป็นตายร้ายดียังไง”

                ชานยอลของพี่... ฮรึกกกกกกกกก
                ชานยอลของเค้าหรอก -^-

                “พี่จะห่วงมากทำไมเนี่ย แค่ป้ามุนอาอยู่ ผมก็ไม่กล้าใช้จ่ายเกินตัวละ” ชานยอลตอบหน้าจะร้องไห้ 

                หรออออออออออออ ไม่ใช้จ่ายเกินตัวหรอออออออ
                แล้วไอ้แหวนคู่ห่าอะไรนี่มันราคาจิ๊บๆ ใช่มั้ยดวกชานยอล -_-^

                “เอาน่าๆ นี่! พี่สั่งคนให้ทำกับข้าวของโปรดแกไว้แล้วนะ เต็มโต๊ะเลยเป็นไง กินให้อร่อย ถ้ากินไม่หมดก็ต้องกินให้หมด!” พี่มินซอกสั่งให้คนเปิดฝากับข้าว ซึ่งเป็นอาหารสไตล์ญี่ปุ่นทั้งหมด

                หรอ (._.) กูพึ่งรู้ว่ามึงชอบกินอาหารสไตล์ญี่ปุ่นก็วันนี้ T^T

                “โหยยยยยย พี่มินซอกกกก! ขอบคุณครับบบบ TOT” ชานยอลร้องดีใจก่อนที่จะลงมือนั่ง ผมยืนเกาหัวงงๆ ไม่รู้จะทำอะไรต่อดี พี่มินซอกเหลือบมาเห็นเข้าจึงเรียกให้ไปนั่งตรงข้ามกับพี่เค้า

                “แบคฮยอนน่ารักดีนะ นี่โสดใช่มะ” พี่มินซอกถามยิ้มๆ 

                โสด-ส-นิท-มิด-ดินเลยครับพี่!” ผมเน้นทีละคำ ชานยอลหันมาเหล่มองเหมือนจะเคืองนิดๆ แต่ซูชิกับปลาดิบตรงหน้ามันสำคัญกว่าผม T^T มันก็เลยแดกต่อไปไม่พูดอะไร

                “พี่ก็ถามไปงั้นแหละ ไม่จีบหรอกนะ เพราะพี่มีคนที่ชอบอยู่แล้ว >O<” พี่มิน ซอกพูดเขินๆ ก่อนจะหันไปมองชานยอล “เนอะชานยอลเนอะ”

                “ฮ่าๆๆๆ ครับ ^_^

                นี่มันอาร๊ายยยยยยยยยยยย!!!
                ทำไมพูดถึงคนที่ชอบแล้วต้องหันไปมองชานยอล!! ทำไมมม TOT

                “เฮ้อออออ เมื่อยแขนจังงงง” ผมแกล้งบ่นเบาๆ ก่อนที่จะยืดแขนขวาออกไปตรงหน้า ไม่ใช่อะไร... กูจะอวดแหวนคู่!! เข้าใจมั้ยพี่มินซอก ผมกับชานยอลมีแหวนคู่กันด้วยนะเพ่!

                “เออนี่ชานยอล แกมีคนที่ชอบรึยัง” พี่มินซอกไม่ได้สนใจแหวนคู่ที่ผมอุตส่าห์ยืดออกไปให้ดูเลยแม้แต่น้อย TOT แต่กลับหันไปคุยกับชานยอลซะงั้น มันเองก็ชะงักนิดหน่อย ก่อนจะมองหน้าผมแล้วก็มองปลาดิบ -*-

                “ก็... มีแล้วมั้งครับ”                

                ตอบให้มันชัดๆ สิฟะ!!! จะมีม้งมีมั้งห่าอะไรอีกล่ะไอ้บ้าาาา
                เอ๊ะ...

                หรือกูเล่นตัวเกินไปจนมันเลิกจีบกูไปนานแล้ว?

                “แหม ไม่ต้องอายเพื่อนเลยย บอกพี่มา นี่แสดงว่าแบคฮยอนไม่รู้ใช่มั้ยว่ามันชอบใครอยู่ แน่ะ! อย่าบอกว่าชอบคนในกลุ่มเดียวกันนะ!” พี่มินซอกยังคงถามไม่หยุด สายตาผมกับชานยอลเผลอประสานกันชั่วครู่ ก่อนที่มันจะเป็นฝ่ายหลบตาไปก่อน

                “ฮ่าๆๆๆ พี่อย่าถามมากนักเลย กินข้าวเหอะ!” มันตอบปัดแทนที่จะพูดความจริง พลางก้มหน้าก้มตากินซูชิอย่างกับไม่เคยแดกมาก่อนในชีวิต -_-^ เหี้ยมากกกก

                “งั้นพี่ถามแบคฮยอนแทนดีกว่า ^_^ แบคฮยอนต้องรู้บ้างแหละว่าชานยอลมันชอบใครอยู่ ใช่มะ” พี่มินซอกเบนเข็มมาทางผมแทน ผมยิ้มเก้อก่อนจะมองหน้าชานยอล แต่มันก็ไม่ได้สบตากลับ

                “อืม...”
                “...”

                “ผมว่าผมอาจจะรู้ แต่ชานยอลเค้าคงไม่อยากให้เปิดเผยหรอกครับ (._.)” ผมทำได้แค่เอาตะเกียบเขี่ยวาซาบิในถ้วยตัวเอง ไม่อยากสบตากับใครทั้งนั้น

                “...”
                “...”
                “เอ้า! เงียบกันหมดเลย ฮ่าๆๆๆๆ สงสัยเรื่องนี้จะเครียดจริงแฮะ เปลี่ยนเรื่องดีกว่า...” พี่มินซอกพูดแก้เขินก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่อง “เอ้อ! ชานยอล บิลบัตรเครดิตแกมันแจ้งมาว่าแกซื้อของที่ร้านป๊าแกไปตั้งล้านวอน ซื้ออะไรไปวะ”            

                โถคุณพี่... เปลี่ยนเรื่องแล้วหรอ -0-
                แม่งก็วนๆ อยู่ในเรื่องเดิมๆ คนเดิมๆ นั่นแหละเพ่!!

                “ซื้อแหวนน่ะครับ” ชานยอลตอบหน้าตายโดยไม่เขินอะไรแม้แต่น้อย ทำไงดีล่ะ... รู้สึกเจ็บเบาๆ เราควรจะถอดแหวนออกใช่มั้ย? อืม... เราควรถอดแหวนออกก่อน

                “แหวนไรวะ” พี่มินซอกจี้ถาม ชานยอลเงยหน้าจากจานอาหารก่อนที่จะมองหน้าผม ผมไม่ได้มองหน้ามันแต่กลับเอามือขวาขึ้นมาเท้าคางตัวเอง เพื่อให้มันรู้ว่า... จะพูดอะไรก็พูดเถอะ กูไม่ได้ใส่แหวนคู่ของมึงแล้ว

                “แหวน...” มันชะงักไปนิดหน่อยเมื่อเห็นมือขวาของผม ก่อนที่จะพูดต่อ “แหวนเฉยๆ น่ะครับ”

                แหวนเฉยๆ...
                อืม... ใช่ แหวนเฉยๆ

                “แน่ะ! อย่าแอบเอาไปให้ใครโดยไม่บอกพี่กับแบคฮยอนนะ!” พี่มินซอกหัวเราะอารมณ์ดี แต่คุณพี่จะรู้มั้ยครับว่าตอนนี้ผมกับชานยอลเราไม่มองหน้ากันแล้วนะ 55555555

                “ผมว่า... ผมอิ่มแล้วอ่ะครับ เดี๋ยวขอตัวกลับก่อนดีกว่า แฮะๆ ^^;” ผมพูดขัดก่อนที่จะลุกขึ้นยืน โค้งเก้าสิบองศาให้พี่มินซอกแล้วเดินไปที่ห้องรับแขก

                “คุณชายแบคฮยอนจะกลับแล้วหรอคะ แล้วอุตส่าห์เตรียมของมานอน...” ป้ามุนอาทักขึ้นเมื่อเห็นผมกำลังหยิบกระเป๋าสะพายเตรียมออกจากบ้าน

                “อ่า... ครับ ^^ ความจริงผมก็ไม่ได้เตรียมอะไรมาหรอก ในนี้ก็แค่หนังสือเรียนน่ะครับ” ผมตอบกลับไปยิ้มๆ โค้งลาป้ามุนอาแล้วเดินออกจากบ้าน ไม่ใช่... คฤหาสน์ของชานยอลอย่างเหนื่อยล้า


                เฮ้ยเดี๋ยว...

                อีเหี้ย!!!
                กูเอาแหวนไปไว้ไหนวะ =[]=!!!!!!!!!!!!!



คนหนึ่งจริงจัง แต่ก็กลัวว่าอีกคนจะไม่ได้ชอบตัวเอง จึงไม่อยากจีบต่อหน้าคนอื่น

ส่วนอีกคนเริ่มหวั่นไหว แต่ทำไมคนนั้นไม่จีบเหมือนทุกทีล่ะ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น